ASTVผู้จัดการรายวัน - ธปท.สั่งปรับโครงสร้างภายใน โยกสำนักนโยบายและกำกับระบบการเงินมาอยู่ภายใต้ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน เพิ่มอำนาจต่อรองกดดันแบงก์ลดค่าฟี คาดเห็นโครงสร้างใหม่เดือนก.พ.นี้
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธปท.มีแนวคิดจะปรับปรุงการดูแลสถาบันการเงิน โดยเฉพาะการดูแลค่าธรรมเนียมการให้บริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมต่อประชาชนมากขึ้น โดยเตรียมจะย้ายสำนักนโยบายและกำกับระบบการเงินที่อยู่ภายใต้ฝ่ายระบบการชำระเงิน มาอยู่ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงินแทน โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการโอนย้ายหน่วยงานดังกล่าวได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมการให้บริการทางการเงินในช่วงปี 53 ที่ผ่านมาของฝ่ายระบบชำระเงินอาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร เนื่องจากฝ่ายระบบชำระเงินไม่มีอำนาจในการให้คุณหรือโทษ หรือการลดหย่อนเกณฑ์การควบคุมสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าธรรมเนียมการให้บริการข้ามเขตมีความล่าช้า รวมทั้งธนาคารพาณิชย์มีเงื่อนไขต่อรองในการปรับลดค่าธรรมเนียมบางประเภทลง เช่น อาจจะขอทำธุรกรรมทางการเงินอื่นมากขึ้น หรือขอเก็บค่าธรรมเนียมการรับฝากและถอนเงินทดแทนรายได้ที่เสียไป เป็นต้น
ผู้บริหารระดับสูงของธปท. กล่าวว่า คณะกรรมการธปท.(กกธ.) อนุมัติให้มีการย้ายสำนักนโยบาย และกำกับระบบการชำระเงินมาสังกัดด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน เพราะเห็นว่าเรื่องค่าธรรมเนียมเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกำกับและฐานะของสถาบันการเงินโดยตรง เพราะเกี่ยวเนื่องกับรายได้ของธนาคารพาณิชย์ และสายงานใหม่นี้มีหน้าที่โดยตรงที่จะดูแลทุกส่วนของธนาคารพาณิชย์
นอกจากนี้ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ยังมีอำนาจในการเจรจาต่อรองเรื่องค่าธรรมเนียมกับธนาคารพาณิชย์มากกว่าสายเดิม เพราะมีอำนาจที่จะตั้งกฎเกณฑ์ใหม่ในการกำกับดูแล หรือลดหย่อนเกณฑ์บางอย่าง ในลักษณะการให้คุณให้โทษ หรือเจรจาเพื่อแลกเปลี่ยน เช่น หากมีการลดค่าธรรมเนียมบางประเภทลง แบงก์อาจจะสามารถทำอะไรได้เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป ซึ่งจะทำให้การดำเนินการปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมในช่วงต่อไป หารือกันได้ข้อสรุปรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยขณะนี้ ธปท.ยังอยู่ระหว่างการหารือ และทำงานร่วมกันกับธนาคารพาณิชย์ ในส่วนของค่าธรรมเนียมระบบเช็ค หลังจากที่ได้มีการเจรจาในเรื่องค่าธรรมเนียมการให้บริการการโอนเงิน และค่าธรรมเนียมการให้บริการเอทีเอ็มข้ามเขตเสร็จสิ้นไปแล้วในช่วงปีที่ผ่านมา
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธปท.มีแนวคิดจะปรับปรุงการดูแลสถาบันการเงิน โดยเฉพาะการดูแลค่าธรรมเนียมการให้บริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมต่อประชาชนมากขึ้น โดยเตรียมจะย้ายสำนักนโยบายและกำกับระบบการเงินที่อยู่ภายใต้ฝ่ายระบบการชำระเงิน มาอยู่ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงินแทน โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการโอนย้ายหน่วยงานดังกล่าวได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมการให้บริการทางการเงินในช่วงปี 53 ที่ผ่านมาของฝ่ายระบบชำระเงินอาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร เนื่องจากฝ่ายระบบชำระเงินไม่มีอำนาจในการให้คุณหรือโทษ หรือการลดหย่อนเกณฑ์การควบคุมสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าธรรมเนียมการให้บริการข้ามเขตมีความล่าช้า รวมทั้งธนาคารพาณิชย์มีเงื่อนไขต่อรองในการปรับลดค่าธรรมเนียมบางประเภทลง เช่น อาจจะขอทำธุรกรรมทางการเงินอื่นมากขึ้น หรือขอเก็บค่าธรรมเนียมการรับฝากและถอนเงินทดแทนรายได้ที่เสียไป เป็นต้น
ผู้บริหารระดับสูงของธปท. กล่าวว่า คณะกรรมการธปท.(กกธ.) อนุมัติให้มีการย้ายสำนักนโยบาย และกำกับระบบการชำระเงินมาสังกัดด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน เพราะเห็นว่าเรื่องค่าธรรมเนียมเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกำกับและฐานะของสถาบันการเงินโดยตรง เพราะเกี่ยวเนื่องกับรายได้ของธนาคารพาณิชย์ และสายงานใหม่นี้มีหน้าที่โดยตรงที่จะดูแลทุกส่วนของธนาคารพาณิชย์
นอกจากนี้ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ยังมีอำนาจในการเจรจาต่อรองเรื่องค่าธรรมเนียมกับธนาคารพาณิชย์มากกว่าสายเดิม เพราะมีอำนาจที่จะตั้งกฎเกณฑ์ใหม่ในการกำกับดูแล หรือลดหย่อนเกณฑ์บางอย่าง ในลักษณะการให้คุณให้โทษ หรือเจรจาเพื่อแลกเปลี่ยน เช่น หากมีการลดค่าธรรมเนียมบางประเภทลง แบงก์อาจจะสามารถทำอะไรได้เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป ซึ่งจะทำให้การดำเนินการปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมในช่วงต่อไป หารือกันได้ข้อสรุปรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยขณะนี้ ธปท.ยังอยู่ระหว่างการหารือ และทำงานร่วมกันกับธนาคารพาณิชย์ ในส่วนของค่าธรรมเนียมระบบเช็ค หลังจากที่ได้มีการเจรจาในเรื่องค่าธรรมเนียมการให้บริการการโอนเงิน และค่าธรรมเนียมการให้บริการเอทีเอ็มข้ามเขตเสร็จสิ้นไปแล้วในช่วงปีที่ผ่านมา