00 มาอีกแล้วครับพี่น้องกับ “ลูกเล่น” การเมืองชั้น “เซียน” ของ พ่อหนุ่มมาร์ค ล่าสุดได้ออกมาส่งสัญญาณ “ยุบสภา” อีกแล้ว คราวนี้แย้มว่า “น่าจะ”ในราวเดือนเมษายน ซึ่งอาการในลักษณะแบบนี้เคยออกมาหลายรอบแล้ว ทั้งในเรื่องที่บอกว่า จะไม่อยู่ครบวาระ จะยุบสภาภายในกลางปีนี้ หรือปีนี้ รวมไปถึงคนรอบข้างที่ออกมาพูดแทนว่า อาจจะเป็นเดือนพฤษภาคมก็มี ดังนั้นคำพูดแย้มๆว่าจะยุบสภาในเดือนเมษายน หากมองในเชิงการเมือง นี่คือ “จิตวิทยา” เพื่อลดแรงกดดันที่เริ่มรุมเร้ารัฐบาลเข้ามาหลายทาง ทั้งปัญหาข้าวของแพง ขาดตลาด ม็อบสารพัดสี
00 ถ้ามองอีกด้านหนึ่งแม้ว่าหากมีการยุบสภาในเดือนเมษายน ถือว่ามีเวลาอีกไม่นาน นี่ก็จะเข้ากุมภา มีนาฯ อยู่รอมร่อ เหมือนกับว่า “ไม่ยึดติด” กับตำแหน่ง แต่ต้องไม่ลืมว่าในช่วงเวลานั้นหมายความว่า การโหวตแก้ไขรธน.วาระ 3 ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว และที่สำคัญผลที่ออกมาก็ยังทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบตามสูตร 375+125 อีกทั้งตัวเองก็จะได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกรอบ มันก็เป็นไปได้สูงไม่น้อย
00 สังเกตหรือไม่ว่าพอตัวเองเกิดแรงกดดันทางการเมืองทีไร หรือถูกไล่ต้อนจากฝ่ายตรงข้าม ก็มักจะใช้ลูกพิงเชือก “พลิ้ว” ดิ้นเอาตัวรอดไปเรื่อย ครั้งก่อนที่เจอ “ลิ่วล้อทักษิณ” ดาหน้าถล่มช่วงเดือนมีนา-เมษา ก็เคยเสนอยุบสภาเดือนพฤษภา ทางหนึ่งอาจเป็นเพราะว่ารู้อยู่แล้วว่า ตอนนั้น “พวกเสื้อแดง” คงไม่เอาด้วย คิดว่าคงถล่ม อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จมดินแน่ แต่เมื่อทุกอย่างพลิกผัน “ผ่านไปได้” พร้อมๆ กับการได้ภาพบวกในแง่ไม่ยึดติดที่ว่า จากนั้นก็ส่งสัญญาณในลักษณะยุบสภาก่อนกำหนดหลายครั้ง หรือแม้แต่ครั้งล่าสุดฟังดูเผินๆ เหมือนกับบอกว่าจะยุบเดือนเมษายน แต่ถ้าทุกอย่างผ่านไปได้อีก ก็จะลากยาวไปได้อีกอย่างน้อยก็ถึงสิ้นปี ตามที่เคยรับปากว่าจะยุบสภาในปีนี้นั้นแหละ เอาเป็นว่า “แพรวพราว” ไม่ธรรมดา ก็แล้วกัน
00 สะกิดเรื่องปฏิวัติเป็นไม่ได้ ทำเอาสะดุ้งกันเป็นแถว แถมเที่ยวนี้ทั้งหมอดู-หมอเดา ออกโรงวิเคราะห์กันตามสถานการณ์ แถมมีการบอกใบ้อักษรย่อกันเสร็จสรรพ ว่าเที่ยวนี้คนลงมือต้องเป็นอักษร “ป.ปลา” เสียด้วย หากไล่เรียงรายชื่อ “บิ๊กทหาร” ในยามนี้ที่มีอักษรย่อ ป.ปลา ดังกล่าวมีอยู่หลายคนเหมือนกัน เริ่มจาก “ป๊อกซื่อบื้อ (ตามคำพูดของทักษิณ)” ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งคนหลังนี่ “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ “จอมรู้ดี” บอกว่าให้ไปถามแล้วจะรู้เรื่องดี พร้อมกับอ้างว่ามีการ “สุมหัว” หารือลับกันที่บ้านนายพลเอกคนหนึ่งเสียด้วย ก็ว่ากันไปสนุกสนานดี ว่าแต่ว่า นายพลป. ที่จะมาเป็นนายกฯคนใหม่ตามคำทำนายหมอดู ขอภาวนาอย่าใช่ “ป.ประวิตร” ทีเถอะ สาธุ !!
00 เต้นเป็นเจ้าเข้า เมื่อนักข่าวไปถามเรื่องนี้กับ ป.ประวิตร ขณะร่วมงานสถปนาโรงเรียนเตรียมทหารครบรอบ 53 ปี แหมก็ดันไปถามที่ไหนไม่ไปถาม ไม่รู้หรือว่าที่นั่นคือ “นครนายก” แต่ทางที่ดีต้อง “ชะโงกดูเงา เอ้ย เขา” เสียหน่อยก็ดีนะ เพราะที่นั่นหากพูดกันให้กระชับเข้ามาอีกเรียกว่า “เขาชะโงก” นะจะบอกให้ ก็ไม่มีอะไรหรอก พูดไปเรื่อยเปื่อยอย่างนั้นแหละ
00 พูดถึงเรื่องป้าย “แขมร์-ฮุนเซน” เมื่อวันก่อนแล้วยังหงุดหงิดไม่หาย กับการ “หน้าด้าน” เล่นเล่ห์ รุกคืบเข้ามายึดดินแดนไทย แต่กลายเป็นว่างานนี้เป็นเพราะการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนที่กดดัน จนทำให้รัฐบาล-ทหาร ตามแนวชายแดนต้อง “แอ๊กชั่น” จนทำให้เขมรต้องถอยทุบทำลายป้าย “ที่นี่แผ่นดินเขมร” ทิ้งไปจนได้ ถามว่าถ้าไม่มีการกดดันเรื่องนี้ขึ้นมาจนเป็นข่าวครึกโครม จนปลุกหัวใจคนไทยให้ “รักชาติ” มากขึ้น แล้วจะทำให้เขมรมันยอมแบบนั้นหรือไม่ รวมไปถึงทำให้ระดับผู้บังคับบัญชาต้องเต้นหรือไม่ ถามอีกว่าป้ายเขมร ที่เดิมเขียนประณาม ทหารไทย และคนไทยถูกตั้งเอาไว้นานแล้ว เชื่อว่าหลังจากที่มีการถอนทหารไทยออกมาจากวัดแก้วศิขาคีรีสวาระ เมื่อราววันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ถามอีกครั้งว่า ทำไมถึงปล่อยให้ “ล่วงเลย” มาเนิ่นนาน เป็นเพราะอะไร ก็ต้องวกมาถาม ป.ประวิตร ป.ประยุทธ์ รวมไปถึง ส.เทือก วานช่วยไขให้หายข้องใจหน่อยซิ (วะ)
00 ผ่านการชุมนุมของพันธมิตรฯ มาสองสามวัน รู้สึกปลงสังเวชบรรดาคนไทยบางกลุ่ม รวมไปถึงสื่อทั้งหลายแหล่ ที่ยังคงแสดงท่าทีรังเกียจปนหมั่นใส้ โดยเฉพาะกับ “สนธิ-จำลอง” หาว่าทำรถติดบ้างละ นักเรียนเดือดร้อนบ้างละ สรรหากันมาเพื่อบั่นทอนกำลังใจ หรือบางคนบอกว่า เป็นการชุมนุมทำลายความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ทำให้ค้าขายไม่ได้บ้างละ สำหรับสื่อด้วยกันโดยเฉพาะคอลัมนิสต์ แทนที่จะวิพากษ์วิจารณ์งัดหลักฐานเรื่องเอ็มโอยู 43 มาตอบโต้ หรือว่าไม่ได้ทำให้ไทยสูญเสียดินแดนอย่างไร แต่เป็นเพราะความไม่ชอบ-หมั่นไส้ เป็นการส่วนตัวหรือหลงคารม รูปรสของนายกฯ “รูปหล่อ” ไม่ต่างจาก “แม่ยก” นั่นแหละ ทำให้คนพวกนี้หน้ามืด ออกมาตำหนิการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน แต่ถ้าวันไหนเมื่อประเมินสถานการณ์ดูแล้วว่า “อารมณ์ร่วม” ของชาวบ้านเริ่มเข้าใจแล้วว่า “ขายชาติ” อย่างไร บรรดาคอลัมนิสต์พวกนี้ ก็จะพลิกกลับมาผสมโรงหน้าตาเฉย !!
00 ถ้ามองอีกด้านหนึ่งแม้ว่าหากมีการยุบสภาในเดือนเมษายน ถือว่ามีเวลาอีกไม่นาน นี่ก็จะเข้ากุมภา มีนาฯ อยู่รอมร่อ เหมือนกับว่า “ไม่ยึดติด” กับตำแหน่ง แต่ต้องไม่ลืมว่าในช่วงเวลานั้นหมายความว่า การโหวตแก้ไขรธน.วาระ 3 ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว และที่สำคัญผลที่ออกมาก็ยังทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบตามสูตร 375+125 อีกทั้งตัวเองก็จะได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกรอบ มันก็เป็นไปได้สูงไม่น้อย
00 สังเกตหรือไม่ว่าพอตัวเองเกิดแรงกดดันทางการเมืองทีไร หรือถูกไล่ต้อนจากฝ่ายตรงข้าม ก็มักจะใช้ลูกพิงเชือก “พลิ้ว” ดิ้นเอาตัวรอดไปเรื่อย ครั้งก่อนที่เจอ “ลิ่วล้อทักษิณ” ดาหน้าถล่มช่วงเดือนมีนา-เมษา ก็เคยเสนอยุบสภาเดือนพฤษภา ทางหนึ่งอาจเป็นเพราะว่ารู้อยู่แล้วว่า ตอนนั้น “พวกเสื้อแดง” คงไม่เอาด้วย คิดว่าคงถล่ม อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จมดินแน่ แต่เมื่อทุกอย่างพลิกผัน “ผ่านไปได้” พร้อมๆ กับการได้ภาพบวกในแง่ไม่ยึดติดที่ว่า จากนั้นก็ส่งสัญญาณในลักษณะยุบสภาก่อนกำหนดหลายครั้ง หรือแม้แต่ครั้งล่าสุดฟังดูเผินๆ เหมือนกับบอกว่าจะยุบเดือนเมษายน แต่ถ้าทุกอย่างผ่านไปได้อีก ก็จะลากยาวไปได้อีกอย่างน้อยก็ถึงสิ้นปี ตามที่เคยรับปากว่าจะยุบสภาในปีนี้นั้นแหละ เอาเป็นว่า “แพรวพราว” ไม่ธรรมดา ก็แล้วกัน
00 สะกิดเรื่องปฏิวัติเป็นไม่ได้ ทำเอาสะดุ้งกันเป็นแถว แถมเที่ยวนี้ทั้งหมอดู-หมอเดา ออกโรงวิเคราะห์กันตามสถานการณ์ แถมมีการบอกใบ้อักษรย่อกันเสร็จสรรพ ว่าเที่ยวนี้คนลงมือต้องเป็นอักษร “ป.ปลา” เสียด้วย หากไล่เรียงรายชื่อ “บิ๊กทหาร” ในยามนี้ที่มีอักษรย่อ ป.ปลา ดังกล่าวมีอยู่หลายคนเหมือนกัน เริ่มจาก “ป๊อกซื่อบื้อ (ตามคำพูดของทักษิณ)” ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งคนหลังนี่ “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ “จอมรู้ดี” บอกว่าให้ไปถามแล้วจะรู้เรื่องดี พร้อมกับอ้างว่ามีการ “สุมหัว” หารือลับกันที่บ้านนายพลเอกคนหนึ่งเสียด้วย ก็ว่ากันไปสนุกสนานดี ว่าแต่ว่า นายพลป. ที่จะมาเป็นนายกฯคนใหม่ตามคำทำนายหมอดู ขอภาวนาอย่าใช่ “ป.ประวิตร” ทีเถอะ สาธุ !!
00 เต้นเป็นเจ้าเข้า เมื่อนักข่าวไปถามเรื่องนี้กับ ป.ประวิตร ขณะร่วมงานสถปนาโรงเรียนเตรียมทหารครบรอบ 53 ปี แหมก็ดันไปถามที่ไหนไม่ไปถาม ไม่รู้หรือว่าที่นั่นคือ “นครนายก” แต่ทางที่ดีต้อง “ชะโงกดูเงา เอ้ย เขา” เสียหน่อยก็ดีนะ เพราะที่นั่นหากพูดกันให้กระชับเข้ามาอีกเรียกว่า “เขาชะโงก” นะจะบอกให้ ก็ไม่มีอะไรหรอก พูดไปเรื่อยเปื่อยอย่างนั้นแหละ
00 พูดถึงเรื่องป้าย “แขมร์-ฮุนเซน” เมื่อวันก่อนแล้วยังหงุดหงิดไม่หาย กับการ “หน้าด้าน” เล่นเล่ห์ รุกคืบเข้ามายึดดินแดนไทย แต่กลายเป็นว่างานนี้เป็นเพราะการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนที่กดดัน จนทำให้รัฐบาล-ทหาร ตามแนวชายแดนต้อง “แอ๊กชั่น” จนทำให้เขมรต้องถอยทุบทำลายป้าย “ที่นี่แผ่นดินเขมร” ทิ้งไปจนได้ ถามว่าถ้าไม่มีการกดดันเรื่องนี้ขึ้นมาจนเป็นข่าวครึกโครม จนปลุกหัวใจคนไทยให้ “รักชาติ” มากขึ้น แล้วจะทำให้เขมรมันยอมแบบนั้นหรือไม่ รวมไปถึงทำให้ระดับผู้บังคับบัญชาต้องเต้นหรือไม่ ถามอีกว่าป้ายเขมร ที่เดิมเขียนประณาม ทหารไทย และคนไทยถูกตั้งเอาไว้นานแล้ว เชื่อว่าหลังจากที่มีการถอนทหารไทยออกมาจากวัดแก้วศิขาคีรีสวาระ เมื่อราววันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ถามอีกครั้งว่า ทำไมถึงปล่อยให้ “ล่วงเลย” มาเนิ่นนาน เป็นเพราะอะไร ก็ต้องวกมาถาม ป.ประวิตร ป.ประยุทธ์ รวมไปถึง ส.เทือก วานช่วยไขให้หายข้องใจหน่อยซิ (วะ)
00 ผ่านการชุมนุมของพันธมิตรฯ มาสองสามวัน รู้สึกปลงสังเวชบรรดาคนไทยบางกลุ่ม รวมไปถึงสื่อทั้งหลายแหล่ ที่ยังคงแสดงท่าทีรังเกียจปนหมั่นใส้ โดยเฉพาะกับ “สนธิ-จำลอง” หาว่าทำรถติดบ้างละ นักเรียนเดือดร้อนบ้างละ สรรหากันมาเพื่อบั่นทอนกำลังใจ หรือบางคนบอกว่า เป็นการชุมนุมทำลายความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ทำให้ค้าขายไม่ได้บ้างละ สำหรับสื่อด้วยกันโดยเฉพาะคอลัมนิสต์ แทนที่จะวิพากษ์วิจารณ์งัดหลักฐานเรื่องเอ็มโอยู 43 มาตอบโต้ หรือว่าไม่ได้ทำให้ไทยสูญเสียดินแดนอย่างไร แต่เป็นเพราะความไม่ชอบ-หมั่นไส้ เป็นการส่วนตัวหรือหลงคารม รูปรสของนายกฯ “รูปหล่อ” ไม่ต่างจาก “แม่ยก” นั่นแหละ ทำให้คนพวกนี้หน้ามืด ออกมาตำหนิการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน แต่ถ้าวันไหนเมื่อประเมินสถานการณ์ดูแล้วว่า “อารมณ์ร่วม” ของชาวบ้านเริ่มเข้าใจแล้วว่า “ขายชาติ” อย่างไร บรรดาคอลัมนิสต์พวกนี้ ก็จะพลิกกลับมาผสมโรงหน้าตาเฉย !!