xs
xsm
sm
md
lg

อสังหาฯภูเก็ตกระเตื้อง คาดปี54ขาย5พันล้านจากสต๊อก3.5หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – “เครือซีคอน”เชื่อตลาดอสังหาฯสำหรับชาวต่างชาติในภูเก็ตเริ่มฟื้นหลังลดฮวบกว่า 50% เมื่อเทียบกับปี 50 เผยสต๊อกในตลาดกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท คาดปี 54 ยอดขายแตะ 5,000 ล้านบาท หวั่นจัดสรรไม่สร้างบ้านตามสัญญาทำลูกค้าหาย เผยกว่า 20 โครงการสร้างบ้านไม่เสร็จ แนะใช้ใช้กลไกลตลาดเข้าช่วย ด้านซีคอนพร้อมเดินหน้าเปิด Erawana โครงการ 9 มูลค่ากว่า 200 ล.ปี 54 คาดมียอดขาย 5,000 ลบ. หลายโครงการประสบปัญหาสร้างไม่เสร็จ ส่งผลกระทบความเชื่อมั่น ในขณะที่กลุ่มซีคอนอาศัยประสบการณ์และชื่อเสียง ขยายโครงการที่ 9 มูลค่า 200 ลบ.

นายปิยะ ซอโสตถิกุล กรรมการบริหารเครือซีคอน กล่าวว่า ยอดขายที่อยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติใน จ. ภูเก็ต ปี 2553 ที่ผ่านมามีประมาณ 4,000 ล้านบาทปรับเพิ่มขึ้นกว่า 25% จากปี 2552 และคาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2554 โดยคาดว่าจะมียอดขายประมาณ 5,000 ล้านบาท ยอดขายดังกล่าวยังถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับช่วงปี 2549 และ 2550 ที่มียอดขายปีละประมาณ 10,000-12,000 ล้านบาท ซึ่งต้องยอมรับว่าตลาดอสังาหริมทรัพย์ในภูเก็ตยังไม่ฟื้นตัวเพราะยอดขายลดลงกว่า 50%

ทั้งนี้สาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตลดลง เกิดปัจจัยลบหลายประการได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำในยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของภูเก็ต โดยเฉพาะชาวอังกฤษ นอกจากนั้นยังมีผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นทำให้ราคาบ้านเมื่อเปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่นมีต้นทุนสูงขึ้น ปัญหาประการสุดท้ายคือ เริ่มมีหลายโครงการที่รับเงินจองลูกค้า แต่มีปัญหาสร้างไม่เสร็จหรือล่าช้ากว่ากำหนดไม่สามารถโอนให้กับผู้ซื้อชาวต่างชาติได้ทำให้ลูกค้าขาดความเชื่อมั่น

ตลาดอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติใน จ. ภูเก็ต เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดรองจากกรุงเทพฯ ส่วนตลาดที่รองจาก จ.ภูเก็ต คือ พัทยา เชียงใหม่ สมุย หัวหินและกระบี่ ตามลำดับ ปัจจุบัน ใน จ. ภูเก็ต มีโครงการจัดสรรรวม 147 โครงการ รวมมูลค่าสินค้าที่รอขายในตลาดขณะนี้ประมาณ 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการ Super Premium หรือวิลล่าที่มีราคาสูงกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ จำนวน 23 โครงการ ซึ่งอยู่แถบหาดสุรินทร์ หาดกมลาหรือบริเวณแถบริมทะเลด้านตะวันตกเป็นหลัก โครงการวิลล่าหรือที่อยู่อาศัยแนวราบอื่นๆ ในราคาตั้งแต่ 5 –60 ล้านบาท ส่วนอีก 96 โครงการ ซึ่งจะกระจายไปทั่วเกาะ เช่น กะตะ กะรน ถลาง ราไว และโครงการคอนโดมิเนียมอีก 28 โครงการ ซึ่งหลายโครงการอยู่บริเวณเนินเขาที่พอเห็นวิวทะเล เช่น แถบป่าตอง

นายปิยะ กล่าวต่อว่า สำหรับเครือซีคอน ได้เริ่มทำธุรกิจจัดสรรสำหรับชาวต่างชาติใน จ. ภูเก็ต ตั้งแต่ปี 2547 ภายใต้บริษัทและแบรนด์ Erawana ซึ่งเริ่มจากการพัฒนาโครงการวิลล่าขนาดเล็กๆ ระดับราคาประมาณ 10 ล้านบาท บริเวณหาดราไวหรือตอนใต้ของเกาะภูเก็ต และขยายธุรกิจมาทางตอนเหนือบริเวณหาดบางเทาแถบลากูนน่า ซึ่งปัจจุบันบริษัท Erawanaกำลังจะปิดโครงการที่ 8 หรือมีการขายและโอนวิลล่าไปกว่า 120 หลังในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาและกำลังก่อสร้างโครงการที่ 9 มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท ในราคายูนิตละ 15-20 ล้านบาท เน้นไปที่กลุ่มลูกค้าระดับกลาง

ทั้งนี้โครงการส่วนใหญ่ของ Erawana จะอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก ค่อนข้างเจริญ แต่จะอยู่ห่างจากทะเลไม่เกิน 5 นาที และวิลล่ามีคุณภาพแต่ราคาไม่สูงนัก เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง เพราะมีต้นทุนที่ดินต่ำเนื่องจากซื้อไว้นาน อีกทั้งค่าก่อสร้างที่ไม่สูงเพราะกลุ่มซีคอนอยู่ในธุรกิจก่อสร้างมากว่า 50 ปี ทำให้มีความเชี่ยวชาญและบริหารจัดการต้นทุนที่ดี และในระยะหลังๆ มีหลายตัวแทนและนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ หรือ Agent พาลูกค้ามาชมโครงการมากขึ้น เพราะมีความเชื่อมั่นในบริษัทซึ่งอยู่ในธุรกิจจัดสรรใน จ. ภูเก็ต มานานส่วนใหญ่เป็นการสร้างบ้านเสร็จก่อนขายและจะเป็นกลุ่มที่ใช้เองไม่ใช่กลุ่มซื้อเพื่อการลงทุน ทำให้ยังมีความต้องการอยู่

ตลาดอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เพราะความได้เปรียบทางด้านสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต เช่น ธรรมชาติและทะเลที่สวยงาม ค่าครองชีพที่ไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ อัธยาศัยของคนไทยที่เป็นมิตร การเป็นอยู่ที่มีความปลอดภัย การมีสนามบินนานาชาติที่มี Direct Flightจากต่างประเทศ อีกทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน เช่น โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลระดับโลก

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ชื่อเสียงของผู้ประกอบการบางรายเริ่มไม่ดี ทั้งนี้ พฤติการการวางเงินจองหรือการชำระค่างวดของตลาดชาวต่างชาติจะต่างจากโครงการขายคนไทยทั่วๆ ไปเพราะต้องชำระสูงถึง 80-90% ก่อนโอนหรือจดสิทธิการเช่าให้ ดังนั้น ผู้ประกอบการที่ได้รับเงินส่วนใหญ่ไปแล้ว หากสร้างไม่เสร็จหรือไม่สามารถโอนได้ ลูกค้าจะเสียหายมาก โดยปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่า 20 โครงการที่มีปัญหาและเริ่มมีการฟ้องร้องจนทำให้ลูกค้ารายอื่นๆ ขาดความเชื่อมั่นและทำให้ธุรกิจเริ่มเสียภาพลักษณ์

“กลไกแก้ไขทางตลาดเองมีหลายวิธี เช่น ลูกค้ารอจนมีการสร้างเสร็จก่อนซื้อหรือซื้อเฉพาะโครงการที่ยอมให้วางเงินหรือชำระค่างวดต่ำส่วนที่เหลือรอชำระ ณ วันโอนเสร็จ อีกวิธีหนึ่งคือ Agent ที่มีกว่า 100 ราย ใน จ. ภูเก็ต เริ่มคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพและประวัติที่ดี ในบางกรณีผู้ประกอบการยอมตั้ง Escrow Account ให้ผู้ซื้อโอนเงินเข้ามา แต่เจ้าของโครงการไม่สามารถใช้เงินได้และต้องคืนหากสร้างโครงการไม่เสร็จ สรุปง่ายๆ คือเริ่มมีการจัดระเบียบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน จ. ภูเก็ต ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดี และหวังว่าจะช่วยดึงความเชื่อมั่นของลูกค้าบางกลุ่มกลับมาได้” นายปิยะ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น