วานนี้(9 ก.พ.) นายสุวัจน์ ลิปปพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เปิดบ้านใบตอง ถนนราชวิถี ซอย 20 ให้บุคคลเข้าอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 56 ปี ตั้งแต่ช่วงเช้า
เวลา 12.30น. นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปอวยพร โยกล่าวอวยพรว่า “ขอให้สุขภาพแข็งแรงและที่ขอบคุณที่เข้ามาช่วยเหลือบ้านเมือง” พร้อมกับมอบแจกันดอกไม้เป็นของขวัญ ขณะที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านเข้าอวยพรคึกคัก เช่น พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคกิจสังคม นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรครวมชาติพัฒนา นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ นายนิกร จำนง อดีตกรรมการบริหารพรรคชาติไทย ฯลฯจากนั้นได้รับประทานอาหารร่วมกัน
**แนะนายกยุบสภาต้องคำนึง 3ส่วน
นายสุวัจน์ให้สัมภาษณ์ว่า ของขวัญวันเกิดที่อยากได้ หากขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ ก็ขอให้บ้านเมืองสงบสุขเรียบร้อย ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนความเหมาะสมที่จะยุบสภา หลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 นายกฯควรยุบสภาเลยหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันที่ 11 ก.พ.ก็รู้แล้วว่ากติกาเป็นอย่างไร ซึ่งการแก้ไขตามสูตร 375+ 125 ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ เพราะถึงอย่างไรวันที่ 11 ก.พ. ก็รู้แล้วว่าเราต้องใช้กติกาไหน ไม่ว่าสูตรไหนมีการได้เปรียบเสียเปรียบต่างกัน แต่มติออกมาแล้วทุกอย่างต้องเรียบร้อย อยากให้นายกฯพิจารณาปัจจัยทุกอย่างให้รอบคอบรวมถึงระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะนอกจากเรื่องรัฐธรรมนูญแล้ว ต้องดูความสงบในประทศ ที่ยังมีปัญหากระทบกระทั่ง การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ รวมถึงปัญหาชายแดนที่ยังสู้รบกับเพื่อนบ้าน เพราะหากมีการยุบสภาไปก็จะไม่มีรัฐบาลตัวจริง เป็นเรื่องที่นายกฯต้องคิดและตัดสินใจอย่างรอบคอบ ไม่ใช่ว่าเลือกตั้งแล้วยังมีการยิงกัน ทหารก็ยังสู้รบตามแนวชายแดนอยู่
นายสุวัจน์กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดคือ ปัญหาความมั่นคงของประเทศ มากกว่าความพร้อมในด้านอื่น เราต้องดูเรื่องความมั่นคงและการเลือกตั้งไปด้วย
ต่อข้อถามที่ว่า นายชวรัตน์ ระบุว่า จะมีข่าวดี นายสุวัจน์ กล่าวว่า ก็มีพื้นฐานที่ดี อะไรที่เป็นเรื่องที่ดีของประเทศ ก็ร่วมมือกัน ขณะนี้ประเทศมีความไม่เข้าใจและแตกแยกกัน การชูนโยบายด้านเศรษฐกิจเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่อยากเห็นทุกพรรคการเมืองหยิบยกนโยบายที่จะสร้างความปรองดองเป็นนโยบายหลักของพรรค และต้องยึดถือปฏิบัติทุกกพรรค ส่วนเป็นไปได้หรือไม่ที่จะรวมพรรคกับพรรคภูมิใจไทยในพื้นที่จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ กล่าวว่า ระบบพรรคการเมืองเวลาแข่งขันกันก็ต้องแข่งกันจริงจังแต่ก็ต้องเป็นอย่างสร้างสรรค์ค์ต้องชูนโยบายผลงานและบุคคลกรที่ดีที่สุด เมื่อแข่งจบก็ต้องยอมรับกติกาเรื่องก็จบ การรวมพรรคนั้นจะรวมหรือไม่รวมไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับการยอมรับกติกา
“น่าเห็นใจรัฐบาลเราต้องร่วมมือกัน เพื่อให้รัฐบาลตั้งหลักแก้ไขปัญหาของประเทศ และหากมีการเลือกตั้งจริง เราต้องสปิริตยอมรับกติกาทุกอย่างก็จบ เชื่อว่า หากมีเลือกตั้งประเทศเดินหน้าความขัดแย้งก็จะน้อยลง”
ส่วนกระแสการตั้งพรรคโคราชกับกลุ่ม 3 พีนั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตนยังอยู่ในฐานะที่ทำพรรคการเมืองไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่า ยังพูดคุยกับกลุ่ม 3 พี หรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า กับนายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี ก็ยังสนิทสนมพูดคุยกันเป็นประจำอยู่แล้วทั้งพื้นฐานแนวคิดและนโยบายตรงกัน ก็ยังมีโอกาสที่จะร่วมการทำงาน ก็น่าจะเป็นประโยชน์ ดังนั้นการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ คำว่า “ เป็นไม่ได้ใช้กับการการเมืองไม่ได้ ”
ทั้งนี้ถ้าเกิดพรรคโคราชจริงจะเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 56 ปี หรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า การรวมพรรคไม่ได้หมายถึงความสำเร็จทางการเมือง
นายสุวัจน์กล่าวว่า เชื่อว่าไม่น่าจะมีอะไร เพราะหากปฏิวัติไปก็ไม่สอดคล้องกับสังคมโลก มีอะไรก็ควรใช้กลไกประชาธิปไตยไปเลือกตั้งกัน ไม่น่ากังกลทั้งผู้ใหญ่ในบ้านเมือง กองทัพก็พูดชัดเจน เราอยากให้กำลังใจทหารที่ทำเพื่อบ้านเมือง
**3พีจับมือ “สุวัจน์”ตั้งพรรคโคราชแน่
ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่ม 3 พี พรรคเพื่อแผ่นดิน(พผ.) กล่าวถึงความชัดเจนการควบรวมพรรค ว่า จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญลุล่วงเป็นการเลือกตั้งแบบเขตละคน ส.ส.นครราชสีมาจะลดลงจากเดิม 1 คน เหลือเพียง 15 คน ขณะที่ส.ส.บัญชีรายชื่อจะมี 4 คน รวมส.ส.ในพื้นที่นครราชสีมาทั้งสิ้นถึง 19 คน แต่ปัญหาคือการเมืองในจังหวัดนครราชสีมายังขาดผู้นำ
พวกเราในกลุ่ม 3 พี รวมทั้งนายสุวัจน์จึงได้หารือกันว่าหากมีการรวมกันได้ก็จะสามารถทำให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นเมืองหลวงของภาคดีสานได้ตามจุดยืนและเจตนารมณ์ของพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาในอดีต และเห็นตรงกันว่านายสุวัจน์จะต้องเป็นผู้นำในเรื่องนี้ และจากที่คุยกันก็มีแนวโน้มที่พรรคเพื่อแผ่นดินและพรรครวมชาติพัฒนาจะต้องดูในจุดนี้ โดยเฉพาะการพิจารณาร่วมกันเรื่องตัวบุคคล โดยในส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน นายพินิจจารุสมบัติ และนายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ จะไปดู โดยความชัดเจนทั้งหมดจะเกิดหลังวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ โดยหัวหน้าพรรคและเลขาธิการของทั้งสองพรรคจะได้ตั้งโต๊ะเจรจากัน
“การเมืองโคราช เมื่อชื่อนายสุวัจน์ รวมกับชื่อว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ จะหลายเป็นสึนามิแน่นอนในเรื่องกระแส เพราะวันนี้กกลุ่มการเมืองแตกและแยกกันไปหมด ถ้ามารวมกันได้ประชาชนจะมีความเชื่อมั่น และนายสุวัจน์สามารถทำได้ การพิจารณาเรื่องนี้เราฟังจากเสียงประชาชนและมีการปรึกษาผู้หลักผู้ใหญ่ที่เรานับถือ เราปรึกษาเสมอมาตามที่ปรากฎในสื่อ ” ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์กล่าวและว่า
ส่วนความชัดเจนเกี่ยวกับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคใหม่ที่จะเกิดขึ้นนั้น ขณะนี้กำลังมีการพูดคุยกับหลายเครือข่ายหลายคน ทั้งกลุ่มทุน นักวิชาการ รวมทั้งม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ด้วย ซึ่งท่านก็บอกว่าน่าสนใจ
**ปูดขบวนการซื้อส.ส.หัวละ200ล้าน
ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ กล่าวว่า ในทางการเมืองและการเลือกตั้งนั้นขึ้นอยู่กับประชาชน ซึ่งขณะนี้มีเรื่องการซื้อตัวส.ส.กันอย่างต่อเนื่อง ในอัตรา 60-200 ล้านบาทต่อส.ส. 1 คน รวมทั้งการจัดงบประมาณลงพื้นที่ให้ มีบางพรรคการเมืองยอมทุ่มตรงนี้ แต่ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชน พรรคเราไม่มีสตางค์ที่จะไปประมูลตัวนักการเมือง เพราะนักการเมืองไม่ใช่สัตว์ แต่มีหน้าที่ทำงานเพื่อบ้านเมือง คำพูดของป๋าเปรม(พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ) ที่ขอให้รวมกันเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่รวมกันเพื่อการต่อรองประโยชน์ยังเป็นสิ่งที่พวกเรายึดถือ แต่ก็ยังมีการมาซื้อตัวกันหัวละ 60 ล้านบาท ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้มาซื้อแบบเหมาเข่งกันไปเลย ส.ส.จะได้เงินเยอะ ๆ อย่างไรก็ตามเข้าใจดีว่าส.ส.ต้องการเงินเพื่อไปสร้างตัวสร้างครอบครัว แต่ก็ต้องยอมรับหากประชาชนไม่เลือกและสอบตกด้วย วันนี้ราคาสูงเหลือเกิน เลือกตั้งเขาให้ใช้เงินกันแค่ 1.5 ล้านบาทหาเสียง แต่ในการซื้อตัวกลับสูงถึง 60 ล้านบาท ถือเป็นการเมืองในด้านมืด ถ้าซื้อกันอย่างนี้ให้ปฏิวัติไปเลยดีกว่า
**แขวะลูกพรรคเก่าได้เงินแต่สอบตก
ส่วนกรณีนายประนอม โพธิ์คำ ส.ส.นครราชสีมา กลุ่มว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ เตรียมเปิดตัวร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ว่าที่ร.ต ..ไพโรจน์กล่าวว่า ตนได้ข่าวว่าเคยมีการคุยกัน และเขาออฟเฟอร์มาให้ ตนก็บอกไปว่ายินดีกับทุกคนด้วยถ้าจะยอมได้เงินไปสร้างตัวแล้วยอมสอบตกก็ยินดี เพราะนักการเมืองวันนี้ถูกชาวบ้านมองเลวร้ายอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ความชัดเจนในอนาคตหลังเลือกตั้งทั่วไป ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคเพื่อไทย พรรคไหนที่สนใจจะร่วมรัฐบาลด้วย ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์กล่าวว่า ในวันนี้พรรคเพื่อแผ่นดินกับพรรครวมชาติพัฒนาก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้วและยังยืนหยัดอยู่กับทางแกนนำรัฐบาล ซึ่งคงไม่ใช่พรรคเพื่อไทย เพราะยังไม่เคยมีโอกาสสัมผัสกัน
**“ปู่จิ้น”ย้ำเร็วไปที่จะรวมพรรค
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการรวมพรรคภูมิใจไทยกับพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา ขณะนี้ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันอยู่แล้ว หากมีอะไรที่ทำให้บ้านเมืองสงบก็พร้อมอยู่แล้ว อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ถ้าจะทำให้เกิดความสงบของชาติก็พร้อมที่จะทำ ถ้าเปรียบเทียบกับธุรกิจ ก็เป็นเหมือนจ๊อยเวนเจอร์
เมื่อถามว่า นายกฯบอกว่าจะมีการยุบสภา หลังร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่าน นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่มีความเห็น แต่พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมืองก็พร้อมตลอดเวลา จะยุบสภาก่อนหรือหลังแก้รัฐธรรมนูญก็พร้อมเลือกตั้ง พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรับให้พร้อมสรรพ
เวลา 12.30น. นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปอวยพร โยกล่าวอวยพรว่า “ขอให้สุขภาพแข็งแรงและที่ขอบคุณที่เข้ามาช่วยเหลือบ้านเมือง” พร้อมกับมอบแจกันดอกไม้เป็นของขวัญ ขณะที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านเข้าอวยพรคึกคัก เช่น พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคกิจสังคม นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรครวมชาติพัฒนา นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ นายนิกร จำนง อดีตกรรมการบริหารพรรคชาติไทย ฯลฯจากนั้นได้รับประทานอาหารร่วมกัน
**แนะนายกยุบสภาต้องคำนึง 3ส่วน
นายสุวัจน์ให้สัมภาษณ์ว่า ของขวัญวันเกิดที่อยากได้ หากขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ ก็ขอให้บ้านเมืองสงบสุขเรียบร้อย ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนความเหมาะสมที่จะยุบสภา หลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 นายกฯควรยุบสภาเลยหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันที่ 11 ก.พ.ก็รู้แล้วว่ากติกาเป็นอย่างไร ซึ่งการแก้ไขตามสูตร 375+ 125 ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ เพราะถึงอย่างไรวันที่ 11 ก.พ. ก็รู้แล้วว่าเราต้องใช้กติกาไหน ไม่ว่าสูตรไหนมีการได้เปรียบเสียเปรียบต่างกัน แต่มติออกมาแล้วทุกอย่างต้องเรียบร้อย อยากให้นายกฯพิจารณาปัจจัยทุกอย่างให้รอบคอบรวมถึงระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะนอกจากเรื่องรัฐธรรมนูญแล้ว ต้องดูความสงบในประทศ ที่ยังมีปัญหากระทบกระทั่ง การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ รวมถึงปัญหาชายแดนที่ยังสู้รบกับเพื่อนบ้าน เพราะหากมีการยุบสภาไปก็จะไม่มีรัฐบาลตัวจริง เป็นเรื่องที่นายกฯต้องคิดและตัดสินใจอย่างรอบคอบ ไม่ใช่ว่าเลือกตั้งแล้วยังมีการยิงกัน ทหารก็ยังสู้รบตามแนวชายแดนอยู่
นายสุวัจน์กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดคือ ปัญหาความมั่นคงของประเทศ มากกว่าความพร้อมในด้านอื่น เราต้องดูเรื่องความมั่นคงและการเลือกตั้งไปด้วย
ต่อข้อถามที่ว่า นายชวรัตน์ ระบุว่า จะมีข่าวดี นายสุวัจน์ กล่าวว่า ก็มีพื้นฐานที่ดี อะไรที่เป็นเรื่องที่ดีของประเทศ ก็ร่วมมือกัน ขณะนี้ประเทศมีความไม่เข้าใจและแตกแยกกัน การชูนโยบายด้านเศรษฐกิจเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่อยากเห็นทุกพรรคการเมืองหยิบยกนโยบายที่จะสร้างความปรองดองเป็นนโยบายหลักของพรรค และต้องยึดถือปฏิบัติทุกกพรรค ส่วนเป็นไปได้หรือไม่ที่จะรวมพรรคกับพรรคภูมิใจไทยในพื้นที่จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ กล่าวว่า ระบบพรรคการเมืองเวลาแข่งขันกันก็ต้องแข่งกันจริงจังแต่ก็ต้องเป็นอย่างสร้างสรรค์ค์ต้องชูนโยบายผลงานและบุคคลกรที่ดีที่สุด เมื่อแข่งจบก็ต้องยอมรับกติกาเรื่องก็จบ การรวมพรรคนั้นจะรวมหรือไม่รวมไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับการยอมรับกติกา
“น่าเห็นใจรัฐบาลเราต้องร่วมมือกัน เพื่อให้รัฐบาลตั้งหลักแก้ไขปัญหาของประเทศ และหากมีการเลือกตั้งจริง เราต้องสปิริตยอมรับกติกาทุกอย่างก็จบ เชื่อว่า หากมีเลือกตั้งประเทศเดินหน้าความขัดแย้งก็จะน้อยลง”
ส่วนกระแสการตั้งพรรคโคราชกับกลุ่ม 3 พีนั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตนยังอยู่ในฐานะที่ทำพรรคการเมืองไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่า ยังพูดคุยกับกลุ่ม 3 พี หรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า กับนายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี ก็ยังสนิทสนมพูดคุยกันเป็นประจำอยู่แล้วทั้งพื้นฐานแนวคิดและนโยบายตรงกัน ก็ยังมีโอกาสที่จะร่วมการทำงาน ก็น่าจะเป็นประโยชน์ ดังนั้นการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ คำว่า “ เป็นไม่ได้ใช้กับการการเมืองไม่ได้ ”
ทั้งนี้ถ้าเกิดพรรคโคราชจริงจะเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 56 ปี หรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า การรวมพรรคไม่ได้หมายถึงความสำเร็จทางการเมือง
นายสุวัจน์กล่าวว่า เชื่อว่าไม่น่าจะมีอะไร เพราะหากปฏิวัติไปก็ไม่สอดคล้องกับสังคมโลก มีอะไรก็ควรใช้กลไกประชาธิปไตยไปเลือกตั้งกัน ไม่น่ากังกลทั้งผู้ใหญ่ในบ้านเมือง กองทัพก็พูดชัดเจน เราอยากให้กำลังใจทหารที่ทำเพื่อบ้านเมือง
**3พีจับมือ “สุวัจน์”ตั้งพรรคโคราชแน่
ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่ม 3 พี พรรคเพื่อแผ่นดิน(พผ.) กล่าวถึงความชัดเจนการควบรวมพรรค ว่า จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญลุล่วงเป็นการเลือกตั้งแบบเขตละคน ส.ส.นครราชสีมาจะลดลงจากเดิม 1 คน เหลือเพียง 15 คน ขณะที่ส.ส.บัญชีรายชื่อจะมี 4 คน รวมส.ส.ในพื้นที่นครราชสีมาทั้งสิ้นถึง 19 คน แต่ปัญหาคือการเมืองในจังหวัดนครราชสีมายังขาดผู้นำ
พวกเราในกลุ่ม 3 พี รวมทั้งนายสุวัจน์จึงได้หารือกันว่าหากมีการรวมกันได้ก็จะสามารถทำให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นเมืองหลวงของภาคดีสานได้ตามจุดยืนและเจตนารมณ์ของพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาในอดีต และเห็นตรงกันว่านายสุวัจน์จะต้องเป็นผู้นำในเรื่องนี้ และจากที่คุยกันก็มีแนวโน้มที่พรรคเพื่อแผ่นดินและพรรครวมชาติพัฒนาจะต้องดูในจุดนี้ โดยเฉพาะการพิจารณาร่วมกันเรื่องตัวบุคคล โดยในส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน นายพินิจจารุสมบัติ และนายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ จะไปดู โดยความชัดเจนทั้งหมดจะเกิดหลังวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ โดยหัวหน้าพรรคและเลขาธิการของทั้งสองพรรคจะได้ตั้งโต๊ะเจรจากัน
“การเมืองโคราช เมื่อชื่อนายสุวัจน์ รวมกับชื่อว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ จะหลายเป็นสึนามิแน่นอนในเรื่องกระแส เพราะวันนี้กกลุ่มการเมืองแตกและแยกกันไปหมด ถ้ามารวมกันได้ประชาชนจะมีความเชื่อมั่น และนายสุวัจน์สามารถทำได้ การพิจารณาเรื่องนี้เราฟังจากเสียงประชาชนและมีการปรึกษาผู้หลักผู้ใหญ่ที่เรานับถือ เราปรึกษาเสมอมาตามที่ปรากฎในสื่อ ” ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์กล่าวและว่า
ส่วนความชัดเจนเกี่ยวกับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคใหม่ที่จะเกิดขึ้นนั้น ขณะนี้กำลังมีการพูดคุยกับหลายเครือข่ายหลายคน ทั้งกลุ่มทุน นักวิชาการ รวมทั้งม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ด้วย ซึ่งท่านก็บอกว่าน่าสนใจ
**ปูดขบวนการซื้อส.ส.หัวละ200ล้าน
ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ กล่าวว่า ในทางการเมืองและการเลือกตั้งนั้นขึ้นอยู่กับประชาชน ซึ่งขณะนี้มีเรื่องการซื้อตัวส.ส.กันอย่างต่อเนื่อง ในอัตรา 60-200 ล้านบาทต่อส.ส. 1 คน รวมทั้งการจัดงบประมาณลงพื้นที่ให้ มีบางพรรคการเมืองยอมทุ่มตรงนี้ แต่ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชน พรรคเราไม่มีสตางค์ที่จะไปประมูลตัวนักการเมือง เพราะนักการเมืองไม่ใช่สัตว์ แต่มีหน้าที่ทำงานเพื่อบ้านเมือง คำพูดของป๋าเปรม(พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ) ที่ขอให้รวมกันเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่รวมกันเพื่อการต่อรองประโยชน์ยังเป็นสิ่งที่พวกเรายึดถือ แต่ก็ยังมีการมาซื้อตัวกันหัวละ 60 ล้านบาท ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้มาซื้อแบบเหมาเข่งกันไปเลย ส.ส.จะได้เงินเยอะ ๆ อย่างไรก็ตามเข้าใจดีว่าส.ส.ต้องการเงินเพื่อไปสร้างตัวสร้างครอบครัว แต่ก็ต้องยอมรับหากประชาชนไม่เลือกและสอบตกด้วย วันนี้ราคาสูงเหลือเกิน เลือกตั้งเขาให้ใช้เงินกันแค่ 1.5 ล้านบาทหาเสียง แต่ในการซื้อตัวกลับสูงถึง 60 ล้านบาท ถือเป็นการเมืองในด้านมืด ถ้าซื้อกันอย่างนี้ให้ปฏิวัติไปเลยดีกว่า
**แขวะลูกพรรคเก่าได้เงินแต่สอบตก
ส่วนกรณีนายประนอม โพธิ์คำ ส.ส.นครราชสีมา กลุ่มว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ เตรียมเปิดตัวร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ว่าที่ร.ต ..ไพโรจน์กล่าวว่า ตนได้ข่าวว่าเคยมีการคุยกัน และเขาออฟเฟอร์มาให้ ตนก็บอกไปว่ายินดีกับทุกคนด้วยถ้าจะยอมได้เงินไปสร้างตัวแล้วยอมสอบตกก็ยินดี เพราะนักการเมืองวันนี้ถูกชาวบ้านมองเลวร้ายอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ความชัดเจนในอนาคตหลังเลือกตั้งทั่วไป ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคเพื่อไทย พรรคไหนที่สนใจจะร่วมรัฐบาลด้วย ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์กล่าวว่า ในวันนี้พรรคเพื่อแผ่นดินกับพรรครวมชาติพัฒนาก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้วและยังยืนหยัดอยู่กับทางแกนนำรัฐบาล ซึ่งคงไม่ใช่พรรคเพื่อไทย เพราะยังไม่เคยมีโอกาสสัมผัสกัน
**“ปู่จิ้น”ย้ำเร็วไปที่จะรวมพรรค
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการรวมพรรคภูมิใจไทยกับพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา ขณะนี้ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันอยู่แล้ว หากมีอะไรที่ทำให้บ้านเมืองสงบก็พร้อมอยู่แล้ว อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ถ้าจะทำให้เกิดความสงบของชาติก็พร้อมที่จะทำ ถ้าเปรียบเทียบกับธุรกิจ ก็เป็นเหมือนจ๊อยเวนเจอร์
เมื่อถามว่า นายกฯบอกว่าจะมีการยุบสภา หลังร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่าน นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่มีความเห็น แต่พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมืองก็พร้อมตลอดเวลา จะยุบสภาก่อนหรือหลังแก้รัฐธรรมนูญก็พร้อมเลือกตั้ง พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรับให้พร้อมสรรพ