ASTVผู้จัดการรายวัน - สหวิริยาสตีลฯชูSSI UK หัวหอกขยายธุรกิจในแถบแอตแลนติก มองลู่ทางลงทุนเหมืองแร่เหล็กและเหมืองถ่านโค้กเพื่อป้อนโรงถลุงเหล็กในเครือฯที่อังกฤษในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า และขยายกำลังการผลิตเหล็กรีดร้อนในไทย ชี้ปีนี้แนวโน้มเหล็กแผ่นรีดร้อนราคาแตะ 1,000 เหรียญ/ตันหากราคาน้ำมันดิบพุ่ง100 เหรียญ/บาร์เรล
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI เปิดเผยทิศทางของบริษัทฯในอีก 3-5ปีข้างหน้าภายหลังการซื้อสินทรัพย์โรงถลุงเหล็ก Teesside Cast Products ในประเทศอังกฤษว่า การเข้าซื้อโรงถลุงเหล็ก Teesside Cast Products ทำให้สหวิริยาสตีลฯเป็นผู้ผลิตเหล็กเหล็กแผ่นครบวงจรรายใหญ่สุดในอาเซียน ทำให้มีทางเลือกในการขยายการลงทุนเพิ่มเติม โดยบริษัทฯมองโอกาสการลงทุนในเหมืองแร่เหล็ก และเหมืองถ่านโค้กในประเทศแถบแอตแลนติก เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการป้อนโรงถลุงเหล็กดังกล่าว ด้วยศักยภาพของโรงถลุงเหล็ก Teesside Cast Products ยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 5 ล้านตันเป็น10 ล้านตัน/ปี โดยมีระบบสาธารณูปโภคเพียงพอรองรับได้ ทำให้สหวิริยาฯมีวัตถุดิบเพียงพอที่จะรองรับการขยายกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตอยู่ 4 ล้านตัน/ปี หรือมองโอกาสการลงทุนเหล็กขั้นปลายในประเทศเพื่อนบ้าน
ซึ่งการตัดสินใจเลือกลงทุนในรูปแบบใดขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาและผลตอบแทนการลงทุน โดยวงเงินลงทุน 150 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อใช้ในการลงทุนที่ Teesside ในช่วง 2ปีนี้ยังไม่รวมโครงการลงทุนดังกล่าวข้างต้น ซึ่งเดิมทางเลือกการลงทุนของบริษัทฯเป็นไปได้น้อยเนื่องจากติดปัญหาด้านวัตถุดิบคือเหล็กแท่งแบน (สแลป)
ดังนั้นการลงทุนในต่างประเทศแถบมหาสมุทรแอตแลนติก(ทวีปอเมริกา ยุโรปและแอฟริกา) บริษัทฯจะชูบริษัท SSI UK ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่เข้าซื้อโรงถลุงเหล็ก Teesside เป็นหัวหอกในการขยายการลงทุนในแถบฝั่งแอตแลนติกไม่ว่าจะเป็นการซื้อเหมืองแร่เหล็ก ฯลฯ หรือการลงทุนผลิตเหล็กขั้นปลายน้ำที่อังกฤษในอนาคต
นายวิน กล่าวต่อไปว่า การเข้าซื้อโรงถลุงเหล็ก Teesside Cast Products ทำให้สหวิริยาฯกลายเป็นบริษัทข้ามชาติในการจัดหาวัตถุดิบ(แร่เหล็ก)จากทั่วทุกมุมโลก โดยมีจุดแข็งอยู่ที่ตลาดในประเทศไทย โดยบริษัทฯมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตเหล็กแผ่นเกรดพิเศษจากเดิม 40%เป็น 70% ทำให้มาร์จินเหล็กแผ่นเพิ่มขึ้น ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นของเหล็กแผ่นฯเกรดพิเศษจะสูงกว่าเหล็กแผ่นเกรดธรรมดากว่า 10%
ส่วนโครงการลงทุนโรงถลุงเหล็กในไทยนั้น บริษัทฯตัดสินใจยกเลิกการลงทุนในโครงการดังกล่าวแล้วและไม่คิดพิจารณาลงทุนโครงการนี้อีกหลังจากได้เข้าซื้อโรงถลุงในอังกฤษ โดยพื้นที่นับหมื่นไร่ที่บางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์ที่เตรียมพร้อมไว้สำหรับการลงทุนโครงการโรงถลุงเหล็กนั้น ก็จะพิจารณาต่อไปว่าจะนำพื้นที่ดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ใดบ้าง
ส่วนแนวโน้มราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนในปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนแน่นอน หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งแตะ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะมีโอกาสเห็นราคาเหล็กแผ่นฯอยู่ที่ตันละ 1,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปัจจุบันราคาเหล็กแผ่นฯได้ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 750 เหรียญสหรัฐ/ตันแล้ว นอกจากนี้ความต้องการใช้เหล็กแผ่นฯในจีนเพิ่มสูงขึ้น
สืบเนื่องจากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์
“ มีโอกาสเห็นราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนขยับขึ้นไปถึง 1,200 เหรียญสหรัฐ/ตันเหมือนเมื่อปี 2551 ที่ราคาน้ำมันดิบขึ้นไปอยู่ที่ 140 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากยังไม่เห็นแนวโน้มราคาน้ำมันอ่อนตัวลงมาและไม่มีการพบบ่อน้ำมันใหม่ขนาดใหญ่ ขณะที่ความต้องการใช้รถยนต์ในจีนและอินเดียเพิ่มขึ้นมากทำให้เกิดดีมานด์ใช้เหล็กแผ่นฯเพิ่มขึ้นไปด้วย”
โดยปี2554 บริษัทฯตั้งเป้าหมายผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านตันจากปีก่อนผลิตอยู่ 2.3 ล้านตัน/ปี ขณะที่ความต้องการใช้เหล็กแผ่นฯในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 6 ล้านตันจากปีก่อนอยู่ที่ 5.5 ล้านตัน
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการบริษัท สหวิริยาสตีลฯได้ มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนรวมไม่เกิน 5,240 ล้านหุ้น เพื่อระดมทุนประมาณ 6 พันล้านบาท เพื่อเข้าทำการซื้อสินทรัพย์โรงถลุงเหล็ก Teesside Cast Products วงเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในก.พ. 2554 ทำให้ระดมทุนได้ 6 พันล้านบาท และบริษัท ฯยังมีแผนกู้เงินจากสถาบันการเงินอีก 200 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมกับการจัดหาเงินกู้ของบริษัท SSI UK ซึ่งSSI ถือหุ้น 100% อีก 650 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้SSI UK มีเงินทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพียงพอในการทำธุรกิจ เพื่อใช้ซื้อสินทรัพย์โรงงานถลุงเหล็ก Teesside เป็นเงินทุนหมุนเวียนและปรับปรุงการผลิตต่างๆภายใน 2ปีข้างหน้า
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI เปิดเผยทิศทางของบริษัทฯในอีก 3-5ปีข้างหน้าภายหลังการซื้อสินทรัพย์โรงถลุงเหล็ก Teesside Cast Products ในประเทศอังกฤษว่า การเข้าซื้อโรงถลุงเหล็ก Teesside Cast Products ทำให้สหวิริยาสตีลฯเป็นผู้ผลิตเหล็กเหล็กแผ่นครบวงจรรายใหญ่สุดในอาเซียน ทำให้มีทางเลือกในการขยายการลงทุนเพิ่มเติม โดยบริษัทฯมองโอกาสการลงทุนในเหมืองแร่เหล็ก และเหมืองถ่านโค้กในประเทศแถบแอตแลนติก เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการป้อนโรงถลุงเหล็กดังกล่าว ด้วยศักยภาพของโรงถลุงเหล็ก Teesside Cast Products ยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 5 ล้านตันเป็น10 ล้านตัน/ปี โดยมีระบบสาธารณูปโภคเพียงพอรองรับได้ ทำให้สหวิริยาฯมีวัตถุดิบเพียงพอที่จะรองรับการขยายกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตอยู่ 4 ล้านตัน/ปี หรือมองโอกาสการลงทุนเหล็กขั้นปลายในประเทศเพื่อนบ้าน
ซึ่งการตัดสินใจเลือกลงทุนในรูปแบบใดขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาและผลตอบแทนการลงทุน โดยวงเงินลงทุน 150 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อใช้ในการลงทุนที่ Teesside ในช่วง 2ปีนี้ยังไม่รวมโครงการลงทุนดังกล่าวข้างต้น ซึ่งเดิมทางเลือกการลงทุนของบริษัทฯเป็นไปได้น้อยเนื่องจากติดปัญหาด้านวัตถุดิบคือเหล็กแท่งแบน (สแลป)
ดังนั้นการลงทุนในต่างประเทศแถบมหาสมุทรแอตแลนติก(ทวีปอเมริกา ยุโรปและแอฟริกา) บริษัทฯจะชูบริษัท SSI UK ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่เข้าซื้อโรงถลุงเหล็ก Teesside เป็นหัวหอกในการขยายการลงทุนในแถบฝั่งแอตแลนติกไม่ว่าจะเป็นการซื้อเหมืองแร่เหล็ก ฯลฯ หรือการลงทุนผลิตเหล็กขั้นปลายน้ำที่อังกฤษในอนาคต
นายวิน กล่าวต่อไปว่า การเข้าซื้อโรงถลุงเหล็ก Teesside Cast Products ทำให้สหวิริยาฯกลายเป็นบริษัทข้ามชาติในการจัดหาวัตถุดิบ(แร่เหล็ก)จากทั่วทุกมุมโลก โดยมีจุดแข็งอยู่ที่ตลาดในประเทศไทย โดยบริษัทฯมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตเหล็กแผ่นเกรดพิเศษจากเดิม 40%เป็น 70% ทำให้มาร์จินเหล็กแผ่นเพิ่มขึ้น ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นของเหล็กแผ่นฯเกรดพิเศษจะสูงกว่าเหล็กแผ่นเกรดธรรมดากว่า 10%
ส่วนโครงการลงทุนโรงถลุงเหล็กในไทยนั้น บริษัทฯตัดสินใจยกเลิกการลงทุนในโครงการดังกล่าวแล้วและไม่คิดพิจารณาลงทุนโครงการนี้อีกหลังจากได้เข้าซื้อโรงถลุงในอังกฤษ โดยพื้นที่นับหมื่นไร่ที่บางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์ที่เตรียมพร้อมไว้สำหรับการลงทุนโครงการโรงถลุงเหล็กนั้น ก็จะพิจารณาต่อไปว่าจะนำพื้นที่ดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ใดบ้าง
ส่วนแนวโน้มราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนในปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนแน่นอน หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งแตะ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะมีโอกาสเห็นราคาเหล็กแผ่นฯอยู่ที่ตันละ 1,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปัจจุบันราคาเหล็กแผ่นฯได้ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 750 เหรียญสหรัฐ/ตันแล้ว นอกจากนี้ความต้องการใช้เหล็กแผ่นฯในจีนเพิ่มสูงขึ้น
สืบเนื่องจากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์
“ มีโอกาสเห็นราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนขยับขึ้นไปถึง 1,200 เหรียญสหรัฐ/ตันเหมือนเมื่อปี 2551 ที่ราคาน้ำมันดิบขึ้นไปอยู่ที่ 140 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากยังไม่เห็นแนวโน้มราคาน้ำมันอ่อนตัวลงมาและไม่มีการพบบ่อน้ำมันใหม่ขนาดใหญ่ ขณะที่ความต้องการใช้รถยนต์ในจีนและอินเดียเพิ่มขึ้นมากทำให้เกิดดีมานด์ใช้เหล็กแผ่นฯเพิ่มขึ้นไปด้วย”
โดยปี2554 บริษัทฯตั้งเป้าหมายผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านตันจากปีก่อนผลิตอยู่ 2.3 ล้านตัน/ปี ขณะที่ความต้องการใช้เหล็กแผ่นฯในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 6 ล้านตันจากปีก่อนอยู่ที่ 5.5 ล้านตัน
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการบริษัท สหวิริยาสตีลฯได้ มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนรวมไม่เกิน 5,240 ล้านหุ้น เพื่อระดมทุนประมาณ 6 พันล้านบาท เพื่อเข้าทำการซื้อสินทรัพย์โรงถลุงเหล็ก Teesside Cast Products วงเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในก.พ. 2554 ทำให้ระดมทุนได้ 6 พันล้านบาท และบริษัท ฯยังมีแผนกู้เงินจากสถาบันการเงินอีก 200 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมกับการจัดหาเงินกู้ของบริษัท SSI UK ซึ่งSSI ถือหุ้น 100% อีก 650 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้SSI UK มีเงินทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพียงพอในการทำธุรกิจ เพื่อใช้ซื้อสินทรัพย์โรงงานถลุงเหล็ก Teesside เป็นเงินทุนหมุนเวียนและปรับปรุงการผลิตต่างๆภายใน 2ปีข้างหน้า