เอเอฟพี - พลเมืองหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ลงคะแนนโหวตท่วมท้นเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ขอเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของอังกฤษต่อไป วานนี้ (11) ซึ่งถือเป็นการปฏิเสธสัมพันธ์กับอาร์เจนตินาอย่างชัดเจนที่สุด ขณะที่บัวโนสไอเรสเย้ยหยันว่าการทำประชามติครั้งนี้ขัดต่อกฎหมาย
คณะกรรมการการเลือกตั้งเมืองพอร์ตสแตนลีย์ ประกาศว่า ร้อยละ 92 ของพลเมือง 1,672 คนที่มีสิทธิเลือกตั้งบนหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ลงคะแนนโหวต 98.8% ให้หมู่เกาะแห่งนี้มีฐานะเป็นดินแดนของสหราชอาณาจักรที่มีรัฐบาลปกครองตนเองต่อไป และมีเพียง 3 เสียงเท่านั้นที่ไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของอังกฤษ
ผลการทำประชามติบนหมู่เกาะทางตอนใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติกถูกประกาศขึ้นในเวลาราว 22.30 น. (08.30 น.วันนี้ตามเวลาในไทย)
อาร์เจนตินาซึ่งส่งทหารเข้ายึดครองหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ในปี 1982 ก่อนจะถูกกองกำลังอังกฤษขับไล่ออกไป ยืนกรานไม่ยอมรับผลการทำประชามติครั้งนี้
“นี่เป็นเพียงอุบายที่ไม่มีผลทางกฎหมาย เพราะไม่ใช่การทำประชามติที่จัดขึ้นหรือได้รับคำปรึกษาจากองค์การสหประชาชาติ” อลิเซีย คาสโตร ทูตอาร์เจนตินาประจำกรุงลอนดอนแถลง
“เราเคารพในวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของพลเมืองหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ เราเคารพในความปรารถนาของพวกเขาที่จะเป็นชาวอังกฤษ แต่ดินแดนที่พวกเขาอาศัยอยู่มันไม่ใช่ของอังกฤษ” ทูตหญิงผู้นี้ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีวิทยุ ลา เรด ของอาร์เจนตินา
บาร์รีย์ เอลส์บีย์ สมาชิกสภาปกครองหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับเอเอฟพีขณะเข้าคิวรอลงคะแนนที่ศาลาว่าการเมืองพอร์ตสแตนลีย์ว่า “มีคนออกมาใช้สิทธิมากเป็นพิเศษทีเดียว”
“ไม่ว่ารัฐบาลอาร์เจนตินาจะพูดอย่างไร แต่ทั่วโลกจะไม่มองข้ามผลการทำประชามติครั้งนี้แน่นอน” นายแพทย์เชื้อสายเวลช์วัย 57 ปี ที่ย้ายมาทำงานบนหมู่เกาะแห่งนี้ตั้งแต่ปี 1990 และไม่เคยกลับออกไปอีกเลย ระบุ
แม้หมู่เกาะฟอล์กแลนด์จะอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษมาตั้งแต่ปี 1833 แต่บัวโนสไอเรสก็อ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะแห่งนี้เช่นกัน โดยเรียกมันว่า “มัลบีนัส”
การค้นพบแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ใกล้หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ทำให้ปัญหาการแย่งชิงอธิปไตยกลับมาเป็นประเด็นร้อนที่บั่นทอนความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอังกฤษกับอาร์เจนตินาอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา