ASTVผู้จัดการรายวัน-“อลงกรณ์”ดันโปรเจกต์ดอนเมือง ตั้งเป็นศูนย์พัฒนาและกระจายสินค้าของ SMEs ขีดเส้น 2 สัปดาห์ศึกษาจบ หลังถูกบีบเรื่องแก้ปัญหาทุนจีนทำศูนย์ค้าส่งในไทย ส่อทำ SMEs เจ๊งยับ ยันโปรเจ็กต์ศูนย์ค้าส่งจีนเนื้อหอม ทุนไทยและแบงก์สนใจเพียบ รับปากดูแลเรื่องถือหุ้นและนอมินีอย่างดี
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) เพื่อรับมือกรณีที่จีนจะเข้ามาทำโครงการศูนย์แสดงสินค้านานาชาติไทย-จีน ว่า ได้สรุปที่จะทำการศึกษาการจัดตั้งศูนย์แสดงสินค้าและกระจายสินค้าของผู้ประกอบการ SMEs ของไทย โดยใช้พื้นที่สนามบินดอนเมือง เพื่อเป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน และช่วยส่งเสริมการค้าสินค้าไทย โดยให้ศึกษาความเป็นไปได้ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ จากนั้นจะไปหารือกับกระทรวงคมนาคม กองทัพอากาศ และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (ทอท.) และนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
“ที่เลือกดอนเมือง เพราะมีเหมาะสมด้านโลจิสติกส์และมีอาคารสถานที่อยู่แล้ว สามารถใช้เป็นศูนย์กระจายสินค้าของ SMEs ของไทยได้เลย ซึ่งจะทำให้ SMEs พื้นที่แสดงสินค้าและส่งเสริมให้ไทยเป็นฮับของอาเซียนและแข่งขันกับสินค้าทั้งจากอาเซียนด้วยกันและจากจีนได้”นายอลงกรณ์กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนในโครงการศูนย์กระจายสินค้าไทย-จีน ล่าสุด มีกลุ่มทุนขนาดใหญ่ของไทย 2-3 ราย รวมถึงกลุ่มธนาคารที่สนใจจะเข้าร่วมลงทุนกับกลุ่มทุนของจีนแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะเป็นเรื่องของภาคเอกชน ขอให้เอกชนเป็นผู้เปิดเผยเอง ทั้งนี้ ยืนยันว่ากลุ่มทุนจากจีน แม้จะมีเงินทุนจดทะเบียนเพียง 50 ล้านบาท แต่เป็นเรื่องปกติทางธุรกิจที่ทุนจดทะเบียนไม่มาก แต่สามารถลงทุนโครงการขนาดใหญ่ได้
ทั้งนี้ ในฐานะที่กำกับดูแลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยืนยันว่าจะดูแลให้การลงทุนครั้งนี้มีสัดส่วนการถือหุ้นของคนไทยไม่น้อยกว่า 51% และไม่ให้มีการใช้คนไทยถือหุ้นแทน (นอมินี) และต้องให้มีการขออนุญาตการเข้ามาลงทุนทำธุรกิจให้ถูกต้อง ทั้งการขออนุญาตประกอบธุรกิจในบัญชีแนบท้ายกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวการขอรับสิทธิประโยชน์กรณีมีการขอการส่งเสริมการลงทุน รวมไปถึงมาตรฐานสินค้าต่างๆ
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับการตั้งศูนย์กระจายสินค้าของ SMEs ที่ดอนเมือง เพราะจะเป็นอีกแนวทางพัฒนาขีดความสามารถแข่งขันของ SMEs ไทย แต่เรื่องการสนับสนุนเข้ามาลงทุนจากต่างประเทศต้องให้มีการปรับปรุงกฎหมายให้มีความชัดเจน และสร้างแต้มต่อให้กับ SMEs ด้วย
รายงานข่าว แจ้งว่า การประชุมร่วมกับผู้ประกอบการจากส.อ.ท. และภาคเอกชนในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่มีความกังวลว่ากลุ่มทุนจีน คือ อาซือม่า กรุ๊ป ที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการศูนย์แสดงสินค้านานาชาติไทย-จีน (Thai-China International Product City) ที่ถนนบางนา-ตราด กม.ที่ 10 มูลค่า 45,000 ล้านบาท จะก่อให้เกิดผลกระทบกับ SMEs ไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการในย่ายสำเพ็ง ใบหยก ประตูน้ำ โบ๊เบ๊ และก่อนหน้านี้ ก็มีข่าวว่าผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์บางคนให้กับสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) เพื่อรับมือกรณีที่จีนจะเข้ามาทำโครงการศูนย์แสดงสินค้านานาชาติไทย-จีน ว่า ได้สรุปที่จะทำการศึกษาการจัดตั้งศูนย์แสดงสินค้าและกระจายสินค้าของผู้ประกอบการ SMEs ของไทย โดยใช้พื้นที่สนามบินดอนเมือง เพื่อเป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน และช่วยส่งเสริมการค้าสินค้าไทย โดยให้ศึกษาความเป็นไปได้ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ จากนั้นจะไปหารือกับกระทรวงคมนาคม กองทัพอากาศ และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (ทอท.) และนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
“ที่เลือกดอนเมือง เพราะมีเหมาะสมด้านโลจิสติกส์และมีอาคารสถานที่อยู่แล้ว สามารถใช้เป็นศูนย์กระจายสินค้าของ SMEs ของไทยได้เลย ซึ่งจะทำให้ SMEs พื้นที่แสดงสินค้าและส่งเสริมให้ไทยเป็นฮับของอาเซียนและแข่งขันกับสินค้าทั้งจากอาเซียนด้วยกันและจากจีนได้”นายอลงกรณ์กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนในโครงการศูนย์กระจายสินค้าไทย-จีน ล่าสุด มีกลุ่มทุนขนาดใหญ่ของไทย 2-3 ราย รวมถึงกลุ่มธนาคารที่สนใจจะเข้าร่วมลงทุนกับกลุ่มทุนของจีนแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะเป็นเรื่องของภาคเอกชน ขอให้เอกชนเป็นผู้เปิดเผยเอง ทั้งนี้ ยืนยันว่ากลุ่มทุนจากจีน แม้จะมีเงินทุนจดทะเบียนเพียง 50 ล้านบาท แต่เป็นเรื่องปกติทางธุรกิจที่ทุนจดทะเบียนไม่มาก แต่สามารถลงทุนโครงการขนาดใหญ่ได้
ทั้งนี้ ในฐานะที่กำกับดูแลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยืนยันว่าจะดูแลให้การลงทุนครั้งนี้มีสัดส่วนการถือหุ้นของคนไทยไม่น้อยกว่า 51% และไม่ให้มีการใช้คนไทยถือหุ้นแทน (นอมินี) และต้องให้มีการขออนุญาตการเข้ามาลงทุนทำธุรกิจให้ถูกต้อง ทั้งการขออนุญาตประกอบธุรกิจในบัญชีแนบท้ายกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวการขอรับสิทธิประโยชน์กรณีมีการขอการส่งเสริมการลงทุน รวมไปถึงมาตรฐานสินค้าต่างๆ
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับการตั้งศูนย์กระจายสินค้าของ SMEs ที่ดอนเมือง เพราะจะเป็นอีกแนวทางพัฒนาขีดความสามารถแข่งขันของ SMEs ไทย แต่เรื่องการสนับสนุนเข้ามาลงทุนจากต่างประเทศต้องให้มีการปรับปรุงกฎหมายให้มีความชัดเจน และสร้างแต้มต่อให้กับ SMEs ด้วย
รายงานข่าว แจ้งว่า การประชุมร่วมกับผู้ประกอบการจากส.อ.ท. และภาคเอกชนในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่มีความกังวลว่ากลุ่มทุนจีน คือ อาซือม่า กรุ๊ป ที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการศูนย์แสดงสินค้านานาชาติไทย-จีน (Thai-China International Product City) ที่ถนนบางนา-ตราด กม.ที่ 10 มูลค่า 45,000 ล้านบาท จะก่อให้เกิดผลกระทบกับ SMEs ไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการในย่ายสำเพ็ง ใบหยก ประตูน้ำ โบ๊เบ๊ และก่อนหน้านี้ ก็มีข่าวว่าผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์บางคนให้กับสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่
