แพนราชเทวีกรุ๊ป จัดทัพพอร์ตโฟลิโอ แยกช่องทางแต่ละกลุ่มสินค้า เล็งผุดมัลติแบรนด์ชอป พร้อมเตรียมขยายตลาดต่างประเทศรับเออีซี
นายพรชาย พิริยบรรเจิด กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพนราชเทวีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ทางแพนราชเทวีกรุ๊ป มีแผนที่จะปรับทิศทางด้านช่องทางการจำหน่ายของสินค้าและบริการแต่ละกลุ่มให้มีความชัดเจนและตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะกำหนดว่าแบรนด์ใดควรจะอยู่ช่องทางจำหน่ายใด
โดยสินค้าแบรนด์ อิลีเซ่จะเน้นช่องทางจำหน่ายเคาน์เตอร์เซลส์ จับกลุ่มเป้าหมายระดับบน ซึ่งปีนี้คาดหวังยอดขาย 400 ล้านบาท ส่วนแพนคอสเมติกส์ จะเป็นตลาดแมส ราคาต่ำวกว่าอิลีเซ่ และจะเน้นช่องทางที่เป็นซูเปอร์มารเก็ตเป็นหบลัก ไม่ขายในร้านขายยาหรือเคนน์เตอร์เซลส์ ขณะที่แพนเดอมาแคร์จะเป็นเวชสำอางเฉพาะ เน้นขายในร้านขายยา
ส่วนแบรนด์ไมนัสก็ไปได้ดีในตลาดต่างประเทศตลาดหลักคือ อเมริกาจำหน่ายในคลีนิกผ่านดิสทริบิวเตอร์ และมีเป้าหมายที่จะนำสินค้าในเครือไปบุกตลาดต่างประเทศอีกรองรับนโยบายเออีซีที่เกิดขึ้น เพระเป็นโอกาสที่จะขยายตลาดได้ จะทำทั้งในรูปแบบหาดิสทริบิวเตอร์และร่วมทุน แล้วแต่ความเหมาะสม
นอกจากนั้นมีแผนจะเปิดร้าน นำสินค้าทุกแบรนด์ที่ผลิตเองและที่นำเข้ามาทำตลาด มาจำหน่าย ภายในร้านแบบมัลติแบรนด์ชอปนี้ พื้นที่ประมาณ 80-100 ตารางเมตร อยู่ระหว่างการวางแผนและตั้งชื่อร้าน ซึ่งปัจจุบันนี้เรามีชอปรวมกัน 9 แห่ง ซึ่งบางแห่งเป็นชื่อ แพนคอสเมติกส์แต่ก็ขายทุกแบรนด์ หรือชื่อร้านแพนเดอร์มาแคร์ ก็ขายทุกแบรนด์เหมือนกัน
“ที่ผ่านมาเราอาจจะมีสินค้าของเราหลายแบรนด์ขายรวมกันอยู่ในร้าน อยู่ในเคาน์เตอร์เซลส์บ้าง ซึ่งทำให้ไม่มีจุดเด่น และทำตลาดได้ไม่เต็มที่ จากนี้ไปเราจะแยกช่องทางจำหน่ายให้ชัดเจนมากขึ้น โดยเวลานี้มีมากกว่า 400 เคาน์เตอร์ คลินิก 68 แห่ง และอีก 9 ชอป”
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งงบการตลาดปีนี้ไว้เพิ่มขึ้น 25% จากปีที่แล้วที่ใช้ 250 ล้านบาท เพื่อทำการตลาด จัดกิจกรรม และซีอาร์เอ็มกัลลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพราะทุกวันนี้ตลาดเวชสำอางและเครื่องสำอางแข่งกันรุนแรง ทุกค่ายทำซีอาร์เอ็มกันหมด เพื่อดึงดูดลูกค้าไว้ให้อยู่ในระบบของตัวเอง เพราะถ้าหลุดออกไปแล้วโอกาสจะเรียกกลับคืนมายากกว่า เพราะมีหลายแบรนด์ในตลาดให้เลือก
นายพรชาย กล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ทั้งกลุ่มเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว โดยปีที่แล้วเติบโต 15% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 30% เนื่องจากปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 10% ไทย 90%
นายพรชาย พิริยบรรเจิด กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพนราชเทวีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ทางแพนราชเทวีกรุ๊ป มีแผนที่จะปรับทิศทางด้านช่องทางการจำหน่ายของสินค้าและบริการแต่ละกลุ่มให้มีความชัดเจนและตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะกำหนดว่าแบรนด์ใดควรจะอยู่ช่องทางจำหน่ายใด
โดยสินค้าแบรนด์ อิลีเซ่จะเน้นช่องทางจำหน่ายเคาน์เตอร์เซลส์ จับกลุ่มเป้าหมายระดับบน ซึ่งปีนี้คาดหวังยอดขาย 400 ล้านบาท ส่วนแพนคอสเมติกส์ จะเป็นตลาดแมส ราคาต่ำวกว่าอิลีเซ่ และจะเน้นช่องทางที่เป็นซูเปอร์มารเก็ตเป็นหบลัก ไม่ขายในร้านขายยาหรือเคนน์เตอร์เซลส์ ขณะที่แพนเดอมาแคร์จะเป็นเวชสำอางเฉพาะ เน้นขายในร้านขายยา
ส่วนแบรนด์ไมนัสก็ไปได้ดีในตลาดต่างประเทศตลาดหลักคือ อเมริกาจำหน่ายในคลีนิกผ่านดิสทริบิวเตอร์ และมีเป้าหมายที่จะนำสินค้าในเครือไปบุกตลาดต่างประเทศอีกรองรับนโยบายเออีซีที่เกิดขึ้น เพระเป็นโอกาสที่จะขยายตลาดได้ จะทำทั้งในรูปแบบหาดิสทริบิวเตอร์และร่วมทุน แล้วแต่ความเหมาะสม
นอกจากนั้นมีแผนจะเปิดร้าน นำสินค้าทุกแบรนด์ที่ผลิตเองและที่นำเข้ามาทำตลาด มาจำหน่าย ภายในร้านแบบมัลติแบรนด์ชอปนี้ พื้นที่ประมาณ 80-100 ตารางเมตร อยู่ระหว่างการวางแผนและตั้งชื่อร้าน ซึ่งปัจจุบันนี้เรามีชอปรวมกัน 9 แห่ง ซึ่งบางแห่งเป็นชื่อ แพนคอสเมติกส์แต่ก็ขายทุกแบรนด์ หรือชื่อร้านแพนเดอร์มาแคร์ ก็ขายทุกแบรนด์เหมือนกัน
“ที่ผ่านมาเราอาจจะมีสินค้าของเราหลายแบรนด์ขายรวมกันอยู่ในร้าน อยู่ในเคาน์เตอร์เซลส์บ้าง ซึ่งทำให้ไม่มีจุดเด่น และทำตลาดได้ไม่เต็มที่ จากนี้ไปเราจะแยกช่องทางจำหน่ายให้ชัดเจนมากขึ้น โดยเวลานี้มีมากกว่า 400 เคาน์เตอร์ คลินิก 68 แห่ง และอีก 9 ชอป”
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งงบการตลาดปีนี้ไว้เพิ่มขึ้น 25% จากปีที่แล้วที่ใช้ 250 ล้านบาท เพื่อทำการตลาด จัดกิจกรรม และซีอาร์เอ็มกัลลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพราะทุกวันนี้ตลาดเวชสำอางและเครื่องสำอางแข่งกันรุนแรง ทุกค่ายทำซีอาร์เอ็มกันหมด เพื่อดึงดูดลูกค้าไว้ให้อยู่ในระบบของตัวเอง เพราะถ้าหลุดออกไปแล้วโอกาสจะเรียกกลับคืนมายากกว่า เพราะมีหลายแบรนด์ในตลาดให้เลือก
นายพรชาย กล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ทั้งกลุ่มเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว โดยปีที่แล้วเติบโต 15% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 30% เนื่องจากปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 10% ไทย 90%