เลขาฯ สมช.ยันชายแดนไทย-กัมพูชาไร้ปัญหา แม้เขมรเสริมกำลัง ส่วนการชุมนุมของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติตำรวจดูแลอยู่ รับเจ้าหน้าที่หนักใจปิดถนน แต่หากเข้าไปดำเนินการอาจจะเกิดปัญหา แนะเร่งกฎหมายชุมนุมในที่สาธารณะเพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้เป็นเครื่องมือดำเนินการ เผยเตรียมชง ครม.ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุต้องทยอยยกเลิดบางพื้นที่ที่มั่นใจไม่มีเหตุรุนแรง
นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากกัมพูชาเสริมกำลังทหารตามแนวชายแดนว่า ไม่มีอะไร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวชัดแล้วว่าสถานการณ์ไม่มีอะไร เพราะทหารและฝ่ายความมั่นคงของสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดี ตอนนี้ศาลกัมพูชาให้ประกันตัวคนไทยอีก 4 คน ยกเว้นนายวีระ สมความคิดนั้น มันเป็นแนวโน้มที่ดี
นายถวิลกล่าวถึงกรณีการชุมนุมของเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ที่จะเดินทางไปถวายฎีกาที่พระบรมมหาราชวังในวันนี้ โดยที่ผ่านมาเครือข่ายฯ ได้ปิดถนนพิษณุโลกในการชุมนุม และประกาศจะชุมนุมอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าการช่วยคนไทย 7 คนที่กัมพูชาจับกุมไว้จะสำเร็จและจะขับไล่รัฐบาลด้วยว่า เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แม้จะกระทบสิทธิคนอื่น แต่บ้านเมืองเราเป็นแบบนี้เพราะไม่มีกฎหมายไปห้าม หากทำผิดกฎหมายใดก็ต้องว่ากันไปตามนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าการชุมนุมสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นจะทำเช่นใดและจะกระชับพื้นที่เมื่อใด นายถวิลกล่าวว่า ตอนนี้ตำรวจดูแล หากผิดกฎหมาย ตำรวจจะดำเนินการ แต่เวลาทำผิดกฎหมาย 10-20 คนนั้นจะจับกุมได้ หากมาชุมนุมนับร้อยคนขึ้นไปมันจับกุมลำบาก แต่ตรงนี้ตำรวจดูแลอยู่ ตนมั่นใจแบบนั้น
เมื่อถามว่าจะใช้กฎหมายพิเศษไปควบคุมหรือไม่ นายถวิลกล่าวว่า เพิ่งยกเลิกไป การมีกฎหมายพิเศษนั้นจะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพประชาชน เมื่อถามว่า การชุมนุมครั้งนี้คล้ายว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่หลิ่วตาให้ นายถวิลกล่าวว่า ไม่ เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย และเมื่อพ้นกฎหมายปกติจะเข้าสู่กฎหมายพิเศษที่กระทบสิทธิเสรีภาพ หากมี พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นจะระงับได้ แต่มันกระทบสิทธิเสรีภาพ มันก็เป็นแบบนี้ไปก่อน จนกว่าจะมีร่าง พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ และตอนนี้ร่างกฎหมายนี้อยู่ในสภา หากนำมาบังคับใช้นั้นจะดี เพราะร่างกฎหมายนี้จะมีการส่งเสริมการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญและมีระเบียบปฏิบัติที่สมดุลย์กันระกว่างการใช้สิทธิและหน้าที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าการชุมนุมแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งเล้ว รัฐบาลน่าจะมีแนวปฏิบัติที่รัดกุมและดีกว่านี้ นายถวิลกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ หากถามว่าผิดกฎหมายหรือไม่นั้น มันผิดกฎหมาย แต่เมื่อถึงเวลาผู้ชุมนุมก็ปิดถนน แล้วจะให้เจ้าหน้าที่ไปรื้อหรือไล่จับนั้น มันก็มีปัญหา บ้านเมืองเรามันก็แบบนี้
ต่อข้อถามว่าจุดอ่อนคืออะไร นายถวิลกล่าวว่า เราไม่มีกฎหมายที่ปิดช่องว่างนี้ระหว่างกฎหมายปกติ คือ การกระทำผิด พ.ร.บ.จราจร, การรบกวนสิทธิหรือสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ผู้อื่น กฎหมายเหล่านี้จะบังคับใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีการกระทำผิดแล้ว เจ้าหน้าที่จึงจะดำเนินการได้ เช่น เมื่อมีการปิดถนนและสร้างความเดือดร้อนแล้วเป็นต้น แต่เมื่อเหตุมันเกิดแล้วก็ไม่มีประโยชน์ใด แต่กฎหมายเชิงป้องกันระงับยับยั้ง จะเป็นกฎหมายที่ให้สิทธิกับเจ้าหน้าที่มาก
ส่วนหากกลุ่มอื่นจะชุมนุมแบบนี้ รัฐบาลจะทำเช่นใด นายถวิลกล่าวว่า มันเป็นแบบนี้หลายครั้งแล้ววนเวียนแบบนี้ เมื่อถามว่าหากกลุ่มพันธมิตรฯจะมีการชุมนุมในช่วงสิ้นเดือนนี้จะทำเช่นใด นายถวิลกล่าวว่า คงจะต้องดำเนินการอะไรสักอย่าง
นายถวิลกล่าวอีกว่า ในการประชุม ครม.วันนี้จะเสนอขอต่ออายุ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.-19 มี.ค. ยกเว้น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ที่ยกเลิกไปแล้ว ส่วนการยกเลิกในพื้นที่ อ.สุคิริน และอ.เบตง จ.ยะลานั้น ตอนนี้ยังรอรายละเอียดอยู่ เพราะหลักการนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ย้ำแล้วว่า ต้องกลับไปสู่การใช้กฎหมายปกติให้มากที่สุด โดยต้องทยอยยกเลิกและประเมินสถานการณ์ความเหมาะสม
ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาความไม่สงบในภาคใต้เกิดขึ้นเจ็ดปีแล้วนั้น ได้ประเมินอุปสรรคบ้างหริอไม่เพราะสถานการณ์ไม่ดีขึ้นเลย นายถวิลกล่าวว่า แนวทางของรัฐบาลคือกลับไปใช้กฎหมายปกติ และการใช้กฎหมายพิเศษนั้นเจ้าหน้าที่สามารถไปดูแลสถานการณ์ และรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนได้ระดับหนึ่ง มีการนำคดีต่อผู้ก่อเหตุได้ แต่ผลกระทบคือดการร้องเรียนของประชาชน รัฐบาลจึงพยายามมกลับไปสู่การใช้กฎหมายปกติ และไม่ใช่กฎหมายที่กระทบสิทธิเสรีภาพประชาชน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ดำเนินการตามกฎหมาย
“ระยะสั้นอาจมีคนต่อต้านและไม่เห็นด้วนกับแนวทางนี้ ที่อาจมองเห็นไม่ชัด แต่ฝ่ายความมั่นคงและรัฐบาลมองว่าน่าจะเป็นแนวทางที่ถูกต้อง กลุ่มก่อความไม่สงบจะท้าทาย แต่ระยะยาวหากรัฐบาลมีแนวทางชัดเจนจะได้ใจและแนวร่วมจากประชาชนว่า ไม่ได้มุ่งหมายก่อให้เกิดผลกระทบกับผู้ที่บริสุทธิ์ ฉะนั้นการได้แนวร่วมกลับมา ผู้ที่ก่อเหตุนั้นจะเสียมวลชน ส่วนการก่อเหตุที่ยังรุนแรงขึ้นนั้น เรียนแล้วว่าอาจมีการลองของต่อต้าน จากฝ่ายไม่เห็นด้วย และตอนนี้น้ำร้อนกับน้ำเย็นกำลังเจอกันมันต้องดูกันยาวๆ”
