ASTVผู้จัดการรายวัน-“คมนาคม”เตรียมโล๊ะจุดจอดรถตู้อนุสาวรีย์และอีกหลายจุดในกทม.ระบุเพื่อแก้ปัญหาจราจร เล็งจุดใหม่ จตุจักร,สายใต้และเอกมัย จุดจอดหลักทั้งรถตู้บขส.และรถตู้ขสมก. เดินหน้าจัดระเบียบ กวาดล้างรถเถื่อน สั่งบขส.,ขสมก.ทำแผนเชื่อมเส้นทางเน้นประชาชนต้องสะดวก ด้าน“โสภณ”ดีเดย์เปิดศูนย์ปลอดภัยรับสงกรานต์แห่งแรกที่”ลำตะคอง”
นายประกิต พลเดช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการคณะกรรมการจัดระเบียบและแก้ปัญหารถยนต์โดยสารสาธารณะ (รถตู้) เปิดเผยภายหลังการประชุม วานนี้(10 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องจุดจอดรถตู้โดยสารซึ่งจะต้องมีการกำหนดใหม่เพื่อแก้ปัญหาจราจร เนื่องจากมีการจอดบนผิวจราจรจำนวนมาก โดยมีมติให้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ไปทำรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมากำหนดจุดจอดรถที่เหมาะสมร่วมกันโดยจะต้องมีการเชื่อมโยงการเดินทางเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากที่สุด โดยคณะกรรมการฯจะประชุมเพื่อสรุปเรื่องนี้อีกครั้งในวันที่ 17 ก.พ.นี้ โดยจากข้อมูล ขณะนี้มีรถตู้โดยสารที่จดทะเบียนถูกต้องประมาณ 9,000 คัน แบ่งเป็นรถตู้ขสมก.จำนวน 5,788 คัน127 เส้นทาง รถตู้บขส. จำนวน 3,476 คัน 59 เส้นทาง โดยที่ประชุมเห็นว่า รถตู้บขส.ซึ่งวิ่งในเส้นทางกทม.-ต่างจังหวัดนั้นจะต้องกำหนดจุดต้นทางและปลายทาง โดยไม่อนุญาตให้หยุดรับ-ส่งระหว่างทาง ซึ่งเบื้องต้นจุดจอดที่เหมาะสมสำหรับสายเหนือคือที่จตุจักรสายตะวันตกและสายใต้คือสายใต้ใหม่ ส่วนสายตะวันออกคือเอกมัย ซึ่งจุดจอดดังกล่าวจะรวมถึงรถตู้ขสมก.ด้วย โดยจะพิจารณาจำนวนรถและขนาดพื้นที่อีกครั้ง ก่อนตัดสินใจ
นายประกิตกล่าวว่า บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิปัจจุบันเป็นจุดจอดรถตู้ทั้งสายต่างจังหวัดและรถตู้ขสมก.จำนวนมาก และกลายเป็นปัญหาจราจร ซึ่งหลักการเห็นว่า ไม่ควรมีการจอดรถตู้บริเวณดังกล่าว หรือหากจะมีก็อาจจะเหลือเพียงรถตู้ขสมก.บางส่วนเท่านั้นส่วนรถตู้ต่างจังหวัดจะต้องออกไปจอดตามจุดที่กำหนดส่วนที่บริเวณห้างพาต้า,สะพานปิ่นเกล้าและถนนราชดำเนินจะยกเลิกการจอดทั้งหมด
“เป้าหมายในการกำหนดจุดจอดรถตู้คือเพื่อแก้ปัญหาจราจร โดยเฉพาะในจุดที่สำคัญเช่นอนุสาวรีย์ ซึ่งยอมรับว่า จะต้องลงพื้นที่ก่อนเริ่มมาตรการและต้องทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการด้วย นอกจากนี้การจัดระเบียบจะทำให้จัดการกับรถตู้เถื่อนได้อย่างเด็ดขาดด้วย ”นายประกิตกล่าว
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะต้องใช้มาตรการเข้มงวดกรณีรถตู้ บขส.จอดรับส่งผู้โดยสารระหว่างทางและหากฝ่าฝืนและถูกตักเตือนเป็นครั้ง 2-3 จะถูกเลิกสัญญาเดินรถทันที เพราะถือว่า ที่ผ่านมาผ่อนผันให้มากแล้วเนื่องจากเป็นการวิ่งทับเส้นทางรถบขส.และรถร่วมบขส.ที่ได้รับสัมปทานถูกต้อง โดยคณะกรรมการจัดระเบียบและแก้ปัญหารถตู้ฯ มีหน้าที่ในการแก้ปัญหา 3 เรื่อง คือ 1.ที่จอดรถ 2. กฎระเบียบและข้อกฎหมายต่างๆ และ 3. ความปลอดภัยของผู้โดยสาร
***“โสภณ”ดีเดย์เปิดศูนย์ปลอดภัยรับสงกรานต์
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า ก่อนเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะมีการเปิดความปลอดภัยถาวรแห่งแรกเส้นทางตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณลำตะคอง และจะเปิดให้ครบ4 แห่ง ภายในเดือนเม.ย.นี้ โดยเป้าหมายจะมีศูนย์ปลอดภัยครอบคลุมเส้นทางสายเหนือ,อีสานและใต้ แต่ละศูนย์ห่างกันประมาณ 250-300 กิโลเมตรซึ่งภายในศูนย์ปลอดภัยจะมีจุดให้บริการตรวจเช็ครถโดยสารสาธารณะและจุดพักสำหรับคนขับรถ มีรถโมบายเคลื่อนที่ตรวจจับความเร็ว รถกู้ภัย ศูนย์ Call center ซึ่งจะสามารถประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีเกิดเหตุการณ์ต่างๆ พร้อมกันนี้ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะจัดรถตรวจการณ์วิ่งในเส้นทางสายต่างๆ ด้วย ซึ่งศูนย์แห่งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง กรมทางหลวงและขบ.และระยะต่อไปซึ่งจะมีการเพิ่มจำนวนศูนย์มากขึ้นจะเปิดให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมเช่น หากเอกชนมีพื้นที่และต้องการให้ให้ใช้ทำเป็นศูนย์ก็สามารถเสนอได้ ซึ่งเป็นการช่วยลดงบประมาณของภาครัฐลงทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (10 ก.พ.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)ได้จัดสัมมนาการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านความปลอดภัยทางถนนของกระทรวงคมนาคมระยะ 5 ปี (2554-2558) เพื่อระดมความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคม ,มหาดไทย ,สาธารณสุข,ศึกษาธิการ,สำนักงานตำรวจแห่งชาติ,กรุงเทพมหานคร (กทม.) นักวิชาการประมาณ 300 คนซึ่งสอดคล้องกับทศวรรษแห่งการดำเนินงานด้านความปลอดภัยบนท้องถนนของสหประชาชาติ โดยจะใช้เวลาศึกษา 8 เดือน (ก.ย.53- พ.ค.54) โดยแผนจะแบ่งเป็น 4 ยุทธศาสตร์ คือ 1. ด้านการบังคับใช้กฎหมาย 2. ด้านวิศวกรรม 3. ด้านการให้ความรู้ประชาสัมพันธ์การมีส่วนร่วม 4. ด้านการช่วยเหลือฉุกเฉิน
////////////
นายประกิต พลเดช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการคณะกรรมการจัดระเบียบและแก้ปัญหารถยนต์โดยสารสาธารณะ (รถตู้) เปิดเผยภายหลังการประชุม วานนี้(10 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องจุดจอดรถตู้โดยสารซึ่งจะต้องมีการกำหนดใหม่เพื่อแก้ปัญหาจราจร เนื่องจากมีการจอดบนผิวจราจรจำนวนมาก โดยมีมติให้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ไปทำรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมากำหนดจุดจอดรถที่เหมาะสมร่วมกันโดยจะต้องมีการเชื่อมโยงการเดินทางเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากที่สุด โดยคณะกรรมการฯจะประชุมเพื่อสรุปเรื่องนี้อีกครั้งในวันที่ 17 ก.พ.นี้ โดยจากข้อมูล ขณะนี้มีรถตู้โดยสารที่จดทะเบียนถูกต้องประมาณ 9,000 คัน แบ่งเป็นรถตู้ขสมก.จำนวน 5,788 คัน127 เส้นทาง รถตู้บขส. จำนวน 3,476 คัน 59 เส้นทาง โดยที่ประชุมเห็นว่า รถตู้บขส.ซึ่งวิ่งในเส้นทางกทม.-ต่างจังหวัดนั้นจะต้องกำหนดจุดต้นทางและปลายทาง โดยไม่อนุญาตให้หยุดรับ-ส่งระหว่างทาง ซึ่งเบื้องต้นจุดจอดที่เหมาะสมสำหรับสายเหนือคือที่จตุจักรสายตะวันตกและสายใต้คือสายใต้ใหม่ ส่วนสายตะวันออกคือเอกมัย ซึ่งจุดจอดดังกล่าวจะรวมถึงรถตู้ขสมก.ด้วย โดยจะพิจารณาจำนวนรถและขนาดพื้นที่อีกครั้ง ก่อนตัดสินใจ
นายประกิตกล่าวว่า บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิปัจจุบันเป็นจุดจอดรถตู้ทั้งสายต่างจังหวัดและรถตู้ขสมก.จำนวนมาก และกลายเป็นปัญหาจราจร ซึ่งหลักการเห็นว่า ไม่ควรมีการจอดรถตู้บริเวณดังกล่าว หรือหากจะมีก็อาจจะเหลือเพียงรถตู้ขสมก.บางส่วนเท่านั้นส่วนรถตู้ต่างจังหวัดจะต้องออกไปจอดตามจุดที่กำหนดส่วนที่บริเวณห้างพาต้า,สะพานปิ่นเกล้าและถนนราชดำเนินจะยกเลิกการจอดทั้งหมด
“เป้าหมายในการกำหนดจุดจอดรถตู้คือเพื่อแก้ปัญหาจราจร โดยเฉพาะในจุดที่สำคัญเช่นอนุสาวรีย์ ซึ่งยอมรับว่า จะต้องลงพื้นที่ก่อนเริ่มมาตรการและต้องทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการด้วย นอกจากนี้การจัดระเบียบจะทำให้จัดการกับรถตู้เถื่อนได้อย่างเด็ดขาดด้วย ”นายประกิตกล่าว
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะต้องใช้มาตรการเข้มงวดกรณีรถตู้ บขส.จอดรับส่งผู้โดยสารระหว่างทางและหากฝ่าฝืนและถูกตักเตือนเป็นครั้ง 2-3 จะถูกเลิกสัญญาเดินรถทันที เพราะถือว่า ที่ผ่านมาผ่อนผันให้มากแล้วเนื่องจากเป็นการวิ่งทับเส้นทางรถบขส.และรถร่วมบขส.ที่ได้รับสัมปทานถูกต้อง โดยคณะกรรมการจัดระเบียบและแก้ปัญหารถตู้ฯ มีหน้าที่ในการแก้ปัญหา 3 เรื่อง คือ 1.ที่จอดรถ 2. กฎระเบียบและข้อกฎหมายต่างๆ และ 3. ความปลอดภัยของผู้โดยสาร
***“โสภณ”ดีเดย์เปิดศูนย์ปลอดภัยรับสงกรานต์
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า ก่อนเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะมีการเปิดความปลอดภัยถาวรแห่งแรกเส้นทางตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณลำตะคอง และจะเปิดให้ครบ4 แห่ง ภายในเดือนเม.ย.นี้ โดยเป้าหมายจะมีศูนย์ปลอดภัยครอบคลุมเส้นทางสายเหนือ,อีสานและใต้ แต่ละศูนย์ห่างกันประมาณ 250-300 กิโลเมตรซึ่งภายในศูนย์ปลอดภัยจะมีจุดให้บริการตรวจเช็ครถโดยสารสาธารณะและจุดพักสำหรับคนขับรถ มีรถโมบายเคลื่อนที่ตรวจจับความเร็ว รถกู้ภัย ศูนย์ Call center ซึ่งจะสามารถประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีเกิดเหตุการณ์ต่างๆ พร้อมกันนี้ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะจัดรถตรวจการณ์วิ่งในเส้นทางสายต่างๆ ด้วย ซึ่งศูนย์แห่งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง กรมทางหลวงและขบ.และระยะต่อไปซึ่งจะมีการเพิ่มจำนวนศูนย์มากขึ้นจะเปิดให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมเช่น หากเอกชนมีพื้นที่และต้องการให้ให้ใช้ทำเป็นศูนย์ก็สามารถเสนอได้ ซึ่งเป็นการช่วยลดงบประมาณของภาครัฐลงทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (10 ก.พ.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)ได้จัดสัมมนาการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านความปลอดภัยทางถนนของกระทรวงคมนาคมระยะ 5 ปี (2554-2558) เพื่อระดมความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคม ,มหาดไทย ,สาธารณสุข,ศึกษาธิการ,สำนักงานตำรวจแห่งชาติ,กรุงเทพมหานคร (กทม.) นักวิชาการประมาณ 300 คนซึ่งสอดคล้องกับทศวรรษแห่งการดำเนินงานด้านความปลอดภัยบนท้องถนนของสหประชาชาติ โดยจะใช้เวลาศึกษา 8 เดือน (ก.ย.53- พ.ค.54) โดยแผนจะแบ่งเป็น 4 ยุทธศาสตร์ คือ 1. ด้านการบังคับใช้กฎหมาย 2. ด้านวิศวกรรม 3. ด้านการให้ความรู้ประชาสัมพันธ์การมีส่วนร่วม 4. ด้านการช่วยเหลือฉุกเฉิน
////////////