นางจุไรรัตน์ ปันยารชุน กรรมการผู้จัดการ บริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยว่า จากช่วงระยะเวลาในการดำเนินงานที่เหลือของบสท.อีกไม่ถึง 100 วันนั้น บสท.มีแผนงานที่จะเร่งดำเนินการขายทรัพย์สินที่มีอยู่รวมถึงเร่งปรับโครงสร้างหนี้ โดยตั้งเป้าหมายว่าในปีนี้จะมีรายได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกค้า 10,000 ล้านบาท และเป็นการขายทรัพย์ NPA อีกประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าบสท.จะมีกำไรสุทธิเพื่อนำส่งให้กับกระทรวงการคลังกว่า 1,000 ล้านบาท
"ตามกฎหมายแล้วบสท.จะต้องปิดกิจการในวันที่ 8 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ซึ่งก็เท่ากับเหลือระยะเวลาในการทำงานไม่ถึง 100 วัน โดยบสท.จะใช้ระยะเวลาที่เหลือในการเร่งขายทรัพย์สินและปรับโครงสร้างหนี้ที่เหลืออยู่ให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนของการชำระบัญชี"
นางจุไรรัตน์กล่าวอีกว่า แม้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะยังเป็นช่วงขาขึ้น แต่เชื่อว่าหากไม่มีปัจจัยการเมืองเข้ามาส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน ประชาชนก็ยังสนใจลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์อยู่ ซึ่งบสท.จะเร่งเดินหน้ารุกตลาดภายใต้เงื่อนไขเรื่องเวลาที่ต้องปิดดำเนินงาน โดยจะจัดงานประมูลแคมเปญ Knock Down Price รอบสุดท้าย เป็นการเปิดประมูลทรัพย์สินครั้งใหญ่ โดยเบื้องต้นกำหนดจัดประมูลครั้งแรกในวันที่ 25 ก.พ. 2554 และครั้งที่ 2 วันที่ 1 เม.ย. 2554 ด้วยการยื่นซองประมูล
ทั้งนี้ บสท. ยังมีแผนจัดกิจกรรมสัญจรรุกตลาดในภูมิภาค โดยจะมุ่งพื้นที่เป้าหมายในเขตภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งเป็นเขตที่มีทรัพย์สินของบสท.จำนวนมากที่สุด โดยจะส่งเจ้า
หน้าที่ในส่วนของการปรับโครงสร้างหนี้และการขายทรัพย์ NPA เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการปิดกิจการ และคาดว่าจะมีการโอนทรัพย์สินไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด
(บสก.)ต่อไป
สำหรับผลการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย ในปี 2553 บสท. สามารถทำยอดขายได้ถึง 2.35 หมื่นล้านบาท โดยสูงจากเป้าหมายปี 2553 ที่ตั้งไว้ 7.4 พันล้านบาท หรือเติบโต 318% โดยหากนับตั้งแต่บสท. เปิดดำเนินการปี 2544 สามารถขาย NPA ได้ทั้งสิ้น 9,221 รายการ มูลค่ารวม 69,134 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันคงเหลือ NPA ในพอร์ต 6,362 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 63,613 ล้านบาท แบ่งเป็น NPA ที่รับโอนก่อน 1 ม.ค. 2553 จำนวน 5,389 รายการ คิดเป็นมูลค่า 56,556 ล้านบาท และ NPA ที่รับโอนเพิ่มในปี 2553 จำนวน 973 รายการ คิดเป็นมูลค่า 6,387 ล้านบาท
"ตามกฎหมายแล้วบสท.จะต้องปิดกิจการในวันที่ 8 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ซึ่งก็เท่ากับเหลือระยะเวลาในการทำงานไม่ถึง 100 วัน โดยบสท.จะใช้ระยะเวลาที่เหลือในการเร่งขายทรัพย์สินและปรับโครงสร้างหนี้ที่เหลืออยู่ให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนของการชำระบัญชี"
นางจุไรรัตน์กล่าวอีกว่า แม้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะยังเป็นช่วงขาขึ้น แต่เชื่อว่าหากไม่มีปัจจัยการเมืองเข้ามาส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน ประชาชนก็ยังสนใจลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์อยู่ ซึ่งบสท.จะเร่งเดินหน้ารุกตลาดภายใต้เงื่อนไขเรื่องเวลาที่ต้องปิดดำเนินงาน โดยจะจัดงานประมูลแคมเปญ Knock Down Price รอบสุดท้าย เป็นการเปิดประมูลทรัพย์สินครั้งใหญ่ โดยเบื้องต้นกำหนดจัดประมูลครั้งแรกในวันที่ 25 ก.พ. 2554 และครั้งที่ 2 วันที่ 1 เม.ย. 2554 ด้วยการยื่นซองประมูล
ทั้งนี้ บสท. ยังมีแผนจัดกิจกรรมสัญจรรุกตลาดในภูมิภาค โดยจะมุ่งพื้นที่เป้าหมายในเขตภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งเป็นเขตที่มีทรัพย์สินของบสท.จำนวนมากที่สุด โดยจะส่งเจ้า
หน้าที่ในส่วนของการปรับโครงสร้างหนี้และการขายทรัพย์ NPA เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการปิดกิจการ และคาดว่าจะมีการโอนทรัพย์สินไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด
(บสก.)ต่อไป
สำหรับผลการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย ในปี 2553 บสท. สามารถทำยอดขายได้ถึง 2.35 หมื่นล้านบาท โดยสูงจากเป้าหมายปี 2553 ที่ตั้งไว้ 7.4 พันล้านบาท หรือเติบโต 318% โดยหากนับตั้งแต่บสท. เปิดดำเนินการปี 2544 สามารถขาย NPA ได้ทั้งสิ้น 9,221 รายการ มูลค่ารวม 69,134 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันคงเหลือ NPA ในพอร์ต 6,362 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 63,613 ล้านบาท แบ่งเป็น NPA ที่รับโอนก่อน 1 ม.ค. 2553 จำนวน 5,389 รายการ คิดเป็นมูลค่า 56,556 ล้านบาท และ NPA ที่รับโอนเพิ่มในปี 2553 จำนวน 973 รายการ คิดเป็นมูลค่า 6,387 ล้านบาท