ศูนย์ข่าวศรีราชา- นักกีฬาเจ็ตสกีทีมชาติไทย ยกขบวนร้องเมืองพัทยาตามเงินเบี้ยเลี้ยง กกท.และสมาคมเจ็ตสกี ที่ค้างจ่ายรวมกว่า 2 ล้าน หลังเข้าร่วมแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติในฐานะตัวแทนประเทศไทย แต่กลับไม่ได้รับความใส่ใจ
วันนี้ (21 ม.ค.) นายพิเชษฐ์ เสร็จธุระ นักกีฬาเจ็ตสกีทีมชาติไทย นำคณะนักกีฬาทีมชาติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าพบ นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬาสภาเมืองพัทยา พร้อมคณะสมาชิกสภาเมืองพัทยา เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมและให้ช่วยติด ตามงบเบี้ยเลี้ยงการเก็บตัวและแข่งขันกีฬาเจ็ตสกีระดับนานาชาติรวมเป็นเงินจำนวนกว่า 2 ล้านบาท ที่กีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทยค้างจ่าย ทำให้ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากเงินดังกล่าวเป็นเงินที่นักกีฬาต้องควักกระเป๋าส่วนตัว หรือกู้ยืมเงินมา เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวในการเก็บตัวและร่วมเดินทางเข้าแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติ
นายพิเชษฐ์ เปิดเผยว่า ในปี 2008 นักกีฬาในนามทีมชาติไทยรวม 9 คน ได้เดินทางไปแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ที่เมืองบาหลี ประเทศอินโดนิเซีย และสามารถคว้าเหรียญทองมาได้ 2 รุ่น จนมาถึงการแข่งขันเอเซียนบีชเกมส์ครั้งล่าสุด ที่ประเทศโอมาน ในปี 2010 ทีมนักกีฬาจำนวน 11 คน ก็ได้เดินทางเข้าร่วมแข่งขันอีกและคว้าเหรียญรางวัลมาได้ คือ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง ซึ่งถือว่าสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย แต่ปรากฏว่าการเดินทางเข้าร่วมแข่งขันทั้งสองครั้ง สมาคม และ กกท.ได้อนุมัติงบประมาณให้เพียงค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักให้เท่านั้น
ขณะที่เงินค่าเบี้ยเลี้ยงในการเก็บตัว ฝึกซ้อม และแข่งขันรวมจำนวนกว่า 3 เดือน ซึ่งปกติจะได้ในอัตรา 600-1,000 บาทต่อคนจากจำนวนนักกีฬา 19 คน รวมแล้วเป็นเงินกว่า 2 ล้านบาทนั้นกับไม่ได้รับการสนับสนุน ทั้งๆ ที่เป็นสิทธิ์ที่ควรจะได้ แต่เมื่อทวงถามก็มักได้รับการบ่ายเบี่ยงจากสมาคม จึงทำให้นักกีฬาได้รับความเดือดร้อน เพราะเงินที่จ่ายไปนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเงินส่วนตัวที่เก็บสะสมไว้ หรือกู้ยืมมาทั้งสิ้น จึงตัดสินใจเดินทางเข้าร้องเรียนกับเมืองพัทยาเพื่อให้เป็นตัวแทนในการทวงถามและทวงสิทธิ์เกี่ยวกับงบประมาณดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้นักกีฬาและทีมงานรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวังกับการทำงานตรงนี้แล้ว
วันนี้ (21 ม.ค.) นายพิเชษฐ์ เสร็จธุระ นักกีฬาเจ็ตสกีทีมชาติไทย นำคณะนักกีฬาทีมชาติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าพบ นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬาสภาเมืองพัทยา พร้อมคณะสมาชิกสภาเมืองพัทยา เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมและให้ช่วยติด ตามงบเบี้ยเลี้ยงการเก็บตัวและแข่งขันกีฬาเจ็ตสกีระดับนานาชาติรวมเป็นเงินจำนวนกว่า 2 ล้านบาท ที่กีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทยค้างจ่าย ทำให้ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากเงินดังกล่าวเป็นเงินที่นักกีฬาต้องควักกระเป๋าส่วนตัว หรือกู้ยืมเงินมา เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวในการเก็บตัวและร่วมเดินทางเข้าแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติ
นายพิเชษฐ์ เปิดเผยว่า ในปี 2008 นักกีฬาในนามทีมชาติไทยรวม 9 คน ได้เดินทางไปแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ที่เมืองบาหลี ประเทศอินโดนิเซีย และสามารถคว้าเหรียญทองมาได้ 2 รุ่น จนมาถึงการแข่งขันเอเซียนบีชเกมส์ครั้งล่าสุด ที่ประเทศโอมาน ในปี 2010 ทีมนักกีฬาจำนวน 11 คน ก็ได้เดินทางเข้าร่วมแข่งขันอีกและคว้าเหรียญรางวัลมาได้ คือ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง ซึ่งถือว่าสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย แต่ปรากฏว่าการเดินทางเข้าร่วมแข่งขันทั้งสองครั้ง สมาคม และ กกท.ได้อนุมัติงบประมาณให้เพียงค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักให้เท่านั้น
ขณะที่เงินค่าเบี้ยเลี้ยงในการเก็บตัว ฝึกซ้อม และแข่งขันรวมจำนวนกว่า 3 เดือน ซึ่งปกติจะได้ในอัตรา 600-1,000 บาทต่อคนจากจำนวนนักกีฬา 19 คน รวมแล้วเป็นเงินกว่า 2 ล้านบาทนั้นกับไม่ได้รับการสนับสนุน ทั้งๆ ที่เป็นสิทธิ์ที่ควรจะได้ แต่เมื่อทวงถามก็มักได้รับการบ่ายเบี่ยงจากสมาคม จึงทำให้นักกีฬาได้รับความเดือดร้อน เพราะเงินที่จ่ายไปนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเงินส่วนตัวที่เก็บสะสมไว้ หรือกู้ยืมมาทั้งสิ้น จึงตัดสินใจเดินทางเข้าร้องเรียนกับเมืองพัทยาเพื่อให้เป็นตัวแทนในการทวงถามและทวงสิทธิ์เกี่ยวกับงบประมาณดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้นักกีฬาและทีมงานรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวังกับการทำงานตรงนี้แล้ว
