เมื่อเวลา 14.30 น. วานนี้ (10 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวกรณี นายสมัยศึก สรสิริ อายุ 75 ปี อดีตทหารอากาศ ที่ได้ตะโกนขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ออกไป ระหว่างที่นายกฯไปเป็นประธานปล่อยตัวนักวิ่งในงานเดิน-วิ่ง การกุศลดอนบอสโกมินิมาราธอนเพื่อการศึกษา ครั้งที่ 9 ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
นายชนินทร์ อ้างว่า ได้รับการประสานจากนายนิรันด์ แสงจันท์ อายุ 61 ปี เพื่อนร่วมวิ่งออกกำลังกายตอนเช้ากับนายสมัยศึก ว่า นายสมัยศึก ต้องการขอโทษนายกฯ ที่ได้ตะโกนด่าไปในวันดังกล่าว ซึ่งนายนิรันดร์ กล่าวเสริมว่าหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ปรากฏว่านายสมัยศึก ได้ถูกคนรู้จัก และเพื่อนบ้านต่อว่า ว่าไปตะโกนด่านายกฯทำไม เพื่อนบ้านก็ต่างบอกว่า ลุงทำแสบอีกแล้ว นายสมัยศึกจึงมาหา และบอกว่าเกิดอาการเครียด ตนจึงได้ประสานกับนายชนินท์ เพื่อเดินทางมาขอโทษ จะได้สบายใจ
ด้านนายสมัยศึก กล่าวว่า เป็นแฟนพรรคประชาธิปัตย์ และเลือกพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด กระทั่งปี 2552 ได้เจอนายกฯในที่ต่างๆ ขณะประสบปัญหาคนเสื้อแดง ก็ได้ตะโกนให้นายกฯสู้ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี กลับเห็น นายกรัฐมนตรี ทำตัวเหมือนเป็นขุนอยู่ในกระดานหมากรุก ที่รอให้คนอื่นจับเดิน จึงอยากให้นายกฯทำตัวเป็นขุนนอกกระดาน เป็นตัวของตัวเอง ยอมรับว่า วันที่ไปวิ่ง และเจอนายกฯ รู้สึกไม่พอใจมาก เพราะเป็นช่วงเหตุการณ์ที่กัมพูชายิงใส่ทหารไทย แต่นายกรัฐมนตรี กลับใจเย็น และยังนิ่งอยู่ได้ จึงตะโกนว่า นายกฯออกไปได้แล้ว เพราะไม่ได้สนใจใคร หากตนอายุยังน้อย และมีการเรียกทหารกองหนุน ตนจะสมัครไปชายแดนทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า 2 ปีที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ทำงานไม่เข้าตาใช่หรือไม่ นายสมัยศึก กล่าวว่าจะว่าอย่างนั้นก็ใช่ ยังไม่ได้ใจประชาชน จึงอยากให้นายกฯ สู้อีกสักครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นว่าควรจะให้บริหารประเทศต่อไปอีกหรือไม่ นายสมัยศึก กล่าวว่า อยากให้นายกฯสู้ และกล้าหาญมากกว่านี้ ซึ่งหากได้เจอหน้าก็จะขอขมา แล้วก็จะบอกกลับไปว่า ขอให้เป็นขุนนอกกระดานเสียที ไม่ใช่ขุนในกระดาน ตนเป็นคนรักสถาบันฯ และเชียร์พรรคประชาธิปัตย์มาตลอด แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ทำไม่ถูกใจ ต่อไปนี้ก็จะโนโหวต โดยวันนี้ตนได้นำพวงมาลัยดอกบานไม่รู้โรย และดอกดาวเรือง มาขอขมานายกฯ ซึ่งดอกไม้ทั้งสองอย่างมีความหมายในตัวอยู่แล้ว ที่พูดไปก็เพราะรัก เมื่อเป็นนายกฯแล้วอยากให้กล้าหาญ เป็นตัวของตัวเองมากกว่านี้
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายสมัยศึก ได้เปิดเผย ภายหลังเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อขอขมา ที่ห้องทำงานในอาคารรัฐสภา ชั้น 2 นานกว่า 5 นาที ว่า ตนได้ขอโทษท่านนายกฯในเหตุการณ์ที่ได้ทำไป ซึ่งท่านก็ตอบว่าให้ลุงสบายใจ และท่านเข้าใจ พร้อมอธิบายว่า เรื่องข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเรื่องซับซ้อน และละเอียดอ่อน ทุกอย่างอาจจะไม้ได้ดั่งใจ แต่ขอให้เข้าใจในการทำหน้าที่ของท่าน
ขณะที่นายชนินทร์ ซึ่งเป็นคนพานายสมัยศึกเข้าพบนายกฯได้กล่าวเสริมว่า นายกฯได้อธิบายภาพกว้างให้ลุงเข้าใจ และใจเย็น เพราะเป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆ ทำ และเราสู้กับกลุ่มทุนที่ใหญ่มีผลประโยชน์มาก ท่านเข้าใจแฟนคลับและยืนยันว่า ไม่มีใครมาบังคับหรือสั่งการตัวท่านได้ นายกฯ ยืนยันว่า เป็นอิสระไม่มีใครบังคับ แต่การแก้ปัญหาต้องใช้เวลาด้วย
นายชนินทร์ อ้างว่า ได้รับการประสานจากนายนิรันด์ แสงจันท์ อายุ 61 ปี เพื่อนร่วมวิ่งออกกำลังกายตอนเช้ากับนายสมัยศึก ว่า นายสมัยศึก ต้องการขอโทษนายกฯ ที่ได้ตะโกนด่าไปในวันดังกล่าว ซึ่งนายนิรันดร์ กล่าวเสริมว่าหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ปรากฏว่านายสมัยศึก ได้ถูกคนรู้จัก และเพื่อนบ้านต่อว่า ว่าไปตะโกนด่านายกฯทำไม เพื่อนบ้านก็ต่างบอกว่า ลุงทำแสบอีกแล้ว นายสมัยศึกจึงมาหา และบอกว่าเกิดอาการเครียด ตนจึงได้ประสานกับนายชนินท์ เพื่อเดินทางมาขอโทษ จะได้สบายใจ
ด้านนายสมัยศึก กล่าวว่า เป็นแฟนพรรคประชาธิปัตย์ และเลือกพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด กระทั่งปี 2552 ได้เจอนายกฯในที่ต่างๆ ขณะประสบปัญหาคนเสื้อแดง ก็ได้ตะโกนให้นายกฯสู้ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี กลับเห็น นายกรัฐมนตรี ทำตัวเหมือนเป็นขุนอยู่ในกระดานหมากรุก ที่รอให้คนอื่นจับเดิน จึงอยากให้นายกฯทำตัวเป็นขุนนอกกระดาน เป็นตัวของตัวเอง ยอมรับว่า วันที่ไปวิ่ง และเจอนายกฯ รู้สึกไม่พอใจมาก เพราะเป็นช่วงเหตุการณ์ที่กัมพูชายิงใส่ทหารไทย แต่นายกรัฐมนตรี กลับใจเย็น และยังนิ่งอยู่ได้ จึงตะโกนว่า นายกฯออกไปได้แล้ว เพราะไม่ได้สนใจใคร หากตนอายุยังน้อย และมีการเรียกทหารกองหนุน ตนจะสมัครไปชายแดนทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า 2 ปีที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ทำงานไม่เข้าตาใช่หรือไม่ นายสมัยศึก กล่าวว่าจะว่าอย่างนั้นก็ใช่ ยังไม่ได้ใจประชาชน จึงอยากให้นายกฯ สู้อีกสักครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นว่าควรจะให้บริหารประเทศต่อไปอีกหรือไม่ นายสมัยศึก กล่าวว่า อยากให้นายกฯสู้ และกล้าหาญมากกว่านี้ ซึ่งหากได้เจอหน้าก็จะขอขมา แล้วก็จะบอกกลับไปว่า ขอให้เป็นขุนนอกกระดานเสียที ไม่ใช่ขุนในกระดาน ตนเป็นคนรักสถาบันฯ และเชียร์พรรคประชาธิปัตย์มาตลอด แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ทำไม่ถูกใจ ต่อไปนี้ก็จะโนโหวต โดยวันนี้ตนได้นำพวงมาลัยดอกบานไม่รู้โรย และดอกดาวเรือง มาขอขมานายกฯ ซึ่งดอกไม้ทั้งสองอย่างมีความหมายในตัวอยู่แล้ว ที่พูดไปก็เพราะรัก เมื่อเป็นนายกฯแล้วอยากให้กล้าหาญ เป็นตัวของตัวเองมากกว่านี้
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายสมัยศึก ได้เปิดเผย ภายหลังเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อขอขมา ที่ห้องทำงานในอาคารรัฐสภา ชั้น 2 นานกว่า 5 นาที ว่า ตนได้ขอโทษท่านนายกฯในเหตุการณ์ที่ได้ทำไป ซึ่งท่านก็ตอบว่าให้ลุงสบายใจ และท่านเข้าใจ พร้อมอธิบายว่า เรื่องข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเรื่องซับซ้อน และละเอียดอ่อน ทุกอย่างอาจจะไม้ได้ดั่งใจ แต่ขอให้เข้าใจในการทำหน้าที่ของท่าน
ขณะที่นายชนินทร์ ซึ่งเป็นคนพานายสมัยศึกเข้าพบนายกฯได้กล่าวเสริมว่า นายกฯได้อธิบายภาพกว้างให้ลุงเข้าใจ และใจเย็น เพราะเป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆ ทำ และเราสู้กับกลุ่มทุนที่ใหญ่มีผลประโยชน์มาก ท่านเข้าใจแฟนคลับและยืนยันว่า ไม่มีใครมาบังคับหรือสั่งการตัวท่านได้ นายกฯ ยืนยันว่า เป็นอิสระไม่มีใครบังคับ แต่การแก้ปัญหาต้องใช้เวลาด้วย
