เอเอฟพี - พายุฝนรุนแรงกระหน่ำเกาะมาเดรา ริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของโปรตุเกส เมื่อวันเสาร์(20) ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 32 คน ขณะที่รัฐบาลกำลังพิจารณาว่าจะต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน และขอความช่วยเหลือจากกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู) หรือไม่
ฝนตกหนักและลมกระโชกแรงตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาทำให้เกิดน้ำท่วมและแผ่นดินถล่ม ขุดรากถอนโคนต้นไม้ลงมาจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ทางใต้ของเกาะมาเดรา ซึ่งเป็นสถานที่ตากอากาศ ตั้งอยู่ห่างแผ่นดินใหญ่ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 900 กิโลเมตร และห่างจากชายฝั่งแอฟริการาว 500 กิโลเมตร
นักอุตุนิยมวิทยาเผยว่า ลมกระโชกแรงวัดความเร็วได้เกินกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีคลื่นสูง ขณะที่ถนนหนทางที่มีน้ำท่วมและถูกปิดกั้นจากน้ำท่วมและต้นไม้หักโค่น ทำให้การกู้ภัยเป็นไปอย่างยากลำบาก เครือข่ายให้บริการไฟฟ้า และโทรศัพท์ในบางพื้นที่ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักด้วย อย่างไรก็ตาม พายุครั้งนี้พัดผ่านโปรตุเกสไปแล้ว
ด้านรัฐบาลท้องถิ่นเผยว่า พายุใหญ่คราวนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 32 คน อีก 68 คนได้รับบาดเจ็บและกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ขณะที่รัฐมนตรีมหาดไทย รุย เปไรรา เผยว่า กำลังพิจารณาว่าจะประกาศภาวะฉุกเฉินแล้วขอความช่วยเหลือจากอียูหรือไม่
ด้านสื่อในโปรตุเกสพากันระบุว่า พายุฝนครั้งนี้นับว่ารุนแรงและทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดบนเกาะมาเดรา นับตั้งแต่พายุฝนในปี 1993 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน ขณะที่นายกรัฐมนตรีโปรตุเกส โฆเซ่ โสคราติส แสดงความตกตะลึงกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น และให้คำมั่นว่าจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่