xs
xsm
sm
md
lg

ล่ามือยิงกัปตันบินไทย ประวัติพัวพันยาเสพติด5คดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ออกหมายจับล่าตัว เจ้าของรถฟอร์จูนเนอร์ มือปืนไล่ยิงกัปตันบินไทย พบ ทำธุรกิจบ่อกุ้ง และขายปลาสวยงามอยู่แปดริ้ว พบมีชื่อพัวพันคดียาเสพติดพื้นที่ชลบุรี 5 คดี ผู้เสียหาย เผยไม่โกรธแค้นและขอให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นอุทาหรณ์บนท้องถนน ตร.ระบุ ไฟซีนอน หากทำตามกฎหมาย ไม่มีความผิด

วานนี้(17 ม.ค.)เวลา 11.00 น.ที่ สน.ประเวศ พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.4 เดินประชุมติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายขับรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ไล่ยิง ร.ท.พูลวิทย์ เรืองเดช อายุ 53 ปี กัปตันสายการบินไทย โดยมี พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ประเวศ พ.ต.ท.นิพนธ์ ทองแสงบุญมา รอง ผกก.สส.สน.ประเวศ ร่วมหารือประมาณ 30 นาที

ภายหลังเสร็จสิ้น พล.ต.ต.สุธีร์ เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งขณะนี้การมีการออกหมายจับไปแล้ว โดยผู้ต้องหารายนี้ คือ นายพริสร หรือณัฐพงษ์ ห้วยหงษ์ทอง อายุ 26 ปี ซึ่งการออกหมายจับกุมในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสจากประชาชนที่สัญจรไปมาและเห็นเหตุการณ์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้เชิญภรรยาของผู้ต้องหามาทำการสอบปากคำ โดยภรรยาได้ให้การว่าสามีทำธุรกิจบ่อกุ้งและขายปลาสวยงามอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา และเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวโมโหง่าย แต่ทั้งนี้ขณะที่เกิดเหตุภรรยาของผู้ต้องหาให้การว่าหลับอยู่ในรถ เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นไปแล้ว โดยหลังจากเกิดเหตุผู้ต้องหาและภรรยาก็ไปทำธุระก่อนจะกลับเข้าบ้านพัก กระทั่งรุ่งเช้ามารู้ข่าวทางทีวี ทางผู้ต้องหาจึงบอกกับภรรยาว่าอยู่ไม่ได้แล้ว และรีบร้อนออกจากบ้านไปทันที

พล.ต.ต.สุธีร์ กล่าวอีกว่า สำหรับอาวุธปืนภรรยาให้การว่าน่าจะเป็นปืนออโตเมติก สีขาว แต่ไม่ทราบยี่ห้อ ซึ่งผู้ต้องหาจะพกติดตัวตลอดเวลา เพื่อป้องกันตัวในเรื่องของธุรกิจบ่อกุ้ง นอกจากนี้ เมื่อทำการตรวจสอบทะเบียนประวัติอาชญากรยังพบว่า ผู้ต้องหารายนี้พัวพันคดียาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชลบุรีถึง 5 คดี ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีแล้ว

พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ประเวศ เปิดเผย ได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ส.27/2554 ลงวันที่ 16 ม.ค.54 ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น และพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

ด้าน ร.ท.พูลวิทย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้อาการบาดเจ็บดีขึ้นมากแล้ว และหลังเกิดเหตุก็ไม่ได้ระมัดระวังตัวอะไรเป็นพิเศษ เพราะตนไม่เคยมีเรื่องกับใคร และขับรถด้วยความระมัดระวัง ส่วนทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานงานกับตนอยู่ตลอด ไม่ได้ละเลยในการติดตามคนร้าย ซึ่งก็ทราบแล้วว่ามีการออกหมายจับ และอยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี

"ผมมองว่าใต้ฟ้าเมืองไทยไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ จากที่ไม่มีเบาะแสอะไรเลย ก็สามารถรวบรวมหลักฐานต่างๆจนรู้ตัวผู้ที่ก่อเหตุได้ " ร.ท.พูลวิทย์ กล่าว

ร.ท.พูลวิทย์ กล่าวว่า เมื่อตนรู้ข่าวว่าผู้ก่อเหตุเพิ่งจะอายุ 26 ปี และวันเกิดเหตุภรรยากับลูกนั่งอยู่ในรถด้วย ทำให้รู้สึกสงสาร เพราะอายุถือว่าเป็นรุ่นลูกของตน ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกโกรธแค้น หรือ อาฆาตใด ๆ เพียงแต่อยากให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ กับผู้ที่ขับขี่รถบนท้องถนน โดยทุกคนต่างก็เร่งรีบในการเดินทาง แต่เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้เกิดการทำผิดกฎจราจรตนก็อยากให้ทุกคนใช้สติ และไม่ประมาท

**ติดไฟซีนอนหากทำตามกฎไม่ผิดกฎหมาย**

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)พล.ต.ต.อุทัยวรรณ แก้วสะอาด ผบก.จร.เปิดเผยถึงมาตรการดูแลการติดไฟรถยนต์ผิดกฎหมาย หลังเกิดกรณี นายพริสร หรือณัฐพงษ์ ห้วยหงษ์ทอง คนขับรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ไล่ยิง ร.ท.พูลวิทย์ เรืองเดช อายุ 53 ปี กัปตันการบินไทย จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งต้นเหตุมาจากการติดไฟซีนอนส่องสว่างจนรบกวนการขับรถว่า ในส่วนนี้ทางตำรวจจราจรเข้มงวดกวดขันตรวจตราอยู่แล้ว รวมทั้งมีการตั้งด่านตรวจรถยนต์ที่ผิดกฎจราจรทั้งหมดอยู่เป็นประจำ หากพบผิดกฎหมายจะดำเนินการทันที

พล.ต.ต.อุทัยวรรณ กล่าวว่า ส่วนรถยนต์ที่มีการติดไฟซีนอนนั้น ต้องดูตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 11 ในเวลาที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถหรือสิ่งกีดขวางในทางได้ โดยชัดแจ้งภายในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถในทางจะต้องเปิดไฟ หรือใช้แสงสว่างตามประเภท ลักษณะ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ส่วนรายละเอียด ต้องดูกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2522 ออกตามความ พ.ร.บ.จราจรฯ

พล.ต.ต.อุทัยวรรณ กล่าวว่า เพราะฉะนั้นแล้วถ้าหากมีการติดไฟซีนอนที่มีสีขาวออกเหลืองจนถึงขาวปกติ แล้วตั้งระดับไฟตามที่กฎหมายกำหนด ก็ไม่น่าที่จะผิดกฎหมาย ส่วนรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์คันดังกล่าวจะเข้าข่ายผิดกฎหมายจราจรในส่วนนี้หรือไม่ ต้องตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งหากผิดมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น