อีลิทรีดไขมันอีกรอบ เตรียมจัดโครงการ”เออรี่” ลดพนักงานอีก 10% เน้นระดับผู้บริหาร แต่ครั้งนี้ขอจ่ายชดเชยแค่ตามกฏหมาย คาดกุมภาพันธ์รู้ผล ส่วนผลประชุมผู้ถือหุ้นไฟเขียว ทีพีซี ขายดอลลาร์แลกบาท นำเงินมาเลี้ยงองค์กรและสมาชิกบัตรเทวดาต่อไปจนกว่าจะขายกิจการได้ ขณะที่ทริสเพิ่มทางเลือก “ปิดกิจการ” ชดเชยค่าเสียหาย 2,400 ล้านบาท
น.ส.เมธาวี ตันวัฒนะพงษ์ รักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ จำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิท การ์ด เปิดเผยว่า ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการปรับโครงสร้างบริษัท เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายลงอีก จากปัจจุบัน เฉลี่ยอยู่ที่เดือนฃละ 10 ล้านบาท ทั้งนี้เพราะ ต้องการนำเงินที่มีอยู่อย่างจำกัด ใช้ให้เกิดคุณค่าสูงสุด โดยตัดลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป คาดจะจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.54
เบื้องต้น คาดว่าจะต้องปรับลดพนักงานลงอีกอย่างน้อย 10% จากพนักงานทั้งหมด 106 คน ด้วยการเปิด “เออรี่รีไทน์ “ เน้นพนักงานระดับผู้บริหาร ซึ่งมีเงินเดือนสูง แต่การเออรี่ ครั้งนี้ จะให้ค่าชดเชยตามกฏหมายเท่านั้น จะไม่มีพิเศษเพิ่มเติมเพื่อจูงใจ เพราะ บริษัทไม่มีเงินมากพอ
“เราต้องการปรับลดค่าใช้จ่ายอีกครั้ง เพื่อลดต้นทุนในระหว่างรอขายกิจการ เป็นการปรับลดในส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป เพราะตั้งแต่บริษัท ไม่สามารถทำธุรกรรมได้ งานในบางแผนกก็ลดน้อยลง บ แค่พนักงานระดับปฎิบัติการก็สามารถทำได้ ไม่ต้องเน้นที่การตัดสินใจ”
***อนุมัติเทขายดอลลาร์ลดเสี่ยง*****
น.ส.เมธาวี กล่าวอีกว่า ส่วนผลการประชุมผู้ถือหุ้น ล่าสุด เห็นชอบให้ ทีพีซี ทำเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีอยู่ ออกมาขายแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทได้ตามเห็นสมควร โดยจะให้ที่ บริษัท กรุงไทย ซึ่งเป้นที่ปรึกษาด้านการเงิน เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้บริษัทได้ประโยชน์สูงสุดจากการนำเงินดอลลาร์ออกมาแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ เบื้องต้น ประเมิน ณ เดือน พ.ย. 53 คาดว่า จากวงเงิน 4.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเปลี่ยนเป็นเงินบาทได้ราว 165 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายลงทุนของ ททท. ได้รายงานต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้ว่า มีผู้สนใจซื้อกิจการอีลิทการ์ด แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ แจ้งว่า หากจะซื้อ ต้องการให้รัฐบาล คงสิทธิ์เรื่องวีซ่าไว้ให้กับบริษัท เพราะเป้นจุดขายเดียวที่น่าสนใจ เพราะสมาชิกหลายรายที่ตัดสินใจสมัครเพราะต้องการสิทธิประโยชน์เรื่องนี้ และการอำนวยความสะดวกที่สนามบิน ไม่ใช่ประเด็นเรื่องของกอล์ฟและสปา ส่วนกรณีการปรับเปลี่ยนเวนเดอร์ ล่าสุด ทีพีซี ยังคงต้องต่อสัญญาเวนเดอร์ที่มีอยู่ตามเดิม เนื่องจาก ฝ่ายเวนเดอร์ไม่สามารถดำเนินการคัดเลือกเวนเดอร์ได้ทัน จึงเกรงว่าจะทำให้การบริการสมาชิกจะไม่ได้รับความสะดวก ซึ่งกรณีนี้ อาจต้องมีการพิจารณาปรับเปลี่ยนผู้รับผิดชอบเรื่องเวนเดอร์ด้วย เพราะ มีคำสั่งให้ดำเนินการนานแล้วแต่ยังล่าช้า
***ทริสแนะเพิ่มทางเลือก”เลิกกิจการ”***
ทางด้าน น.ส.เพ็ญสุดา ไพรอร่าม รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ(บอร์ด) ทีพีซี กล่าวว่า ในส่วนของการประชุมร่วมกับบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้ขอให้เพิ่มแนวทางการดำเนินงานของ ทีพีซี อีก 1 ทางเลือก คือ เลิกกิจการ และคืนเงินให้กับสมาชิก จากเดิมมี 2 ทางเลือก คือ 1.ให้เอกชนเข้ามาซื้อกิจการ ด้วยการประมูล 2.การโอนเข้าไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ททท. ดังนั้นทางบริษัท ต้องนำประเด็นนี้ไปเร่งศึกษา เพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จ พร้อมเสนอบอร์ดเดือน ก.พ.54 ทั้งนี้เพราะ ทริส ต้องการให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินงานของ ททท. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น ทีพีซีอยู่ 100% จะได้ส่งผลดีต่อ ททท.ในแง่การดำเนินงาน ซึ่งหากต้องยกเลิกกิจการ มูลค่าเงินที่จะใช้ชดเชยให้แก่สมาชิกเบื้องต้นคือ 2,400 ล้านบาท
สำหรับ มติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ทีพีซี ที่ให้นำเงินดอลลาร์ออกมาแลกเป็นเงินบาท ก็เพื่อนำมาใช้บริหารจัดการองค์กรและให้บริการสมาชิก 2,566 คน ส่วนทีพีซี จะนำเงินทั้งหมดออกมาแลก หรือแลกเพียงบางส่วน จะนำเข้าหารือที่ประชุมบอร์ดบริษัท อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การนำเงินดอลลาร์ออกมาแลกเป็นเงินบาท ถือเป็น 1 ใน 3 ทางเลือกที่ ทีพีซี ยื่นเสนอต่อผู้ถือหุ้น โดยอีก 2 ทาวเงลือกคือ ขอให้เรียกชำระหุ้น คือ ทุนจดทะเบียนที่ ททท.ค้างอยู่ 500 ล้านบาท และการขอยืมเงินทดรองจ่ายจาก ททท. เพื่อมาใช้จ่าย ซึ่งทั้งสองประเด็นดังกล่าว ต้อมีขั้นตอน และต้องยื่นเรื่องขอซึ่งใช้เวลา ดังนั้น การนำเงินดอลลาร์ที่มีอยู่ออกมาแลกจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีสุด
น.ส.เมธาวี ตันวัฒนะพงษ์ รักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ จำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิท การ์ด เปิดเผยว่า ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการปรับโครงสร้างบริษัท เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายลงอีก จากปัจจุบัน เฉลี่ยอยู่ที่เดือนฃละ 10 ล้านบาท ทั้งนี้เพราะ ต้องการนำเงินที่มีอยู่อย่างจำกัด ใช้ให้เกิดคุณค่าสูงสุด โดยตัดลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป คาดจะจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.54
เบื้องต้น คาดว่าจะต้องปรับลดพนักงานลงอีกอย่างน้อย 10% จากพนักงานทั้งหมด 106 คน ด้วยการเปิด “เออรี่รีไทน์ “ เน้นพนักงานระดับผู้บริหาร ซึ่งมีเงินเดือนสูง แต่การเออรี่ ครั้งนี้ จะให้ค่าชดเชยตามกฏหมายเท่านั้น จะไม่มีพิเศษเพิ่มเติมเพื่อจูงใจ เพราะ บริษัทไม่มีเงินมากพอ
“เราต้องการปรับลดค่าใช้จ่ายอีกครั้ง เพื่อลดต้นทุนในระหว่างรอขายกิจการ เป็นการปรับลดในส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป เพราะตั้งแต่บริษัท ไม่สามารถทำธุรกรรมได้ งานในบางแผนกก็ลดน้อยลง บ แค่พนักงานระดับปฎิบัติการก็สามารถทำได้ ไม่ต้องเน้นที่การตัดสินใจ”
***อนุมัติเทขายดอลลาร์ลดเสี่ยง*****
น.ส.เมธาวี กล่าวอีกว่า ส่วนผลการประชุมผู้ถือหุ้น ล่าสุด เห็นชอบให้ ทีพีซี ทำเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีอยู่ ออกมาขายแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทได้ตามเห็นสมควร โดยจะให้ที่ บริษัท กรุงไทย ซึ่งเป้นที่ปรึกษาด้านการเงิน เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้บริษัทได้ประโยชน์สูงสุดจากการนำเงินดอลลาร์ออกมาแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ เบื้องต้น ประเมิน ณ เดือน พ.ย. 53 คาดว่า จากวงเงิน 4.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเปลี่ยนเป็นเงินบาทได้ราว 165 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายลงทุนของ ททท. ได้รายงานต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้ว่า มีผู้สนใจซื้อกิจการอีลิทการ์ด แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ แจ้งว่า หากจะซื้อ ต้องการให้รัฐบาล คงสิทธิ์เรื่องวีซ่าไว้ให้กับบริษัท เพราะเป้นจุดขายเดียวที่น่าสนใจ เพราะสมาชิกหลายรายที่ตัดสินใจสมัครเพราะต้องการสิทธิประโยชน์เรื่องนี้ และการอำนวยความสะดวกที่สนามบิน ไม่ใช่ประเด็นเรื่องของกอล์ฟและสปา ส่วนกรณีการปรับเปลี่ยนเวนเดอร์ ล่าสุด ทีพีซี ยังคงต้องต่อสัญญาเวนเดอร์ที่มีอยู่ตามเดิม เนื่องจาก ฝ่ายเวนเดอร์ไม่สามารถดำเนินการคัดเลือกเวนเดอร์ได้ทัน จึงเกรงว่าจะทำให้การบริการสมาชิกจะไม่ได้รับความสะดวก ซึ่งกรณีนี้ อาจต้องมีการพิจารณาปรับเปลี่ยนผู้รับผิดชอบเรื่องเวนเดอร์ด้วย เพราะ มีคำสั่งให้ดำเนินการนานแล้วแต่ยังล่าช้า
***ทริสแนะเพิ่มทางเลือก”เลิกกิจการ”***
ทางด้าน น.ส.เพ็ญสุดา ไพรอร่าม รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ(บอร์ด) ทีพีซี กล่าวว่า ในส่วนของการประชุมร่วมกับบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้ขอให้เพิ่มแนวทางการดำเนินงานของ ทีพีซี อีก 1 ทางเลือก คือ เลิกกิจการ และคืนเงินให้กับสมาชิก จากเดิมมี 2 ทางเลือก คือ 1.ให้เอกชนเข้ามาซื้อกิจการ ด้วยการประมูล 2.การโอนเข้าไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ททท. ดังนั้นทางบริษัท ต้องนำประเด็นนี้ไปเร่งศึกษา เพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จ พร้อมเสนอบอร์ดเดือน ก.พ.54 ทั้งนี้เพราะ ทริส ต้องการให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินงานของ ททท. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น ทีพีซีอยู่ 100% จะได้ส่งผลดีต่อ ททท.ในแง่การดำเนินงาน ซึ่งหากต้องยกเลิกกิจการ มูลค่าเงินที่จะใช้ชดเชยให้แก่สมาชิกเบื้องต้นคือ 2,400 ล้านบาท
สำหรับ มติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ทีพีซี ที่ให้นำเงินดอลลาร์ออกมาแลกเป็นเงินบาท ก็เพื่อนำมาใช้บริหารจัดการองค์กรและให้บริการสมาชิก 2,566 คน ส่วนทีพีซี จะนำเงินทั้งหมดออกมาแลก หรือแลกเพียงบางส่วน จะนำเข้าหารือที่ประชุมบอร์ดบริษัท อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การนำเงินดอลลาร์ออกมาแลกเป็นเงินบาท ถือเป็น 1 ใน 3 ทางเลือกที่ ทีพีซี ยื่นเสนอต่อผู้ถือหุ้น โดยอีก 2 ทาวเงลือกคือ ขอให้เรียกชำระหุ้น คือ ทุนจดทะเบียนที่ ททท.ค้างอยู่ 500 ล้านบาท และการขอยืมเงินทดรองจ่ายจาก ททท. เพื่อมาใช้จ่าย ซึ่งทั้งสองประเด็นดังกล่าว ต้อมีขั้นตอน และต้องยื่นเรื่องขอซึ่งใช้เวลา ดังนั้น การนำเงินดอลลาร์ที่มีอยู่ออกมาแลกจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีสุด