ลอรีอัล ลั่น อีก 5 ปี ดันรายได้ตลาดโลกพุ่งเพิ่มแชร์เป็น 15% จาก 10% พร้อมเข้าถึงผู้บริโภคกว่า 1,000 ล้านคน ดันตลาดประเทศไทยเป็นเรือธง 1 ใน 15 ประเทศ ช่วยสร้างฝัน ด้านไทยอัดงบตลาดเพิ่มงบดิจิตอล
นายฌอง ฟรองซัวส์ คูเว่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทแม่ที่ฝรั่งเศสมีนโยบายที่จะให้ตลาดประเทศไทย เป็นตลาดสำคัญ 1 ใน 15 ประเทศทั่วโลก (ทั้งนี้ในเซาท์อีสท์เอเซีย มี 4 ประเทศคือ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์และเวียดนาม)ผนวกกับการที่จะพัฒนานวัตกรรมใหม่ออกมาต่อเนื่องเพื่อที่จะช่วยสร้างการเติบโตทางด้านยอดขายให้กับลอรีอัลโดยรวม และสร้างการเติบโตมากกว่าตลาดรวม 3 เท่าและช่วยเพิ่มปริมาณผู้ใช้สินค้าในเครือลอรีอัลเพิ่มเป็น 1,000 ล้านคน และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดรวมทั่วโลกเป็น 15% ภายใน 5 ปีจากนี้ ( 2558) จากปัจุบันที่สินค้าความงามในเครือลอรีอัลสามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้ประมาณ 15%ของจำนวนประชากรทั่วโลก และมีส่วนแบ่งตลาดรวมประมาณ 10% ขณะที่ในตลาดประเทศไทยนั้น มีเป้าหมายที่จะให้มีผู้ใช้สินค้าเครือลอรีอัลเพิ่มเป็น 15 ล้านคน จากปัจจุบันมี 5 ล้านคน
ทั้งนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนที่จะนำแบรนด์ใหม่ในเครือเข้ามาทำตลาดอีก จากปัจจุบันมี 19 แบรนด์ เป็นผู้นำตลาดในประเทศไทย ในแง่คอรปอเรทแชร์ เช่น กลุ่มสกินแคร์ด้วยแชร์ 17% แต่จะหันมาเพิ่มงบการทำตลาดในทุกแบรนด์เป็นเลข 2 หลักโดยให้ความสำคัญกับสื่อดิจิตอลด้วยการเพิ่มงบมากขึ้นเป็น 4 เท่าจากปีที่แล้ว ดดยแบรนด์ วิชี่ ที่จะใช้สื่อดิจิตอล 100%
นอกจากนั้นจะขยายช่องทางตลาดกับสินค้า เช่น 2 ปีก่อนขยายช่องทางซาลอนจาก 1,000 แห่ง เพิ่มเป็น 5,000 แห่งปีนี้ และจะขยายเพิ่มอีกต่อเนื่อง หรือผลิตภัณฑ์การ์นิเย่ ก็ทำตลาดอย่างหนัก สามารถเข้าถึงมากกกว่า 100,000 ครัวเรือนแล้ว
สำหรับตลาดรวมผลิตภัณฑ์ความงามในไทยมีมูลค่า 57,000 ล้านบาท เติบโต 5% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าในอดีต 2-3 ปีก่อนหน้าที่เติบโตมากกว่า 6-7% แบ่งสัดส่วนเป็น สกินแคร์ 25,700 ล้านบาท แฮร์แคร์ 13,200 ล้านบาท เมคอัพ 8,500 ล้านบาท อื่นๆ 9,600 ล้านบาท แต่หากแยกเป็นตลาดระดับแมสจะมีมูลค่า 33,000 ล้านบาทหรือ 69% ตลาดความงามชั้นสูง 5,800 ล้านบาท ตลาดซาลอน 2,400 ล้านบาท และตลาดเวชสำอางค์ 1,800 ล้านบาท
แต่เป็นตลาดที่เติบโตสูงที่สุด
โดยบริษัทฯจะโฟกัสใน 3 กลุ่มแรกซึ่งเป็นสัดส่วนตลาดมากถึง 83% คาดว่าตลาดรวมปีนี้จะเติบโต 5-6% แต่บริษัทฯตั้งเป้าเติบโตมากกว่า สัดส่วนยอดขายของลอรีอัลจะแบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์อุปโภคเช่น ลอรีอัล ปารีส การ์นิเย่ เมย์เบลลีน กลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงในห้าง เช่น ลังโคม ไบโอเธิร์ม สัดส่วน 25% และกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงในซาลอนเช่น ลอรีอัลโปรเฟสชันนอล เคเรตาส แมทริกซ์ และกลุ่มเวชสำอางค์ เช่น โรช-โพเซย์ และ วิชี่ รวมกัน 6%
นายฌอง ฟรองซัวส์ คูเว่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทแม่ที่ฝรั่งเศสมีนโยบายที่จะให้ตลาดประเทศไทย เป็นตลาดสำคัญ 1 ใน 15 ประเทศทั่วโลก (ทั้งนี้ในเซาท์อีสท์เอเซีย มี 4 ประเทศคือ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์และเวียดนาม)ผนวกกับการที่จะพัฒนานวัตกรรมใหม่ออกมาต่อเนื่องเพื่อที่จะช่วยสร้างการเติบโตทางด้านยอดขายให้กับลอรีอัลโดยรวม และสร้างการเติบโตมากกว่าตลาดรวม 3 เท่าและช่วยเพิ่มปริมาณผู้ใช้สินค้าในเครือลอรีอัลเพิ่มเป็น 1,000 ล้านคน และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดรวมทั่วโลกเป็น 15% ภายใน 5 ปีจากนี้ ( 2558) จากปัจุบันที่สินค้าความงามในเครือลอรีอัลสามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้ประมาณ 15%ของจำนวนประชากรทั่วโลก และมีส่วนแบ่งตลาดรวมประมาณ 10% ขณะที่ในตลาดประเทศไทยนั้น มีเป้าหมายที่จะให้มีผู้ใช้สินค้าเครือลอรีอัลเพิ่มเป็น 15 ล้านคน จากปัจจุบันมี 5 ล้านคน
ทั้งนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนที่จะนำแบรนด์ใหม่ในเครือเข้ามาทำตลาดอีก จากปัจจุบันมี 19 แบรนด์ เป็นผู้นำตลาดในประเทศไทย ในแง่คอรปอเรทแชร์ เช่น กลุ่มสกินแคร์ด้วยแชร์ 17% แต่จะหันมาเพิ่มงบการทำตลาดในทุกแบรนด์เป็นเลข 2 หลักโดยให้ความสำคัญกับสื่อดิจิตอลด้วยการเพิ่มงบมากขึ้นเป็น 4 เท่าจากปีที่แล้ว ดดยแบรนด์ วิชี่ ที่จะใช้สื่อดิจิตอล 100%
นอกจากนั้นจะขยายช่องทางตลาดกับสินค้า เช่น 2 ปีก่อนขยายช่องทางซาลอนจาก 1,000 แห่ง เพิ่มเป็น 5,000 แห่งปีนี้ และจะขยายเพิ่มอีกต่อเนื่อง หรือผลิตภัณฑ์การ์นิเย่ ก็ทำตลาดอย่างหนัก สามารถเข้าถึงมากกกว่า 100,000 ครัวเรือนแล้ว
สำหรับตลาดรวมผลิตภัณฑ์ความงามในไทยมีมูลค่า 57,000 ล้านบาท เติบโต 5% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าในอดีต 2-3 ปีก่อนหน้าที่เติบโตมากกว่า 6-7% แบ่งสัดส่วนเป็น สกินแคร์ 25,700 ล้านบาท แฮร์แคร์ 13,200 ล้านบาท เมคอัพ 8,500 ล้านบาท อื่นๆ 9,600 ล้านบาท แต่หากแยกเป็นตลาดระดับแมสจะมีมูลค่า 33,000 ล้านบาทหรือ 69% ตลาดความงามชั้นสูง 5,800 ล้านบาท ตลาดซาลอน 2,400 ล้านบาท และตลาดเวชสำอางค์ 1,800 ล้านบาท
แต่เป็นตลาดที่เติบโตสูงที่สุด
โดยบริษัทฯจะโฟกัสใน 3 กลุ่มแรกซึ่งเป็นสัดส่วนตลาดมากถึง 83% คาดว่าตลาดรวมปีนี้จะเติบโต 5-6% แต่บริษัทฯตั้งเป้าเติบโตมากกว่า สัดส่วนยอดขายของลอรีอัลจะแบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์อุปโภคเช่น ลอรีอัล ปารีส การ์นิเย่ เมย์เบลลีน กลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงในห้าง เช่น ลังโคม ไบโอเธิร์ม สัดส่วน 25% และกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงในซาลอนเช่น ลอรีอัลโปรเฟสชันนอล เคเรตาส แมทริกซ์ และกลุ่มเวชสำอางค์ เช่น โรช-โพเซย์ และ วิชี่ รวมกัน 6%