นายกฯ ปล่อยคาราวานรถช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม 1 จังหวัด 1 เขต กทม.ขอผู้ว่าฯ จังหวัดที่ไม่ประสบภัยช่วยจัดทีมพร้อมรถน้ำดื่ม-เรือ รถเก็บขยะ รถขนส่ง ทีมแพทย์สาธารณสุข ออกช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ร่วมกับทีมของ กทม.ก่อนนั่งรถเมล์ออกเยี่ยมผู้ประสบภัยในเขตจตุจักร ทั้งร่วมเปิดครัวทำอาหารแจกชาวบ้าน
วันนี้ (10 พ.ย.) เมื่อเวลา 08.30 น.ที่ลานพระราชวังดุสิต พระบรมรูปทรงม้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานปล่อยขบวน “รัฐบาลร่วมใจช่วยผู้ประสบภัยทั่วไทย” โดยมี คณะรัฐมนตรี และอาสาสมัครจากภาคประชาชน พร้อมขบวนรถจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมจำนวนมาก
ทั้งนี้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวรายงานตอนหนึ่งว่า ถึงแม้ กทม.จะเป็นองค์กรอิสระ และมีความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชน แต่ยังมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์อุกภัยในครั้งนี้ยิ่งใหญ่ไพศาลมากนัก นายกรัฐมนตรีในนามของรัฐบาลไม่สามารถที่จะทนเห็นสภาพการณ์ ความอดอยากของพี่น้องประชาชนในเขต กทม.ไม่สามารถจะทนเห็นการเดินทางที่ยากลำบาก และแสนสาหัส ไม่สามารถจะทนเห็นขยะมูลฝอยเต็มบ้านเต็มเมือง นายกรัฐมนตรีทราบดีว่าลำพัง กทม.ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาในครั้งนี้ได้ ได้ปรารภกับตนและครม.ทั้งหมดว่าทำอย่างไรจะมาระดมสรรพสิ่งทั้งหลายเข้ามา ช่วยคนใน กทม.ในขณะที่อุทกภัยในต่างจังหวัดได้ทุเลาเบาบางลงมามากแล้ว จะมีปัญหาเฉพาะปริมณฑล นายกฯได้ให้ระดมทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาช่วยคนใน กทม.โดยการช่วยเหลือครั้งนี้ มี กระทรวงมหาดไทย ศึกษาธิการ สาธารณสุข พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงพลังงาน เป็นเจ้าภาพหลัก
นายยงยุทธ กล่าวว่า การช่วยเหลือครั้งนี้มีคาราวานน้ำดื่ม 32 คัน รถเก็บขยะ 80 คัน คาราวานเครื่องกรองน้ำ 100 ชุด คาราวานสุขาลอยน้ำ 100 คัน คาราวานสุขภาพพกพา 1,000 ชุด รถบรรทุกช่วยในการเดินทางแก่ผู้ประสบภัย 180 คัน และชุดช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอีอาร์ที นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขยังจัดทีมแพทย์ฉุกเฉิน ทีมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รถตรวจวิเคราะห์อาหาร รถเฝ้าระวังควบคุมโรครถแพทย์แผนไทย และรถตรวจคัดกรองสุขภาพจิตรวมจำนวน 60 คัน กระทรวงศึกษาธิการจัดขบวนรถเข้าร่วมจำนวน 36 คัน แบ่งเป็นขบวนรถฟิกซ์ อิต เซนเตอร์ จำนวน 18 คัน และรถบรรทุกเรือถุงยังชีพน้ำดื่ม 18 คัน นอกจากนี้กระทรวงศึกษาธิการได้จัดการสาธิตทำแพไม้ไผ่เพื่อใช้ขนสัมภาระ การสาธิตทำสะพานไม้ไผ่เพื่อใช้ในการสัญจร การสาธิตบริการซ่อมฟิกซ์ อิต เซ็นเตอร์ เพื่อบริการประชาชนและเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ประอุทกภัย รวมทั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)ได้ปรับเส้นทางเดินรถโดยสารอำนวยความสะดวกจำนวน 2,923 คัน โดยเป็นรถฟรี 800 คัน ขณะเดียวกันกองทัพได้สนับสนุนรถ 300 คัน และเรือ 30 ลำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติสนับสนุนรถ 100 คัน เรือ 130 ลำ
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับมอบน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวน 12,000 ลิตร และเครื่องมือทางการแพทย์จาก นายพิชัย นริพทพันธ์ รมว.พลังงาน และได้มอบต่อให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมทั้งมอบเรือยางให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.จำนวน 905 ลำ มอบเครื่องกรองน้ำ เสื้อชูชีพ เรือยางพร้อมเครื่องยนต์ 130 ลำ สุขาเคลื่อนที่ให้ กทม.มอบถุงยังชีพให้แก่ผู้แทนชุมชนใน กทม.23 เขต เพื่อนำออกไปช่วยประชาชนใน กทม.23 เขต ก่อนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ขึ้นเวทีกล่าวปล่อยขบวนคาราวาน 1 จังหวัด 1 เขต กทม.ว่า วันนี้เป็นพิธีปล่อยคาราวาน 1 จังหวัด 1 เขต กทม.ถือเป็นโครงการที่รัฐบาลร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั่วไทย เพราะที่ผ่านมาแต่ละจังหวัดมีน้ำท่วมขังเราถึงมีประสบการณ์ทราบว่าแต่ละจังหวัด ขณะที่เจอปัญหาน้ำท่วมขังสิ่งที่ผู้ว่าฯ และทุกหน่วยงานที่จะต้องต่อสู้กับมหา อุทกภัยครั้งนี้ตั้งแต่การเตรียมไม่ให้น้ำไหลกระทบใจกลางเมือง การทำแนวพนังกั้นน้ำ การดูแลประชาชน การอพยพผู้คน การดูแลเยียวยาอาหารให้ประชาชนได้อิ่มทุกมื้อได้เดินทางสัญจรไปมาอย่างปกติ รวมถึงการดูแลสุขภาพไม่ให้เจ็บป่วยไข้ไม่ให้ติดเชื้อ หรือแม้กระทั่งการเก็บขยะ การดูแลชุมชนไม่ให้น้ำเน่าขัง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่และหนักที่เป็นประสบการณ์ที่เป็นมหาอุทกภัยที่ไม่เคยประสบ มาเลยในประวัติศาสตร์ แม้ในตัวจังหวัดพยายามรวมทุกสรรพกำลัง เราไม่เคยต้องดูแลประชาชนพร้อมๆ กัน ขณะเดียวกัน วันนี้ปัญหาอุทกภัยร้ายแรง 27 จังหวัด ขณะนี้เนื่องจากบางจังหวัดน้ำลดลงบ้างแล้ว อย่าง จ.นครสวรรค์ และพระนครศรีอยุธยา เริ่มลดแล้ว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เราเข้าใจปัญหาและเห็นว่าองค์กรในส่วนของกระทรวงมหาดไทย และภาครัฐมีทุกหน่วย ทุกกรมกอง และหลายจังหวัดต้องการส่งกำลังใจเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จึงเป็นที่มาของโครงการ"รัฐบาลร่วมใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั่วไทย"ดังนั้น โครงการนี้ไม่ได้ทำแค่ กทม.แต่ต่างจังหวัดเรามีผู้ว่าฯ คู่แฝดที่น้ำไม่ท่วมเข้า มาช่วยเหลือดูแลผู้ว่าฯ ที่น้ำท่วม แต่กลไกกระทรวงมหาดไทยมีพลังมหาศาลในการเข้าไปดูแลให้ทั่วถึงทั้งจังหวัด ชุมชนและอำเภอก็ได้มีกรแบ่งเบาทุกเลาการดูแลประชาชนไปบ้าง วันนี้จึงเห็นว่าน้ำท่วมขังเข้ามาในกทม.เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆที่ กทม.ต้องทำงานทุกอย่างควบคู่กันไปทั้งการทำแนวพนังกั้นน้ำชะลอน้ำ ไม่ให้น้ำไหลกระทบเกินขีดความสามารถของเครื่องสูบน้ำ กทม.และเร่งระบายน้ำเพื่อลงท่อระบายน้ำที่ตั้งรอไว้ทุกจุด
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า วันนี้กทม.มีผลกระทบถึง 23 เขต และยังมีความต้องการในการดูแลประชาชนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากประชาชนในกทม.มีความประสงค์ที่จะอยู่บ้านเพราะน้ำยังอยู่ในระดับที่สัญจรไปมาได้แต่ลำบากมาก จึงเป็นที่มาในการขอระดมผู้ว่าฯในจังหวัดที่น้ำไม่ท่วมมาจัดคาราวาน 1 จังหวัด 1 เขต กทม.เพื่อร่วมทำงานกับกทม.ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ ตั้งแต่การตั้งครัวรัฐบาลเพื่อดูแลทุกเขต คาราวานรถเก็บขยะ คาราวานดูแลเครื่องกรองน้ำในการแบ่งเบาปัญหาเรื่องน้ำดื่มขาดแคลน คาราวานสุขาลอยน้ำ-สุขาพกพา และการขนส่งช่วยเหลือประชาชนที่ต้องขอบคุณทางกองทัพ ขสมก.ที่นำรถมาบริการโดยไม่คิดค่าบริการ แต่ตนเห็นว่าการสัญจรต่างๆ ยังต้องช่วยเหลืออีกมาก เราถึงมีการบุรณาการเรื่องการขนส่งในการประสานงานกับ ขสมก.ตำรวจ ทหาร มหาดไทย และหน่วยงานต่างๆในการจัดเส้นทางเพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนได้รับการดูแลสัญจรไปมาได้ รวมถึงรถฉุกเฉินของกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลเรื่องสุขภาพในกรณีฉุกเฉิน การแพร่เชื้อระบาดของโรคต่างๆ กระทรวงพลังงานจะอำนวยความสะดวกในเรื่องน้ำมันที่จะเติมไปยังทุกที่ เพราะปั๊มหลายปั๊มต้องหยุดงาน วันนี้คาราวานของเราระดมรถได้ถึง 800 คัน เพื่อร่วมช่วยเหลือประชาชนใน กทม.1 จังหวัด 1 เขต กทม.แสดงให้เห็นว่าคนไทยถ้าเรารวมพลังร่วมใจกันเป็นหนึ่งเราจะฟันฝ่า วิกฤตต่างๆ นี้ เข้าไปด้วยกัน ขอขอบคุณทุกหน่วยงาน และขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กทม.ทุกคน ถ้าวันนี้เราทำหน้าที่ของตนเองในศักยภาพที่เรามีอย่างเต็มที่ก็จะเห็นพลัง อย่างวันนี้ และเป็นพลังใจให้ผู้ประสบอุทกภัยในครั้งเข้มแข็งอดทน และต่อสู้กับมหาอุทกภัยในครั้งนี้ให้ได้
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สะบัดธงสัญลักษณ์ “รัฐบาลร่วมใจช่วยผู้ประสบภัยทั่วไทย” ส่วนบรรดารัฐมนตรีที่ยืนข้างๆ ได้สะบัดธงตาหมากรุกปล่อยคาราวาน ก่อนที่จะพากันไปขึ้นรถเมล์แดงของ ขสมก.สาย 32 โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ขึ้นไปโหนและเดินไปนั่งที่เบาะฝั่งซ้ายหน้าประตูทางขึ้นของตัวรถคู่กับ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โดยทั่งคู่โบกมือให้กับบรรดาข้าราชการ และประชาชนด้วยหน้าตายิ้มแย้ม เพื่อเดินทางออกจากลานพระบรมรูปทรงม้าไปเยี่ยมผู้ประสบภัยที่โรงเรียนมัธยม ประชานิเวศน์ เขตจตุจักร โดยขึ้นทางด่วนยมราชไปลงที่ถนนประชาชื่น ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ทั้งนี้ เมื่อไปถึงมีประชาชนมายืนรอรับที่หน้าโรงเรียนพร้อมตะโกนให้กำลังใจ ว่า “นายกฯสู้ๆ” ก่อนที่จะเดินเข้าไปเยี่ยมผู้ประสบภัยที่อาคารบดินทร์ชงโต ซึ่งมีจำนวน 100 คน โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เข้าไปพูดคุยให้กำลังใจอย่างเป็นกันเอง ต่อจากนั้น ได้ลงจากอาคารไปร่วมผัดวุ้นเส้นกับเหล่ากาชาดจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อบรรจุกล่องโฟมนำไปแจกจ่ายให้ประชาชน และเดินออกไปมอบถุงยังชีพผู้ประสบภัย ก่อนเดินทางกลับโดยรถเมล์คันเดิมเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่กำลังอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ที่รัฐสภา