จากตัวเลขของบริษัท นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช ประเทศไทย สำรวจพบว่า ตลอดปี 2553ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมโฆษณามีการเติบโต 11.83% มีมูลค่ากว่า 101,032 ล้านบาท โดยสื่ออินสโตร์เติบโตสูงสุด 36.75% มูลค่า 1,120 ล้านบาท รองลงมาคือ สื่อทรานซิท เติบโต 27.78% มูลค่า 2,254 ล้านบาท สื่อในโรงภาพยนตร์ เติบโต 23.27% มูลค่า 5,986 ล้านบาท และอันดับสี่ คือ สื่อโทรทัศน์ เติบโต 14.79% มูลค่า 60,766 ล้านบาท
ขณะที่สื่อวิทยุติดลบ 0.88% มีมูลค่า 6,114 ล้านบาท และสื่อเอาท์ดอร์ติดลบ 3% มีมูลค่า 3,846 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้สื่อรองมีอัตราการเติบโตสูงกว่าสื่อหลักนั้น เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ คือ สื่อรองจะมีราคาต่ำกว่า เป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายกว่า รวมถึงมีการขยายเพิ่มช่องทางเหล่านี้ให้มีจำนวนที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สื่ออินสโตร์ ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการขยายสาขาของไฮเปอร์มาร์เก็ตเพิ่มขึ้น
ส่วนสื่อทรานซิท จะพบว่าปี 2553 มีเทคโนโลยีใหม่ๆที่ช่วยให้สื่อทรานซิทมีความน่าสนใจมากขึ้น บวกกับทางรถไฟฟ้าบีทีเอส มีการเพิ่มขบวน รวมถึงการขยายสถานีเพิ่มขึ้น และการเปิดให้บริการแอร์พอร์ตลิงค์ ก็เป็นส่วนสำคัญให้สื่อทรานซิทเติบโต ส่วนสื่อวิทยุเป็นไปตามคาดการณ์ว่าจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย เนื่องจากมีสื่อใหม่ที่เข้ามาใช้ทดแทนมากขึ้น
ทั้งนี้พบว่า ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่กลุ่มสินค้าประเภทเครือข่ายให้บริการสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่มีการแข่งขันรุนแรงมาก ส่งผลให้ แฮปปี้โมบาย เป็นกลุ่มสินค้าและบริการ ที่มีอัตราการใช้งบโฆษณาสูงสุดในปีที่ผ่านมา โดยใช้ไปถึง 754,502,000 บาท สูงจากปี 52 ที่ใช้ไปราว 661,909,000 บาท อันดับสอง คือ รถกระบะโตโยต้า ใช้ไป 739,960,000 บาท และอันดับสาม คือ ผงซักฟอกบรีส ใช้ไป
705,279,000 บาท
ขณะเดียวกับสำหรับองค์กรและบริษัทที่ใช้งบสูงสุดในปี 2553 นั้นยังคงเป็น ยูนิลีเวอร์ ใช้ไป 7,248,901,000 บาท จากปี 52 ใช้ไป 5,367,309,000 บาท รองลงมา คือ พีแอนด์จีใช้ไป 2,462,945,000 บาท และอันดับสาม คือ เนสท์เล่ประเทศไทย ใช้ไป 1,831,876,000 บาท
ขณะที่สื่อวิทยุติดลบ 0.88% มีมูลค่า 6,114 ล้านบาท และสื่อเอาท์ดอร์ติดลบ 3% มีมูลค่า 3,846 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้สื่อรองมีอัตราการเติบโตสูงกว่าสื่อหลักนั้น เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ คือ สื่อรองจะมีราคาต่ำกว่า เป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายกว่า รวมถึงมีการขยายเพิ่มช่องทางเหล่านี้ให้มีจำนวนที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สื่ออินสโตร์ ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการขยายสาขาของไฮเปอร์มาร์เก็ตเพิ่มขึ้น
ส่วนสื่อทรานซิท จะพบว่าปี 2553 มีเทคโนโลยีใหม่ๆที่ช่วยให้สื่อทรานซิทมีความน่าสนใจมากขึ้น บวกกับทางรถไฟฟ้าบีทีเอส มีการเพิ่มขบวน รวมถึงการขยายสถานีเพิ่มขึ้น และการเปิดให้บริการแอร์พอร์ตลิงค์ ก็เป็นส่วนสำคัญให้สื่อทรานซิทเติบโต ส่วนสื่อวิทยุเป็นไปตามคาดการณ์ว่าจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย เนื่องจากมีสื่อใหม่ที่เข้ามาใช้ทดแทนมากขึ้น
ทั้งนี้พบว่า ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่กลุ่มสินค้าประเภทเครือข่ายให้บริการสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่มีการแข่งขันรุนแรงมาก ส่งผลให้ แฮปปี้โมบาย เป็นกลุ่มสินค้าและบริการ ที่มีอัตราการใช้งบโฆษณาสูงสุดในปีที่ผ่านมา โดยใช้ไปถึง 754,502,000 บาท สูงจากปี 52 ที่ใช้ไปราว 661,909,000 บาท อันดับสอง คือ รถกระบะโตโยต้า ใช้ไป 739,960,000 บาท และอันดับสาม คือ ผงซักฟอกบรีส ใช้ไป
705,279,000 บาท
ขณะเดียวกับสำหรับองค์กรและบริษัทที่ใช้งบสูงสุดในปี 2553 นั้นยังคงเป็น ยูนิลีเวอร์ ใช้ไป 7,248,901,000 บาท จากปี 52 ใช้ไป 5,367,309,000 บาท รองลงมา คือ พีแอนด์จีใช้ไป 2,462,945,000 บาท และอันดับสาม คือ เนสท์เล่ประเทศไทย ใช้ไป 1,831,876,000 บาท
