ASTVผู้จัดการรายวัน - ตลาดนักท่องเที่ยวพำนักระยะยาวศักยภาพการเติบโตสูง ทีแอลเอ็ม วอนรัฐบาลช่วยสนับสนุน หลังปล่อยเดินตามลำพังมาแล้วหลายปี ยกตัวอย่างรัฐบาลมาเลเซีย หนุน”ปีนัง”โกยนักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์ ยันถ้าการเมืองสงบธุรกิจโต
นางปิยาพัชร สุบรรณ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด (ทีแอลเอ็ม) ผู้บริหารโครงการ บัตรสมาชิก ไทยลองสเตย์ เพื่อนักท่องเที่ยวสูงอายุที่พำนักนาน เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวพำนักระยะยาว ให้มากกว่านี้ มีนโยบายที่ชัดเจน เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขัน
เพราะปัจจุบันตลาดนักท่องเที่ยวพำนักระยะยาวมีการขยายตัวสูงตามสัดส่วนจำนวนประชากรโลกช่วงสูงวัยที่เพิ่มจำนวนต่อเนื่องขึ้นทุกปี เช่น การอำนวยความสะดวกเรื่องการขอวีซ่า การสื่อสารเพื่อให้นักท่องเที่ยวเป้าหมายเกิดความเชื่อมั่น รู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ประเทศไทย
****มาเลเซียใช้ปีนังจับตลาดลองสเตย์***
ปัจจุบันธุรกิจลองสเตย์ มีการแข่งขันสูง เพราะเป็นตลาดที่ หลายประเทศเริ่มให้ความสนใจ มองเห็นกำลังซื้อของตลาดนี้แล้ว โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหันมารุกทำตลาดลองสเตย์มากขึ้น เช่น รัฐบาลมาเลเซีย เริ่มใช้ เมืองปีนัง ทำการตลาดเชิงรุกเจาะนักท่องเที่ยวลองสเตย์ ด้วยการ จัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไปพำนัก
ขณะที่ประเทศไทย ทีแอลเอ็ม ซึ่งบริหารงานโดยเอกชน มีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยถือหุ้นอยู่ราว 30% จึงไม่สามารถออกแคมเปญได้แรงและน่าสนใจได้มากหากนโยบายรัฐไม่สนับสนุน คงทำได้เพียงประคองธุรกิจไม่ให้ขาดทุน มีกำไรมาล้างขาดทุนสะสม ได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
“ที่ผ่านมา ททท.ในฐานะผู้ถือหุ้นก็ดูแลบริษัทเป็นอย่างดี แต่ที่ขาด คือการสนับสนุนจากรัฐบาล ทั้งที่เป็นตลาดที่น่าสนใจด้วยฐานประชากรที่สูงพอสมควรอีกทั้งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ หากรัฐให้การสนับสนุนอีกแรง ไทยก็จะสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้”
สำหรับสถานการณ์ธุรกิจทีแอลเอ็มในปี 2554 บริษัท คาดการณ์ว่า หากไม่มีปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทย ธุรกิจของบริษัทก็จะเติบโตดีขึ้น ทั้งนี้เพราะสภาพอากาศที่หนาวเย็นในยุโรป ทำให้ประชาชน ตลอดจนผู้สูงอายุ จำเป็นต้องเดินทางออกนอกประเทศเพื่อหนีอากาศหนาวเย็น และไทยยังเป็นเดสตินัช่นที่คนกลุ่มนี้สนใจ โดยเฉพาะตลาดสแกนดิเนเวีย
รองมาคือตลาดญี่ปุ่น
***ชูกลยุทธ์ด้านบริการมัดใจลูกค้า****
โดยกลยุทธ์การตลาดปีนี้ จะชูจุดขายด้านการบริการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าสมาชิกให้เกิดความประทับใจมากที่สุด เพื่อให้สมาชิกที่ใช้บริการ ได้นำความประทับใจไปบอกต่อแก่คนรู้จัก เพื่อนฝูง ซึ่งเท่ากับเป็การโฆษณาให้บริษัทได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วโดยเฉพาะในช่วงที่เกิดวิกฤติเมื่อปี 2553
ลูกค้าก็ยังมั่นใจและเดินทางเข้ามาพำนักที่ประเทศไทย
“ยอมรับว่า ความวุนวายทางการเมืองของประเทศไทยมีผลต่อยอดการใช้บริการของสมาชิกมีจำนวนลดลง แต่เมื่องเหตุการณ์ยุติลูกค้าก้กลับเข้ามาใช้บริการเหมือนเดิม แต่ก็ทำให้ภาพรวมผลประกอบการตลอดปีของบริษัทไม่เติบโต แต่ไม่ขาดทุน ส่วนการใช้กลยุทธ์ในการบริหารจัดการก็มีส่วนช่วยให้บริษัทไม่ต้องประสบภาวะขาดทุนได้เช่นกัน เช่น เรื่องของการมุ่งเจาะตรงถึงลูกค้าเป้าหมาย แทนการใช้เงินซื้อสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ การเทรนพนักงานต้อนรับให้ดูแลสมาชิกเป็นอย่างดีให้ลูกค้ารู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ในประเทศไทย มีการอำนวยความสะดวกตามที่ลูกค้าต้องการ เป็นจุดสำคัญทำให้ลูกค้ากลับไปบอกต่อและมีลูกค้า มาใช้บริการเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ”
ปัจจุบันบริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ ให้บริการกับชาวต่างชาติที่ต้องการมาพำนักระยะยาวในไทย โดยมีบัตรสมาชิกไว้บริการ 4 ประเภท ได้แก่ สมาชิกบัตรเงิน(ซิลเวอร์) ค่าบริการ 12,000 บาทต่อคนต่อปี และบัตรเงินพิเศษ (ซิลเวอร์-พลัส) ค่าบริการ 20,000 บาทต่อคนต่อปี ,บัตรทอง ค่าบริการ 20,000 บาทต่อคนต่อปี และบัตรแพลทตินัม ค่าบริการ 28,000 บาทต่อคนต่อปี โดยสมาชิกทั้งหมดจะได้สิทธิประโยชน์เบื้องต้น คือบริการฟาสต์แทรก ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง
นางปิยาพัชร สุบรรณ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด (ทีแอลเอ็ม) ผู้บริหารโครงการ บัตรสมาชิก ไทยลองสเตย์ เพื่อนักท่องเที่ยวสูงอายุที่พำนักนาน เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวพำนักระยะยาว ให้มากกว่านี้ มีนโยบายที่ชัดเจน เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขัน
เพราะปัจจุบันตลาดนักท่องเที่ยวพำนักระยะยาวมีการขยายตัวสูงตามสัดส่วนจำนวนประชากรโลกช่วงสูงวัยที่เพิ่มจำนวนต่อเนื่องขึ้นทุกปี เช่น การอำนวยความสะดวกเรื่องการขอวีซ่า การสื่อสารเพื่อให้นักท่องเที่ยวเป้าหมายเกิดความเชื่อมั่น รู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ประเทศไทย
****มาเลเซียใช้ปีนังจับตลาดลองสเตย์***
ปัจจุบันธุรกิจลองสเตย์ มีการแข่งขันสูง เพราะเป็นตลาดที่ หลายประเทศเริ่มให้ความสนใจ มองเห็นกำลังซื้อของตลาดนี้แล้ว โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหันมารุกทำตลาดลองสเตย์มากขึ้น เช่น รัฐบาลมาเลเซีย เริ่มใช้ เมืองปีนัง ทำการตลาดเชิงรุกเจาะนักท่องเที่ยวลองสเตย์ ด้วยการ จัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไปพำนัก
ขณะที่ประเทศไทย ทีแอลเอ็ม ซึ่งบริหารงานโดยเอกชน มีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยถือหุ้นอยู่ราว 30% จึงไม่สามารถออกแคมเปญได้แรงและน่าสนใจได้มากหากนโยบายรัฐไม่สนับสนุน คงทำได้เพียงประคองธุรกิจไม่ให้ขาดทุน มีกำไรมาล้างขาดทุนสะสม ได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
“ที่ผ่านมา ททท.ในฐานะผู้ถือหุ้นก็ดูแลบริษัทเป็นอย่างดี แต่ที่ขาด คือการสนับสนุนจากรัฐบาล ทั้งที่เป็นตลาดที่น่าสนใจด้วยฐานประชากรที่สูงพอสมควรอีกทั้งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ หากรัฐให้การสนับสนุนอีกแรง ไทยก็จะสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้”
สำหรับสถานการณ์ธุรกิจทีแอลเอ็มในปี 2554 บริษัท คาดการณ์ว่า หากไม่มีปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทย ธุรกิจของบริษัทก็จะเติบโตดีขึ้น ทั้งนี้เพราะสภาพอากาศที่หนาวเย็นในยุโรป ทำให้ประชาชน ตลอดจนผู้สูงอายุ จำเป็นต้องเดินทางออกนอกประเทศเพื่อหนีอากาศหนาวเย็น และไทยยังเป็นเดสตินัช่นที่คนกลุ่มนี้สนใจ โดยเฉพาะตลาดสแกนดิเนเวีย
รองมาคือตลาดญี่ปุ่น
***ชูกลยุทธ์ด้านบริการมัดใจลูกค้า****
โดยกลยุทธ์การตลาดปีนี้ จะชูจุดขายด้านการบริการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าสมาชิกให้เกิดความประทับใจมากที่สุด เพื่อให้สมาชิกที่ใช้บริการ ได้นำความประทับใจไปบอกต่อแก่คนรู้จัก เพื่อนฝูง ซึ่งเท่ากับเป็การโฆษณาให้บริษัทได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วโดยเฉพาะในช่วงที่เกิดวิกฤติเมื่อปี 2553
ลูกค้าก็ยังมั่นใจและเดินทางเข้ามาพำนักที่ประเทศไทย
“ยอมรับว่า ความวุนวายทางการเมืองของประเทศไทยมีผลต่อยอดการใช้บริการของสมาชิกมีจำนวนลดลง แต่เมื่องเหตุการณ์ยุติลูกค้าก้กลับเข้ามาใช้บริการเหมือนเดิม แต่ก็ทำให้ภาพรวมผลประกอบการตลอดปีของบริษัทไม่เติบโต แต่ไม่ขาดทุน ส่วนการใช้กลยุทธ์ในการบริหารจัดการก็มีส่วนช่วยให้บริษัทไม่ต้องประสบภาวะขาดทุนได้เช่นกัน เช่น เรื่องของการมุ่งเจาะตรงถึงลูกค้าเป้าหมาย แทนการใช้เงินซื้อสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ การเทรนพนักงานต้อนรับให้ดูแลสมาชิกเป็นอย่างดีให้ลูกค้ารู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ในประเทศไทย มีการอำนวยความสะดวกตามที่ลูกค้าต้องการ เป็นจุดสำคัญทำให้ลูกค้ากลับไปบอกต่อและมีลูกค้า มาใช้บริการเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ”
ปัจจุบันบริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ ให้บริการกับชาวต่างชาติที่ต้องการมาพำนักระยะยาวในไทย โดยมีบัตรสมาชิกไว้บริการ 4 ประเภท ได้แก่ สมาชิกบัตรเงิน(ซิลเวอร์) ค่าบริการ 12,000 บาทต่อคนต่อปี และบัตรเงินพิเศษ (ซิลเวอร์-พลัส) ค่าบริการ 20,000 บาทต่อคนต่อปี ,บัตรทอง ค่าบริการ 20,000 บาทต่อคนต่อปี และบัตรแพลทตินัม ค่าบริการ 28,000 บาทต่อคนต่อปี โดยสมาชิกทั้งหมดจะได้สิทธิประโยชน์เบื้องต้น คือบริการฟาสต์แทรก ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง