ยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่องสำหรับการ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่หยิบยกมาแก้เมื่อไหร่ก็เป็นปัญหาเมื่อนั้น
หลังจากถกเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียดมาแล้วยกหนึ่งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะแก้ไม่แก้ ในที่สุดพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจยอมแก้ตามข้อเสนอพรรคร่วม
วันนี้ ล่วงเลยเข้าสู่รายละเอียด ในประเด็นที่บรรดานักการเมือง มุ่งหมายที่จะแก้ คือระบบเขตเลือกตั้ง ที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียว พ่วงกับส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ แต่ก็เกิดอาการขบเหลี่ยมปีนเกลียวกันอีกยก
พรรค ประชาธิปัตย์ยืนกรานยึดแบบฉบับของคณะกรรมการศึกษาและปฏิรูปทางการเมือง ที่มีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน ที่ให้ใช้สูตรส.ส.เขต 375 บัญชีรายชื่อ 125 ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลประสานเสียงใช้แบบ 400 เขต ปาร์ตี้ลิสต์ 100
“ใน พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้มีอะไรที่จะมาเปลี่ยนแปลง ในขณะนี้ยังยึดตามข้อเสนอของคณะกรรมการศึกษาและปฏิรูปทางการเมือง ที่มีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน แต่ว่าในวันข้างหน้าจะคิดอ่านกันอย่างไรก็ว่าไปตามเหตุการณ์ ไม่น่าแปลกใจกับท่าทีของพรรคร่วม ซึ่งไม่ได้หมายความจะต้องทำตามพรรคประชาธิปัตย์ทุกอย่าง ก็จะมาดูว่าเมื่อไรที่สมควรมาปรึกษาหารือกัน”สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แจงจุดยืนแบบไว้ไมตรี
“หากมติของรัฐสภาให้มีการแก้ไขในเขตเลือกตั้งสูตร 375 บวก 125 เชื่อว่าจะใช้เวลาแก้กฎหมายลูก 2-3 เดือน ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่หากมีการแก้ไขในระบบเขตเลือกตั้งสูตร 400 บวก 100 หรือร่างไม่ผ่านสภา ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทันที”เทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกลูกกร่าง พูดเชิงข่มขู่เอามัน
“จำนวนผู้แทนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2540 ให้มีส.ส.เขต 400 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน เป็นเรื่องที่ได้ไตร่ตรองมาอย่างดี ละเอียดถี่ถ้วนแล้ว มีการทำประชาพิจารณ์จากประชาชน และมีการเลือกตั้งมาหลายครั้งแล้ว คนก็ชิน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะรู้ว่าใครอยู่เขตไหน พื้นที่ไหน รู้จักกันหมด ถ้าลดพื้นที่ลง โดยมีเหตุผลบางอย่าง หรือเพราะผู้แทนระบบเขตไม่มาประชุมแล้ว แก้ไขให้มีส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อมากขึ้น ก็อยากให้ไปดูว่าในการประชุมสภาฯ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อหายไปตั้งครึ่ง เรื่องนี้จึงไม่ใช่เหตุผล อะไรที่ทำมาแล้วไม่เสียหาย เกิดประโยชน์กว่าก็ไม่ควรเปลี่ยน การลดส.ส.ระบบเขตแล้วไปเพิ่มส.ส.สัดส่วนคงไม่ถูกต้อง พรรคร่วมคุยกันแล้วก็เห็นตรงกัน”บรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาประกาศลั่น
ทำ ท่าว่าจะเป็นประเด็นถกเถียงกันอีกยกใหญ่ แต่ถึงอย่างไรพรรคประชาธิปัตย์ที่ถือหางสูตร 375+125 ดูแล้วยังมีแต้มต่อมากกว่า ถ้าไปตกลงกันหลังฉากดีๆสุดท้ายอาจกลายเป็นแค่ฉากผัวเมียทะเลาะกัน
ลำพัง พรรคร่วมรัฐบาลเช็กจำนวนแล้วมีแค่ราว 100 เสียง ก็แอบลุ้นพรรคเพื่อไทยว่าจะหันมาสนับสนุนระบบ 400+100 หลังจากมีส.ส.บางส่วน ออกมาโวยวายพร้อมสนับสนุน อ้างว่าแบบนี้ดีนักแล เหมือนกับที่เคยใช้ในรัฐธรรมนูญ 2540
ทว่า แรกเริ่มเดิมทีพรรคเพื่อไทยยักไหล่หันหลังไม่ร่วมสังฆกรรมกับรัฐธรรมนูญฉบับ นี้ ประกาศย้ำจนซีดีตกร่อง แผ่นสะดุดแล้วสะดุดอีก ลั่นวาจาเอาหล่อเป็นพระเอกไม่ขอร่วมแก้รัฐธรรมนูญฉบับหน้าแหลมฟันดำ คลอดมาจากอุ้งมือเผด็จการ
แต่วันนี้ส.ส.บางคน กลับออกอาการ “เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง” เสีย แล้ว อย่างไรก็ตามบางทีบางครั้งก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของผู้แทนเหมือนกัน ระบบไหนที่ตัวเองมีเปรียบเลือกตั้ง ก็ต้องสนับสนุนแบบนั้นไว้ก่อน เป้าหมายลำดับต้นๆของนักการเมือง ก็คือการเป็นส.ส.!!
ถ้า หากสุดท้ายแล้วพรรคเพื่อไทยมีมติให้ส.ส.ไปโหวตเอาด้วยกับระบบส.ส. 400+100 หรือแม้แต่ปล่อยให้ฟรีโหวต มันคงดูตลกพิลึก มติกลับไปกลับมา จุดยืนไม่มี กลายเป็นพวกไม้หลักปักขี้เลน
แต่ในยามที่พรรคไร้หัวมีแต่หางจุกตูดแบบนี้ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้..
ถ้าส.ส.ลองโวยวายกันมากๆเข้า กระจองอแงกันสักครึ่งหนึ่งก็คงไม่มีใครห้ามปรามได้ ตอนนี้อะไรยอมได้ก็ยอมกันไป พรรคไม่แตกก็บุญโขแล้ว
และ ถ้าหากลองคิดถึงแง่พื้นที่เลือกตั้งแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นเหลือเขตเพียง 375 คงวุ่นวายน่าดู แม้ตัวเลขจะดูลดลงไปไม่มาก แต่ลองเจาะลึกลงดูเป็นรายพื้นที่แล้วจะเห็นว่ามันละเอียดอ่อน ลำพังแค่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งส.ส.ต้องหายไปคน 2 คน ก็ยุ่งตายชักแล้ว ไอ้ผู้สมัครที่เตรียมตัวเตรียมใจกันไว้เสร็จสรรพจะทำอย่างไร
พรรค ร่วมกับพรรคเพื่อไทยคงคิดถึงจุดนี้เหมือนกัน ระบบบริหาร ระบบการจัดการต้องรวนเรไปไม่มากก็น้อย ดีไม่ดีขึ้นขั้นทะเลาะกันวุ่นวาย เป็นเรื่องเป็นราวปวดหัวขึ้นมาอีก เพราะที่ผ่านมาระบบเขตมี 400 มาตลอด แม้กระทั่งปัจจุบัน
ในส่วนของบัญชีรายชื่อ เพิ่มขึ้นมาก็เท่ากับยัดนายทุนเข้ามา ก็เท่านั้น ไม่มีผลบวกกับพวกนักเลือกตั้งทุนน้อย หน้าตักบางสักเท่าไหร่
สำหรับส.ว.ที่จะร่วมโหวตในการแก้รัฐธรรมนูญ ถือว่าไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับระบบเขตเลือกตั้ง จะออกหัวออกก้อยไม่มีผล จะมีก็เพียงส.ว.ส่วนหนึ่งที่มีความคิดอ่านเป็นของตัวเอง มองลงลึกถึงผลประโยชน์ และผลดีผลเสียที่ประเทศไทยจะได้รับ แล้วตัดสินใจโหวตไปตามความรู้สึก
ในขณะที่บางส่วนมีความอ่อนไหวต่อเสียงส่วนใหญ่ และบางส่วนอ่อนไหวต่อเกมล็อบบี้ ในขณะที่ส.ว.สรรหากำลังจะหมดวาระลงช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้
ฉะนั้น เกมนี้ดูแล้วยังคงจบไม่ง่ายๆ ภาพความเคลื่อนไหวเดินเกมต่อรอง กระแสข่าวหลังฉาก ล็อบบี้ชักจูง คงกลายเป็นข่าวให้เห็นอีกพักใหญ่ๆ สุดท้ายตัวแปรที่แท้จริงน่าจะอยู่ที่พรรคร่วมรัฐบาล ถ้าจุดยืนชัดเจนแน่วแน่ไปในทางเดียวเอา 400+100 พรรคประชาธิปัตย์ก็จนแต้ม ถ้าไม่แน่จริงก็เสร็จประชาธิปัตย์
มันก็ขึ้นอยู่กับว่าประชาธิปัตย์จะเดินเกมอย่างไร!!
หลังจากถกเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียดมาแล้วยกหนึ่งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะแก้ไม่แก้ ในที่สุดพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจยอมแก้ตามข้อเสนอพรรคร่วม
วันนี้ ล่วงเลยเข้าสู่รายละเอียด ในประเด็นที่บรรดานักการเมือง มุ่งหมายที่จะแก้ คือระบบเขตเลือกตั้ง ที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียว พ่วงกับส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ แต่ก็เกิดอาการขบเหลี่ยมปีนเกลียวกันอีกยก
พรรค ประชาธิปัตย์ยืนกรานยึดแบบฉบับของคณะกรรมการศึกษาและปฏิรูปทางการเมือง ที่มีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน ที่ให้ใช้สูตรส.ส.เขต 375 บัญชีรายชื่อ 125 ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลประสานเสียงใช้แบบ 400 เขต ปาร์ตี้ลิสต์ 100
“ใน พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้มีอะไรที่จะมาเปลี่ยนแปลง ในขณะนี้ยังยึดตามข้อเสนอของคณะกรรมการศึกษาและปฏิรูปทางการเมือง ที่มีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน แต่ว่าในวันข้างหน้าจะคิดอ่านกันอย่างไรก็ว่าไปตามเหตุการณ์ ไม่น่าแปลกใจกับท่าทีของพรรคร่วม ซึ่งไม่ได้หมายความจะต้องทำตามพรรคประชาธิปัตย์ทุกอย่าง ก็จะมาดูว่าเมื่อไรที่สมควรมาปรึกษาหารือกัน”สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แจงจุดยืนแบบไว้ไมตรี
“หากมติของรัฐสภาให้มีการแก้ไขในเขตเลือกตั้งสูตร 375 บวก 125 เชื่อว่าจะใช้เวลาแก้กฎหมายลูก 2-3 เดือน ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่หากมีการแก้ไขในระบบเขตเลือกตั้งสูตร 400 บวก 100 หรือร่างไม่ผ่านสภา ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทันที”เทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกลูกกร่าง พูดเชิงข่มขู่เอามัน
“จำนวนผู้แทนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2540 ให้มีส.ส.เขต 400 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน เป็นเรื่องที่ได้ไตร่ตรองมาอย่างดี ละเอียดถี่ถ้วนแล้ว มีการทำประชาพิจารณ์จากประชาชน และมีการเลือกตั้งมาหลายครั้งแล้ว คนก็ชิน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะรู้ว่าใครอยู่เขตไหน พื้นที่ไหน รู้จักกันหมด ถ้าลดพื้นที่ลง โดยมีเหตุผลบางอย่าง หรือเพราะผู้แทนระบบเขตไม่มาประชุมแล้ว แก้ไขให้มีส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อมากขึ้น ก็อยากให้ไปดูว่าในการประชุมสภาฯ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อหายไปตั้งครึ่ง เรื่องนี้จึงไม่ใช่เหตุผล อะไรที่ทำมาแล้วไม่เสียหาย เกิดประโยชน์กว่าก็ไม่ควรเปลี่ยน การลดส.ส.ระบบเขตแล้วไปเพิ่มส.ส.สัดส่วนคงไม่ถูกต้อง พรรคร่วมคุยกันแล้วก็เห็นตรงกัน”บรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาประกาศลั่น
ทำ ท่าว่าจะเป็นประเด็นถกเถียงกันอีกยกใหญ่ แต่ถึงอย่างไรพรรคประชาธิปัตย์ที่ถือหางสูตร 375+125 ดูแล้วยังมีแต้มต่อมากกว่า ถ้าไปตกลงกันหลังฉากดีๆสุดท้ายอาจกลายเป็นแค่ฉากผัวเมียทะเลาะกัน
ลำพัง พรรคร่วมรัฐบาลเช็กจำนวนแล้วมีแค่ราว 100 เสียง ก็แอบลุ้นพรรคเพื่อไทยว่าจะหันมาสนับสนุนระบบ 400+100 หลังจากมีส.ส.บางส่วน ออกมาโวยวายพร้อมสนับสนุน อ้างว่าแบบนี้ดีนักแล เหมือนกับที่เคยใช้ในรัฐธรรมนูญ 2540
ทว่า แรกเริ่มเดิมทีพรรคเพื่อไทยยักไหล่หันหลังไม่ร่วมสังฆกรรมกับรัฐธรรมนูญฉบับ นี้ ประกาศย้ำจนซีดีตกร่อง แผ่นสะดุดแล้วสะดุดอีก ลั่นวาจาเอาหล่อเป็นพระเอกไม่ขอร่วมแก้รัฐธรรมนูญฉบับหน้าแหลมฟันดำ คลอดมาจากอุ้งมือเผด็จการ
แต่วันนี้ส.ส.บางคน กลับออกอาการ “เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง” เสีย แล้ว อย่างไรก็ตามบางทีบางครั้งก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของผู้แทนเหมือนกัน ระบบไหนที่ตัวเองมีเปรียบเลือกตั้ง ก็ต้องสนับสนุนแบบนั้นไว้ก่อน เป้าหมายลำดับต้นๆของนักการเมือง ก็คือการเป็นส.ส.!!
ถ้า หากสุดท้ายแล้วพรรคเพื่อไทยมีมติให้ส.ส.ไปโหวตเอาด้วยกับระบบส.ส. 400+100 หรือแม้แต่ปล่อยให้ฟรีโหวต มันคงดูตลกพิลึก มติกลับไปกลับมา จุดยืนไม่มี กลายเป็นพวกไม้หลักปักขี้เลน
แต่ในยามที่พรรคไร้หัวมีแต่หางจุกตูดแบบนี้ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้..
ถ้าส.ส.ลองโวยวายกันมากๆเข้า กระจองอแงกันสักครึ่งหนึ่งก็คงไม่มีใครห้ามปรามได้ ตอนนี้อะไรยอมได้ก็ยอมกันไป พรรคไม่แตกก็บุญโขแล้ว
และ ถ้าหากลองคิดถึงแง่พื้นที่เลือกตั้งแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นเหลือเขตเพียง 375 คงวุ่นวายน่าดู แม้ตัวเลขจะดูลดลงไปไม่มาก แต่ลองเจาะลึกลงดูเป็นรายพื้นที่แล้วจะเห็นว่ามันละเอียดอ่อน ลำพังแค่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งส.ส.ต้องหายไปคน 2 คน ก็ยุ่งตายชักแล้ว ไอ้ผู้สมัครที่เตรียมตัวเตรียมใจกันไว้เสร็จสรรพจะทำอย่างไร
พรรค ร่วมกับพรรคเพื่อไทยคงคิดถึงจุดนี้เหมือนกัน ระบบบริหาร ระบบการจัดการต้องรวนเรไปไม่มากก็น้อย ดีไม่ดีขึ้นขั้นทะเลาะกันวุ่นวาย เป็นเรื่องเป็นราวปวดหัวขึ้นมาอีก เพราะที่ผ่านมาระบบเขตมี 400 มาตลอด แม้กระทั่งปัจจุบัน
ในส่วนของบัญชีรายชื่อ เพิ่มขึ้นมาก็เท่ากับยัดนายทุนเข้ามา ก็เท่านั้น ไม่มีผลบวกกับพวกนักเลือกตั้งทุนน้อย หน้าตักบางสักเท่าไหร่
สำหรับส.ว.ที่จะร่วมโหวตในการแก้รัฐธรรมนูญ ถือว่าไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับระบบเขตเลือกตั้ง จะออกหัวออกก้อยไม่มีผล จะมีก็เพียงส.ว.ส่วนหนึ่งที่มีความคิดอ่านเป็นของตัวเอง มองลงลึกถึงผลประโยชน์ และผลดีผลเสียที่ประเทศไทยจะได้รับ แล้วตัดสินใจโหวตไปตามความรู้สึก
ในขณะที่บางส่วนมีความอ่อนไหวต่อเสียงส่วนใหญ่ และบางส่วนอ่อนไหวต่อเกมล็อบบี้ ในขณะที่ส.ว.สรรหากำลังจะหมดวาระลงช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้
ฉะนั้น เกมนี้ดูแล้วยังคงจบไม่ง่ายๆ ภาพความเคลื่อนไหวเดินเกมต่อรอง กระแสข่าวหลังฉาก ล็อบบี้ชักจูง คงกลายเป็นข่าวให้เห็นอีกพักใหญ่ๆ สุดท้ายตัวแปรที่แท้จริงน่าจะอยู่ที่พรรคร่วมรัฐบาล ถ้าจุดยืนชัดเจนแน่วแน่ไปในทางเดียวเอา 400+100 พรรคประชาธิปัตย์ก็จนแต้ม ถ้าไม่แน่จริงก็เสร็จประชาธิปัตย์
มันก็ขึ้นอยู่กับว่าประชาธิปัตย์จะเดินเกมอย่างไร!!