เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - “เปโตรบราซ” บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานในความควบคุมของรัฐบาลบราซิลต้องยอมจ่ายเงินค่าปรับจำนวนอย่างน้อย 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 146 ล้านบาท) หลังทำให้เกิดการรั่วไหลของน้ำมันเมื่อวันศุกร์ (5) บริเวณนอกชายฝั่งบราซิล จนสร้างความเสียหายแก่ชายหาดหลายแห่งในรัฐเซาเปาโล
รายงานข่าวระบุว่า การรั่วไหลที่เกิดขึ้นในวันศุกร์ (5) เป็นผลจากความผิดพลาดระหว่างขั้นตอนการเติมเชื้อเพลิงให้กับเรือลำหนึ่งของพนักงานบริษัท “ทรานสเปโตร” ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเปโตรบราซ ส่งผลให้ทางเปโตรบราซต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่หน่วยงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของรัฐเซาเปาโล เพื่อชดเชยต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
ข้อมูลจากหน่วยงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของรัฐเซาเปาโลระบุว่า น้ำมันที่รั่วไหลออกมาซึ่งยังไม่ทราบปริมาณที่แน่ชัด ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่ชายหาดหลายแห่ง เช่น ชายหาดในเมืองเซา เซบาสเตียว และคารากัวตาตูบา และกระทบต่อรายได้จากการท่องเที่ยว
ขณะที่นางมาเรีย ดาส กราซัส ฟอสเตอร์ ซีอีโอหญิงของเปโตรบราซออกมายืนยันว่าทางบริษัทน้อมรับคำตัดสินให้จ่ายค่าปรับดังกล่าว พร้อมย้ำว่าเปโตรบราซซึ่งถือเป็นบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันตกจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบด้านความปลอดภัย เพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดพลาดได้อีก
ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ส่งผลให้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานอย่างเปโตรบราซ ต้องจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ทางการแดนแซมบ้าเพิ่งอนุญาตในวันจันทร์ (8) ให้บริษัท “เชฟรอน” จากสหรัฐฯ กลับเข้ามาทำการสำรวจแหล่งน้ำมันในบราซิลได้อีกครั้ง หลังเกิดการรั่วไหลของน้ำมันครั้งใหญ่เมื่อปี 2011 จนต้องมีการสั่งระงับกิจกรรมของเชฟรอนไว้อย่างไม่มีกำหนดในช่วงก่อนหน้านี้
รายงานข่าวระบุว่า ทางการบราซิลเปิดไฟเขียวให้เชฟรอนกลับเข้ามาสำรวจแหล่งน้ำมันดิบรวม 4 แห่งที่อยู่ห่างจากชายฝั่งบราซิลราว 370 กิโลเมตร ทางเหนือของนครริโอ เด จาไนโร ได้เป็นระยะเวลา 2-12 เดือน โดยการกลับเข้ามาของเชฟรอนจะถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของแดนแซมบ้า
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2011 เกิดเหตุน้ำมันราว 3,000 บาร์เรล รั่วไหลออกจากบ่อน้ำมันในความรับผิดชอบของเชฟรอนออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติก จนสร้างผลกระทบมหาศาลต่อสิ่งแวดล้อม และเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ทางการบราซิลประกาศปรับเงินเชฟรอนกว่า 17.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 512 ล้านบาท) ฐานละเมิดระเบียบด้านความปลอดภัยรวม 24 ข้อ จนนำไปสู่การเกิดเหตุรั่วไหลดังกล่าว
