ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เป็นการท้าทายและตบหน้ารัฐบาลและทหารอย่างแท้จริง สำหรับเหตุการณ์อุกอาจที่เกิดขึ้นอีกครั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อคืนวันพุธที่ 19 มกราคม 2554 ที่ผ่านมา
ที่คนร้ายนับสิบคน ขนอาวุธสงครามกราดยิงใส่ฐานปฏิบัติการ ร้อย ร.1512 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 38 อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ทำให้ทหารเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บสาหัสอีก 6 คน และหนึ่งในผู้เสียชีวิตคือ ร.อ.กฤต คำภีรญาณ ผบ.ร้อย ร.1512
ทีมข่าวการเมืองASTVผู้จัดการ สรุปว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ผู้ก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนใต้ต้องการท้าทายรัฐบาลและกองทัพ ก็เพราะวันเดียวกันแต่เป็นช่วงเช้า สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงพร้อมด้วย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ได้ควงคู่กันลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งแม้ไม่ใช่นราธิวาส แต่ก็ใกล้กันคือปัตตานี
โดยสุเทพ-พลเอกประยุทธ์ได้เดินทางไปที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อมอบนโยบายและแนวทางการปฎิบัติงานในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้กับผู้บังคับหน่วย หน่วยเฉพาะกิจของทหาร รวมถึงฝ่ายปกครอง และตำรวจในพื้นที่
แต่พอคล้อยหลังเท่านั้น กลุ่มโจรภาคใต้ ซึ่งรูปแบบการก่อเหตุเห็นได้ชัดว่า เป้าหมายหลักตอนนี้คือ การก่อการร้ายเพื่อแบ่งแยกดินแดน ก็วางแผนก่อเหตุ เหยียบหน้า”สุเทพ-ประยุทธ์” ทันที และครั้งนี้ไม่ได้ก่อเหตุตามริมทางเท้า ดักยิงคนทั่วไป แต่เล่นงานเอากับทหาร ลูกน้องพลเอกประยุทธ์เลยทีเดียว
สิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งหลายคนเคยตั้งความหวังว่าจะดับไฟใต้ที่ลุกโชนมาหลายปี แม้ไม่สามารถดับได้ทันที แต่ก็น่าจะทุเลาลง
แต่สองปีกว่าที่ผ่านมา รัฐบาลประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคที่น่าจะเข้าใจปัญหาภาคใต้ได้ดีที่สุด เพราะส.ส.ส่วนใหญ่ก็เป็นส.ส.ภาคใต้ แม้จะไม่ได้ยึดครองพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งหมด แต่ก็เป็นพรรคที่มีส.ส.ในปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส เกือบทุกครั้ง ที่มีการเลือกตั้ง
อีกทั้งก่อนหน้านี้คนประชาธิปัตย์หลายคน รวมถึงอภิสิทธิ์ ก็เคยวิพากษ์วิจารณ์การแก้ปัญหาภาคใต้ของหลายฝ่ายว่าล้มเหลว แก้ปัญหาไม่ตรงจุด
ครั้นถึงเวลาเข้ามาทำงานจริง ก็ดีแต่พูด
ผ่านมาสองปีกว่า แม้ภาพรวมการเกิดเหตุร้ายจะลดลง แต่การลดลงดังกล่าว ก็พบว่าเมื่อเกิดเหตุแต่ละครั้ง ก็ล้วนรุนแรง นำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินของคนที่ประสบเหตุ
ไม่ว่าจะเป็นกรณี “จ่าเพียร” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ที่สะท้อนปัญหาการแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ว่านอกจากไม่ใส่ใจและล้มเหลวแล้ว ยังเหลวแหลกในการสร้างขวัญ และกำลังใจให้กับคนทำงานในพื้นที่ภาคใต้ โดยที่อภิสิทธิ์ แก้ตัวไม่ขึ้น
หรือล่าสุดกับกรณีของ “ครูมาโนช” หรือ นายมาโนช ชฎารัตน์ ครูโรงเรียนเดชะปัตตนยานุกูล ปัตตานี ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ก่อนวันครูเพียงหนึ่งวัน คือวันที่ 15 มกราคม 54 กลางอำเภอเมือง ปัตตานี
ทำให้ “ครูมาโนช” กลายเป็นศพครูคนที่ 138 ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตนับแต่เกิดเหตุวิกฤตไฟใต้ตั้งแต่ปี 2547 และหลายคนก็เชื่อว่า คนร้ายคงไม่ให้ตัวเลขครูที่เสียชีวิตหยุดอยู่แค่ 138 แน่นอน
แต่ครูผู้เสียสละ เอาชีวิตเข้าเสี่ยง เพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง จะได้รับหลักประกันความปลอดภัยใดๆจากรัฐบาลบ้าง ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แต่ถามหน่วยงานภาครัฐทั้งรัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ-กระทรวงศึกษาธิการ ด้วยความวังเวงในหัวใจ
เพราะนับวันกลุ่มคนร้าย นอกจากไม่หยุดก่อเหตุแล้ว ยังยกระดับความรุนแรงในการก่อเหตุมากขึ้น ก็ดูวันที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาร่วมงานศพครูมาโนช ก็ปรากฏว่า คนร้ายก็ไม่สนใจ เล่นลองดีเหมือนกับสุเทพ -ประยุทธ์
เพราะวันดังกล่าวยังมีคนร้ายก่อเหตุแบบไม่สนใจการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี โดยมีการก่อเหตุกันที่ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ที่มีการก่อเหตุวางระเบิดแสวงเครื่องเพื่อหวังทำร้ายชาวบ้านที่จะเข้าไปกรีดยาง จนทำให้มีสองผัวเมียได้รับบาดเจ็บจากการไปเหยียบระเบิดที่ถูกวางไว้ และวันเดียวกันที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ก็มีเหตุยิงกันที่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งราย
“ทีมข่าวการเมืองฯ” จึงเห็นว่า ปัญหาภาคใต้ อภิสิทธิ์-สุเทพ-พลเอกประยุทธ์ รวมถึง คนอื่นๆที่เกี่ยวข้องอย่าง ถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กำกับดูแลการแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาล -ภาณุ อุทัยรัตน์ รักษาการ ผอ.ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. - พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. จะทำงานตั้งรับแบบนี้ไม่ได้แล้ว
เพราะดูแล้ว คนร้ายนับวันยิ่งได้ใจ และพร้อมจะยกระดับการก่อเหตุให้หนักมากยิ่งขึ้น เพื่อทำให้เป้าหมาย แบ่งแยกดินแดน และอื่นๆ สำเร็จ โดยที่กฎหมายและอำนาจรัฐแตะต้องและเอาผิดไม่ได้
เช่น เรียกค่าคุ้มครอง -ขอเงินสนับสนุนจากต่างชาติ -ทำสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ ควบคู่ไปด้วยกับการก่อเหตุภาคใต้ เช่น ลักลอบขนยาเสพติด หรือสินค้าหนีภาษี
จริงอยู่ว่าปัญหาภาคใต้ได้พัฒนาการเป็นปัญหาระดับชาติ ที่มีเรื่องของ “ลัทธิ-ความเชื่อ”เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่รัฐบาล-ทหาร ก็ไม่สามารถจะนำมาอ้างว่าขอเวลาสักระยะในการแก้ปัญหา เพราะเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน
หากทั้ง อภิสิทธิ์-สุเทพ-ถาวร -พลเอกประยุทธ์ จะอ้างแบบนี้ ก็ควร ”ลาออก”ไปจะดีกว่า เพราะหากไม่พร้อม ไม่เก่งจริง มองปัญหาไม่ออก แก้ปัญหาไม่ได้ ก็ไม่ควรอยู่ให้รกที่รกทาง
เนื่องจากที่ผ่านมานอกจากคนดีๆ ของสังคมอย่าง “ครูจูหลิง-จ่าเพียร-ครูมาโนช” รวมถึงอีกหลายคนที่ต้องจบชีวิตลงทั้งพระสงฆ์ที่ถูกคนร้ายฆ่าตัดหัว หรือลอบฆ่าระหว่างเดินบิณฑบาตรใจกลางเมือง หรือผู้พิพากษาที่ถูกยิงเสียชีวิตในพื้นที่
อันเป็นความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้แล้ว หลายรัฐบาลไล่ตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร-พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์- สมัคร สุนทรเวช-สมชาย วงศ์สวัสดิ์ จนถึงอภิสิทธิ์ ใช้งบประมาณในรูปแบบต่างๆ เพื่อการแก้ปัญหาภาคใต้ไปแล้วปีหลายหมื่นล้านบาท แต่ผลงานที่ออกมากลับตรงกันข้าม
มันจึงถึงเวลาต้อง เริ่มถามหาผู้รับผิดชอบกันบ้างแล้วว่า ที่ผ่านมา ทำไมแก้ปัญหาไม่สำเร็จ อภิสิทธิ์ อาจมีปัญหาสารพัดให้รอแก้ไข โดยเฉพาะปัญหา “ความแตกแยก” ของคนในชาติ แต่ปัญหาภาคใต้ ที่เคยเป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงตอนเป็นฝ่ายค้าน ภายใต้สโลแกน “ประชาชนต้องมาก่อน” มาถึงวันนี้ ปัญหาภาคใต้ ก็เห็นชัดว่า
ประชาชนต้องตายตลอด
นายกรัฐมนตรี จึงควรต้องทุ่มเทแก้ปัญหาภาคใต้ให้มากขึ้น และหนักขึ้นอีกหลายสิบเท่า ไม่ใช่เอาเวลาไปคอยคิดแต่จะออกนโยบายหาเสียง เรียกคะแนนนิยม แล้วปล่อยให้ภาคใต้ ดังระงมไปด้วยเสียงปืน-ระเบิด และการสวดศพผู้เสียชีวิตเกือบทุกค่ำคืนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
ส่วนพลเอกประยุทธ์ ก็เช่นกัน เรื่องการเมืองอย่างเช่น การปกป้องสถาบันไม่ให้ใครมาแตะต้องหรือหมิ่นสถาบัน ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทหารหาญต้องกระทำ และประชาชนก็สนับสนุน แต่ผบ.ทบ. ก็ไม่ใช่แต่จะแตะเฉพาะประเด็นการเมืองอย่างเดียว หน้าที่หลักอย่าง แก้ปัญหาภาคใต้ พลเอกประยุทธ์ ก็ต้องกู้หน้าทหารให้ได้ด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้ภาคใต้กลียุค คนบริสุทธิ์บาดเจ็บล้มตายรายวันแบบนี้
ขณะที่คนอื่นๆ อย่างถาวร เสนเนียม มท.3 รายนี้ต้องบอกว่า ไม่มีผลงาน ปรับออกได้เร็วเท่าไหร่ ยิ่งดี ตอนเป็นฝ่ายค้าน ทำเป็นเก่ง รู้ปัญหาภาคใต้สารพัด แต่พอทำงานจริง ก็ไร้ฝีมือจนคนในปชป.ส่ายหน้า
จะมาอ้างว่าผลงานเด่นคือ อยู่เบื้องหลังการออก พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2553 ที่ปรับปรุงโครงสร้าง ศอ.บต. ที่แยกมาจาก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 (กอ.รมน.ภาค4 ) เพื่อทำงานด้านพัฒนาอย่างเดียว ถ้าระดับรมช.มหาดไทย ทำได้แค่นี้ แล้วมาบอกว่ามีผลงาน เอาใครมาทำแทนก็ได้ เพราะอย่างอื่นไม่เห็นผลงานอะไรเป็นรูปธรรม ดีแต่ให้สัมภาษณ์เรื่องภาคใต้ไปวันๆ อย่างเช่นเดินทางไปดูงานถึงประเทศไอร์แลนด์ เพื่อศึกษาการแก้ปัญหาที่เหตุใดกลุ่ม IRA ถึงได้ยุติบทบาทการก่อเหตุร้ายในอังกฤษ หลังทำสงครามแบบกองโจรมาหลายปี
แต่สิ่งที่ไปดูงานมา ถามว่า เอามาปรับกับปัญหาภาคใต้ได้หรือไม่ ถึงวันนี้ ก็เห็นแล้วว่า เสียดายเงินค่าตั๋วเครื่องบิน-ค่าใช้จ่ายอื่นที่หมดไปนับล้านบาท
“ทีมข่าวการเมืองฯ” ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้โอกาส เวลา และกำลังใจ ผู้เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาภาคใต้ แต่เราเห็นแล้วว่า มันต้องจริงจังกว่านี้
อย่างแนวคิดเรื่อง การยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ฯ ที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และที่จะตามมาในเร็วๆนี้ คือ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส กับ อ.เบตง จ. ยะลา รวมถึงการออกกฎหมายเพื่อให้แนวร่วมโจรภาคใต้ แปรเปลี่ยนเป็นผู้กลับใจมามอบตัวกับรัฐได้เข้ารับการอบรมสร้างอาชีพ
เราก็เห็นด้วย แต่ถามว่า สองปีกว่าของรัฐบาลอภิสิทธิ์ คิดได้ทำได้แค่นี้หรือ ? ถ้าทำได้คิดได้แค่นี้ ก็อย่างที่บอกไว้ ต้องพิจารณาตัวเองได้แล้ว “อภิสิทธิ์-สุเทพ-ถาวร-ประยุทธ์-พล.ต.อ.วิเชียร”