xs
xsm
sm
md
lg

เถ้าแก่เซรามิกค้านปรับราคา LPG ชี้ทำเจ๊ง -เลิกจ้างระนาวแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้ประกอบการธุรกิจเซรามิก จ.ลำปาง ออกมาคัดค้านกรณีรัฐจะมีการลอยตัวก๊าซแอลพีจี
ลำปาง - ผู้ประกอบการเซรามิกลำปางรวมตัวต่อต้านนโยบายของขวัญรัฐบาล เรื่องลอยตัวก๊าซแอลพีจี ระบุหากรัฐไม่ช่วยต้องมีโรงงานเซรามิกในลำปางปิดตัว-เลิกจ้างพนักงานอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่รัฐมีนโยบายที่จะลอยตัวราคาก๊าซแอลพีจี (LPG)ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการเซรามิกกว่า 100 คน ในจ.ลำปาง ได้รวมตัวกันที่บริเวณหน้าโรงแรมเอเชียลำปาง ถนนบุญวาทย์ อ.เมือง จ.ลำปาง พร้อมป้ายที่มีข้อความไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลที่จะปรับราคาก๊าซแอลพีจี พร้อมทั้งวอนให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนนโยบายในเรื่องนี้ใหม่ และให้เข้ามาช่วยเหลือด่วน

กลุ่มผู้ประกอบการระบุว่า หากปรับราคา ก๊าซแอลพีจี ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ทั้งการผลิต การส่งออกเซรามิก ที่จ.ลำปางมีมูลค่าจำหน่ายกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากก๊าซแอลพีจีเป็นต้นทุนหลักในการผลิตเซรามิก ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ อุตสาหกรรมต่างๆ ที่ใช้ก๊าซเป็นต้นทุนหลัก จะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นจนไม่สามารถที่จะดำเนินการต่อไปได้

หลังจากที่มีการรวมตัวและเรียกร้องแล้วกลุ่มผู้ประกอบการทั้งหมดได้จัดเวทีเสวนาเรื่อง ปัญหาผลกระทบของนโยบายประชาวิวัฒน์ที่มีต่ออุตสาหกรรมเซรามิกลำปาง ซึ่งทั้งหมดไม่เห็นด้วยในการปรับราคาก๊าซแอลพีจี ในภาคอุตสาหกรรม และจะแสดงจุดยืนในการคัดค้านนโยบายนี้ พร้อมทั้งเรียกร้องไปยังรัฐบาลคิดให้รอบคอบ และปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่ และประกาศจะเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องต่อไป

นายธนโชติ วนาวัฒน์ นายกสมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง และนายอธิภูมิ กำธรวรรินทร์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง และนายอนุรักษ์ นภาวรรณ ที่ปรึกษาสมาคมฯได้ชี้ถึงปัญหาที่จะตามมาหลังรัฐบาลได้ประกาศนโยบายประชาวิวัฒน์เลิกอุ้มราคาก๊าซแอลพีจี ในภาคอุตสาหกรรมว่า จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมเซรามิก เพราะในแต่ละปีโรงงานในพื้นที่จ.ลำปางใช้ก๊าซแอลพีจี กว่า 40,000 ตันต่อปี หากมีการปรับราคาขึ้นจะทำให้ต้นทุนการผลิตเซรามิกสูงขึ้นอีกปีละกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งผู้ประกอบการเซรามิกรับไม่ไหวและต้องขาดทุนในทันที

ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลสนใจให้ความช่วยเหลือด้วย โดยการให้ภาคอุตสาหกรรมเซรามิกใช้ก๊าซแอลพีจี ในราคาเดิม หรือหากมีการขยับราคาขึ้นก็ขอให้ขึ้นเป็นขั้นบันได ไม่ขึ้นในทีเดียวครั้งละมากๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัวได้ทัน ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการก็มีการปรับตัวมาโดยตลอด แต่เนื่องจากประสบปัญหาที่รุมเร้ามากมายที่กระทบต่ออุตสาหกรรมเซรามิก ไม่ว่าจะเป็นค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือว่าสร้างผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมเซรามิกลำปาง เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ได้ส่งไปขายยังต่างประเทศ สร้างรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 3,000 ล้านบาท และหากต้นทุนหลักด้านพลังงานขยับสูงขึ้น โดยที่รัฐบาลจะไม่อุ้มราคาก๊าซแอลพีจี ในภาคอุตสาหกรรมแล้วก็จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซรามิกอีกเช่นกัน

ตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่ผ่านมา ราคาก๊าซแอลพีจี ได้มีการปรับราคาขึ้นกว่า 100% ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการเซรามิกได้มีการปรับตัวมาโดยตลอด เพื่อเป็นการรองรับราคาก๊าซที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางรายได้พยายามหาวิธีการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร เพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน รวมถึงลดต้นทุนด้านอื่นๆ เพื่อให้อุตสาหกรรมเซรามิกอยู่ได้ต่อไป อย่างไรก็ตามจนถึงปัจจุบันนี้ ถือว่าผู้ประกอบการเซรามิกในจังหวัดลำปาง ได้ใช้ทุกวิถีทาง เพื่อที่จะลดต้นทุนการผลิตเซรามิกแล้ว และเมื่อจะมีการปรับราคาก๊าซแอลพีจีขึ้นอีก จึงอยากที่จะให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้อุตสาหกรรมเซรามิกคงอยู่ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันนี้ได้ ซึ่งทางผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเซรามิกในจังหวัดลำปางจะติดตามความเคลื่อนไหวรัฐบาล หากยังนิ่งเฉยก็คงจะมีการรวมตัวเพื่อไปเรียกร้องยังส่วนกลาง เพื่อให้เกิดความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

นายธนโชติ เปิดเผยด้วยว่า ลำปางมีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเซรามิกกว่า 260 โรง นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมอื่นอีกจำนวนมากที่ใช้ก๊าซเป็นต้นทุนหลัก ต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยเฉพาะจะเกิดปัญหาอื่นตามมาอีก เช่น การปิดกิจการที่คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 30% ปัญหาการเลิกจ้างพนักงานคาดว่าจะมีกว่า 6 พันคน จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนนโยบายดังกล่าวและมาช่วยเหลือโดยด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดเสวนาในครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกที่กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรมเซรามิกภาคเอกชน คือ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง สมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง โดยการชี้ให้เห็นถึงผลกระทบกรณีการกำหนดนโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาลที่เป็นนโยบายเพื่อหวังผลทางการเมืองในการเลือกตั้งโดยไม่คำนึงถึงหรือไม่มีข้อมูลที่แท้จริงในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ทำรายได้เข้าประเทศปีละหลายพันล้านทั่วประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น