บอร์ดอีลิท อนุมัติ ลดพนักงานอีก 14 ตำแหน่ง ครั้งที่ 3 ในรอบ 1 ปี ที่หยุดดำเนินกิจการ คาดใช้เงิน 6 ล้านบาท จ่ายชดเชย แต่ระยะยาวประหยัดค่าใช้จ่ายเดือนละ 9 แสนบาท คุยปี 53 ผลประกอบการบริษัท กำไร กว่า 72 ล้านบาท จากการรีดไขมันปรับลดค่าใช้จ่ายองค์กร พร้อมมอบฝ่ายบัญชี เร่งศึกษาแนวทางการนำงเนดอลลาร์ออกมาแลกเป็นเงินบาทให้เสร็จภายใน 1 เดือน
นางสาวเมธาวี ตันวัฒนะพงษ์ รักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด หรือทีพีซี ผู้ดำเนินโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิทการ์ด เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะกรรมการ(บอร์ด) ทีพีซี มีมติ อนุมัติ ให้บริษัทลดอัตราพนักงานรวม 14 ตำแหน่ง โดยเปิดเป็นโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด(เออรี่รีไทน์) โดยจ่ายเงินชดเชยให้ตามอายุงานที่กฎหมายกำหนด คาดว่าจะใช้เงินทั้งสิ้นรวม 6 ล้านบาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.54
ทั้งนี้ บริษัท ได้เจรจากับพนักงานในเบื้องต้นแล้ว ก่อนที่จะเสนอเรื่องขออนุมัติต่อบอร์ด ซึ่งพนักงานก็ไม่มีปัญหาและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ซึ่งผู้ที่จะเข้าโครงการครั้งนี้ ส่วนมากเป็นระดับผู้อำนวยการฝ่าย และ พนักงานประจำ รวม 13 ตำแหน่ง และ มีพนักงานที่เป็นสัญญาจ้างอีก 1 ตำแหน่ง โดยคาดว่าจะทำให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนของเงินเดือนพนักงานได้ราว 9 แสนบาทต่อเดือน ภายหลังปรับลดบริษัทจะเหลือพนักงาน 92 คน จาก ขณะนี้ที่มีอยู่ 106 คน
“ครั้งนี้เป็นการปรับลดพนักงานครั้ง 3 ภายในรอบ 1 ปีเศษ ที่บริษัท ไม่สามารถดำเนินกิจการได้ และอยู่ระหว่างการพิจารณาเตรียมขายกิจการของบริษัท เหตุที่ต้องปรับลด เพราะต้องการลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมลงบ้าง การพิจารณาจะดูจากตำแหน่งที่เงินเดือนสูง และ เป็นตำแหน่งที่ไม่จำเป็น พร้อมกับปรับโครงสร้างอัตรากำลังคนในแต่ละฝ่าย ให้ลงตัวเพื่อให้การทำงานยังคงประสิทธิภาพเช่นเดิม”
นอกจากนั้นที่ประชุมบอร์ด ยังพิจารณาเห็นชอบ เบื้องต้นให้นำเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีอยู่ ออกมาขายเฉพาะเท่าที่จำเป็นในการใช้จ่ายเดือนมกราคมนี้คือราว 9.65 ล้านบาท และมอบหมายให้ฝ่ายบัญชีและการเงินของ ทีพีซี ไปศึกษาแนวทางการแลกเงินดอลลาร์สหรัฐที่เหลืออยู่ ใน 3-4 แนวทาง เพื่อมาเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้ง 21 ก.พ.54 โดยแนวทางที่ให้ไปศึกษา โดยให้ดูเหตุผลจากอัตราดอกเบี้ย ผลตอบแทน และ วงเงินที่จะนำออกมาแลก เพื่อให้บอร์ดได้พิจารณาแนวทางที่ ทีพีซี ได้ประโยชน์สูงสุด
อย่างไรก็ตาม ได้รายงานผลการดำเนินงาน ทีพีซี ประจำปี 2553 ต่อที่ประชุมบอร์ดได้รับทราบ โดยปี 2553 บริษัท มีผลประกอบการมีกำไรสุทธิทางบัญชี 72.68 ล้านบาท โดยมีค่าใช้จ่ายตลอดปีอยู่ที่ 136.31 ล้านบาท เป็นกำไรที่เพิ่มจากปี 2552 ที่มีผลประกอบการขาดทุนสุทธิทางบัญชี 10.1 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 221.16 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่า ผลกำไรของปี 2553เกิดจากการปรับลดค่าใช้จ่ายทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับ ช่วงที่บริษัทหยุดดำเนินกิจการ จึงไม่มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของบค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ ค่าการตลาด และ ค่าคอมมิชชั่นและยังเป็นสิ่งสะท้อนได้ดีให้แก่ผู้สนใจซื้อกิจการอีลิทการ์ทอีกว่า หากผู้ซื้อมีแนวทางบริหารจัดการที่ดี อีลิทการ์ดจะเป็นบริษัทที่มีอนาคตในการช่วยต่อยอดการทำธุรกิจอื่นๆ เพราะสมาชิกกว่า 2,500 ราย ถือเป็นสินทรัพย์คุณภาพ หากเข้ามาลงทุนและได้ลงทุนทำกิจการร่วมกัน
นางสาวเมธาวี ตันวัฒนะพงษ์ รักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด หรือทีพีซี ผู้ดำเนินโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิทการ์ด เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะกรรมการ(บอร์ด) ทีพีซี มีมติ อนุมัติ ให้บริษัทลดอัตราพนักงานรวม 14 ตำแหน่ง โดยเปิดเป็นโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด(เออรี่รีไทน์) โดยจ่ายเงินชดเชยให้ตามอายุงานที่กฎหมายกำหนด คาดว่าจะใช้เงินทั้งสิ้นรวม 6 ล้านบาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.54
ทั้งนี้ บริษัท ได้เจรจากับพนักงานในเบื้องต้นแล้ว ก่อนที่จะเสนอเรื่องขออนุมัติต่อบอร์ด ซึ่งพนักงานก็ไม่มีปัญหาและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ซึ่งผู้ที่จะเข้าโครงการครั้งนี้ ส่วนมากเป็นระดับผู้อำนวยการฝ่าย และ พนักงานประจำ รวม 13 ตำแหน่ง และ มีพนักงานที่เป็นสัญญาจ้างอีก 1 ตำแหน่ง โดยคาดว่าจะทำให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนของเงินเดือนพนักงานได้ราว 9 แสนบาทต่อเดือน ภายหลังปรับลดบริษัทจะเหลือพนักงาน 92 คน จาก ขณะนี้ที่มีอยู่ 106 คน
“ครั้งนี้เป็นการปรับลดพนักงานครั้ง 3 ภายในรอบ 1 ปีเศษ ที่บริษัท ไม่สามารถดำเนินกิจการได้ และอยู่ระหว่างการพิจารณาเตรียมขายกิจการของบริษัท เหตุที่ต้องปรับลด เพราะต้องการลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมลงบ้าง การพิจารณาจะดูจากตำแหน่งที่เงินเดือนสูง และ เป็นตำแหน่งที่ไม่จำเป็น พร้อมกับปรับโครงสร้างอัตรากำลังคนในแต่ละฝ่าย ให้ลงตัวเพื่อให้การทำงานยังคงประสิทธิภาพเช่นเดิม”
นอกจากนั้นที่ประชุมบอร์ด ยังพิจารณาเห็นชอบ เบื้องต้นให้นำเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีอยู่ ออกมาขายเฉพาะเท่าที่จำเป็นในการใช้จ่ายเดือนมกราคมนี้คือราว 9.65 ล้านบาท และมอบหมายให้ฝ่ายบัญชีและการเงินของ ทีพีซี ไปศึกษาแนวทางการแลกเงินดอลลาร์สหรัฐที่เหลืออยู่ ใน 3-4 แนวทาง เพื่อมาเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้ง 21 ก.พ.54 โดยแนวทางที่ให้ไปศึกษา โดยให้ดูเหตุผลจากอัตราดอกเบี้ย ผลตอบแทน และ วงเงินที่จะนำออกมาแลก เพื่อให้บอร์ดได้พิจารณาแนวทางที่ ทีพีซี ได้ประโยชน์สูงสุด
อย่างไรก็ตาม ได้รายงานผลการดำเนินงาน ทีพีซี ประจำปี 2553 ต่อที่ประชุมบอร์ดได้รับทราบ โดยปี 2553 บริษัท มีผลประกอบการมีกำไรสุทธิทางบัญชี 72.68 ล้านบาท โดยมีค่าใช้จ่ายตลอดปีอยู่ที่ 136.31 ล้านบาท เป็นกำไรที่เพิ่มจากปี 2552 ที่มีผลประกอบการขาดทุนสุทธิทางบัญชี 10.1 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 221.16 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่า ผลกำไรของปี 2553เกิดจากการปรับลดค่าใช้จ่ายทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับ ช่วงที่บริษัทหยุดดำเนินกิจการ จึงไม่มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของบค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ ค่าการตลาด และ ค่าคอมมิชชั่นและยังเป็นสิ่งสะท้อนได้ดีให้แก่ผู้สนใจซื้อกิจการอีลิทการ์ทอีกว่า หากผู้ซื้อมีแนวทางบริหารจัดการที่ดี อีลิทการ์ดจะเป็นบริษัทที่มีอนาคตในการช่วยต่อยอดการทำธุรกิจอื่นๆ เพราะสมาชิกกว่า 2,500 ราย ถือเป็นสินทรัพย์คุณภาพ หากเข้ามาลงทุนและได้ลงทุนทำกิจการร่วมกัน