ASTVผู้จัดการรายวัน - "มาาร์ค”สอนมารยาท “ไอ้ตู่” หลังนปช.ปล่อยคางคกโชว์กื๋น ฉายหนังเก่าทุบรถไม่จบซัดกันเละ “คางคก”ฟิวส์ขาดชี้หน้านายกฯ ทำเจรจาวนในอ่าง นายกฯขอเวลา 9 เดือน ปัด 15 วันเส้นตายยุบสภา อ้างเหตุแก้เศรษฐกิจ-กติกา-บรรยากาศ”ไม่ทัน “กอร์ปศักดิ์” ชูทำประชามติ 4 เดือนวัดใจ ใครก่อเหตุก่อนจบ
วานนี้(29 มี.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติบรูไน เวลา 09.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ ที่ พระราชวัง นุรุล อิมาน และได้หารือแบบเต็มคณะและทวิภาคี ต่อด้วยสมเด็จพระราชาธิบดีโบลเกียห์ พระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวัน
ากนั้น นายกรัฐมนตรีได้พบปะกับทีมไทยแลนด์ อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับประเทศเร็วกว่ากำหนด 1 ชั่วโมง โดยยกเลิกกำหนดการในช่วงบ่ายที่ทางบรูไนจัดให้มีการชมเมือง เนื่องจากได้กำหนดนัดหมายเจรจากับแกนนำ นปช.อีกครั้งในช่วงเย็น โดยนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในเวลาประมาณ 17.00 น.
เจรจา รอบ 2 มาครบ
เวลา 18.00 น. นายอภิสิทธิ์ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ และนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเจรจาเป็นวันที่ 2 กับนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ที่สถาบันพระปกเกล้าฯ ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ โดยสถานีโทรทัศน์ทุกช่องถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วาระรัฐบาล เหลือ 1 ปี 9 เดือน ถามว่า อยากเห็นอะไรก่อนเลือกตั้ง 1.การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 2. การทำกติกา 3. บรรยากาศบ้านเมืองให้เป็นปกติ สำหรับเรื่องที่ 1 การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ค่อยเท่าไหร่แล้วค่อนข้างจะดี แต่ว่าครึ่งเดือนแรกกระทบนิดหน่อย มีปัญหาเรื่องท่องเที่ยวอยู่บ้าง คุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ข้าราชการ เขามองว่าให้ปฏิทินงบประมารณเดินตามปกติได้ไหม 2.เรื่องกติกา ลองมาดูแล้วว่ า ถ้าประกาศทำประชามติ สมมติมีประเด็นไหนแก้ไข ก็ทำในสภาให้ดำเนินการ พอทำเสร็จแล้วกฎหมายต่างๆรับแล้วก็เป็นกรอบเวลา 3. สิ่งที่คุยคือทำบรรยากาศบ้านเมืองให้เป็นปกติ ฝ่ายท่านทำหน้าที่ตรวจสอบ ก็ตรวจสอบได้ ชุมนุมก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัดไม่ปิดล้อม ใครผิดกฎหมายก็ถูกดำเนินคดี แกนนำบางท่านก็ถูกดำเนินคดี จากนั้นฝ่ายรัฐบาลก็ทำงาน ฝ่ายค้านก็ทำงาน ที่
นายกฯ กล่าวว่า ปฏิทินงบประมาณชงักมีปัญหา ตารางปฏิทินงบประมาณถูกกระทบ งบช่วงแรกตุลาคมผิดไปจะใช้งบผิดปกติ เรื่องรัฐธรรมนูญช้าเร็วไม่ได้อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะเอาจริงกับสภาหรือไม่ วันนี้จะเอาชัดๆ ให้ประชาชนลงประชามติ ประชาชนที่อยากแก้ประเด็นไหน นำมาวางไปเลยประชาชนลงประชามติ ทุกพรรคยอมรับตามนั้น ไม่เหมือนยุบสภาไปเลือกตั้ง ไปถามทุกพรรคก็บอกแก้รัฐธรรมนูญก่อนอีก และมีกลุ่มไม่เห็นด้วยให้ยุบสภา เพราะฉนั้นกระบวนการประชามติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นไหน จากนั้นก็แก้ไขรัฐธรรมนูญใช้เวลากัน ส่วนบรรยากาศบ้านเมือง เรื่องประชามติจะเป็นบทพิสูจน์ระดับหนึ่ง การประชามติไม่พูดลอยๆ ไม่สามารถพูดถึงคนหนึ่งเสียงที่นอกโต๊ะนี้ ได้ ถ้าร่วมแรงร่วมใจก็ทำได้ เพราะฉนั้นกรอบปลายปีก็อยู่ในกรอบนี้
นายกฯ กล่าวว่า ถามว่านายกฯเสียสละไหม ความจริงรัฐบาลมีวาระเหลือ 1 ปี 9 เดือน ถ้าพูดยุบสภาปลายปีนี้ ก็ถือว่าเฉือนไปแล้วหนึ่งปี ที่ผมย้ำตลอด คนบางกลุ่มมองว่าเรามาตกลงได้อย่างไร เรียนว่าสมมติไปประชามติยุบไม่ยุบสภา แต่ถ้าสำรวจความคิดเห็นประชาชนไม่มั่นใจให้ยุบสภา ดีไม่ดีการให้ยุบสภาอาจเป็นเสียงส่วนน้อย ประเด็นนี้ไม่อยากเถียงท่าน อยากหาจุดกลางๆ คนสนับสนุนไม่ควรยุบสภา ไม่เห็นด้วยชุมนุม เพราะวันข้างหน้าชุมนุมบ้าง ไม่ควรเถียงเขา แต่ถ้าเรากำหนดกรอบอย่างนี้ ก็พูดคุยกันได้
นายวีระ มุกสิกพงษ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจมันเป็นเรื่องความเชื่อ ฝ่ายเสื้อแดงเห็นว่า ให้เวลาเท่าไรก็ไม่ดี รอไม่ได้ รัฐสภาไม่เป็นที่พึ่งแล้ว ให้มันเป็นไปตามประชามติด้วย จะเอากติกาแบบไหน บรรยากาศการเมืองเราสร้างกันได้ ถ้าคู่ขัดแย้งเสื้อแดงสร้างแดงแต่ไม่ใช้เหตุผล 3 ประการ แล้วมามัด 15 วันไม่ได้ การเสนอกรอบเวลาเลยงบประมาณมันจะยาวไป ไม่เอาใจผมก็ได้ นักวิชาการ 3 เดือน ไม่ใช่ข้อเสนอของผม กรอบกติกามันไม่ควรจะยาวนานไปถึง 6 เดือนหรอกแค่ 2 เดือนก็ทำได้ สภาพึ่งไม่ได้ แค่รัฐบาลไปจี้ให้ทำ ไม่อย่างนั้นเถียงกันอยู่นั้นไม่จบ ไกลเกินความเป็นจริง ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า ท่านต้องเห็นใจพวกผมหน่อย เขามาถูกสิทธิของเขา ขอคืนสิทธิไปตัดสินใจอนาคตการเมืองของเขา ต้องการความเสียสละจากท่าน ถ้าท่านเสียสละตรงนี้เป็นเกียรติยศ บังเอิญมาพูดที่สถาบันพระปกเกล้า หรือคิดถึงพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ข้าพเจ้ายินดีสละอำนาจให้เป็นของปวงชนชาวไทย ยอม เจ็บปวดให้สิทธิประชาชน วันนี้คนเสื้อแดงมาขอความเสียสละจากนายกฯ ไม่ต้อง 15 วันหรอก มันก็เป็นการเสียสละ
นายกฯ กล่าวว่า ที่พูดถึงปฏิทิน เราบังเอิญอยู่ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจการฟื้นตัวยังไม่แข็งแรง ผมประกาศไว้ที่ทำพรบ.4 แสนไม่ทำตามนั้นหรอก งบประมาณเพิ่มขึ้นทุกปี กฎหมายให้ใช้ของเก่าไปก่อนได้ใช้ปีก่อนได้ ส่วนที่จะเพิ่มให้รอปีใหม่ แต่บังเอิญตอนเข้ามารายได้หายไป 2 แสนล้าน ถ้าบอกให้ใช้งบนี้ไปพลางก่อนเดือดร้อนกันมา งบประมาณที่มีต้องออกไปประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ ถ้าตรงนี้ชะงักก็ส่งผลกระทบได้
นายจตุพร กล่าวว่า เงื่อนไขประเด็นเศรษฐกิจจะมาผูกมัดรวมไม่ได้ เวลาที่เหลือจากนี้ไป 9 เดือนเศรษฐกิจจะดีขึ้นหรือไม่ มันซ้ำซาก มันจะไม่พบความสำเร็จ ยิ่งขัดแย้งกว่าเดิม ถ้าต้องการให้สถานการณ์ปกติเป็นเรื่องที่น่ารับฟัง ทั้ง 3 อย่างที่จะลากไปเป็นเรื่องที่ยาวนาน การที่ท่านจะเสียสละ หรือไม่เสียสละเป็นเรื่องสำคัญอยู่ นายกฯต้องใช้ชีวิตปกติ ถ้าเราหาจุดความไม่พอดีกัน การเรียกร้องของเราไปวัดผลการเลือกตั้ง ถ้าท่านมั่นใจคนไม่เอาด้วย ควบคุมอำนาจรัฐเบ็ดเสร็จ คู่แข็งย่อมเสียเปรียบ บรรยากาศบ้านเมืองกลับมาสู่ปกติ สิ้นปีรับไม่ได้
นายกฯ กล่าวว่า ย้ำอีกครั้ง เรื่องทำเศรษฐกิจดีไม่ดี ดูตารางรัฐบาล ช่วงแรกตุลาฯเป็นต้นไป ต้องใช้งบไม่ปกติ ประชาชนส่วนหนึ่งก็เป็นห่วงเรื่องนี้ เรื่องรัฐธรรมนูญ แก้รัฐธรรมนูญวาระ 1,2,3 ไม่เกิน 1 ปี 9 เดือน วิธีที่เราจะทำคือ ทำประชามติชัดเจน ไม่ใช่ทำแล้วไปเถียงกัน เวลาไปถามต้องแน่ชัด มีสรุปสาระง่ายๆ คณะทำงานสภาทำไว้แล้ว ไม่เกี่ยวพรรคร่วมประชามติเอาอย่างไงก็เอาอย่างนั้น ถ้าต้องการของประชาชนผ่านประชามติเป็นอย่างไงก็อย่างนั้น
นายกฯ กล่าวว่า เป็นกระบวนการที่ดีมาก เข้ามายอมรับคะแนน คะแนนนิยมไม่ติดใจ เลขาธิการพรรคผมมีความรับผิดชอบ ทุกพรรคอยากชนะทั้งนั้นไม่ติดใจ ผมตัดสินใจการเลือกตั้งเอาผลประโยชน์ส่วนร่วมเป็นที่ตั้ง ผมตัดวาระลงมา ฟังคนเสื้อแดง แล้วมาฟังอะไรดีที่สุดกับประชาชน ผมร่นให้ 1 ปี
จากนั้นนายวีระ ตัดบทว่า รอเสนอถ้า 15 วันมันไม่ไหว รอเสนอมากี่วันมาว่า เท่าไร
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า เรามานั่งคุยตรงนี้เพื่อหาข้อยุติ บอกเคารพก็ไม่รู้เคารพจริงไหม ประเด็นมีว่า ในเมื่อเราไม่เชือ่กัน ผมก็ไม่รู้ยังไง ทำยังไงเราก็ต้องตกลงกัน ผมบอกว่าภายใน 9 เดือน สิ้นปี ไม่เชื่อ ไม่รู้เชื่อใคร เพราะมันไม่เชื่อเท่านั้นเอง เรามานั่งคุยกันเพื่อประเทศไทย ไม่ใช่เพื่ออภิสิทธิ์เป็นนายกฯอีก ไม่เชื่อเพื่อกูเป็นรัฐบาล อย่าปฎิเสธเร็วๆ ท่านบอกว่า 15 วันบอกว่าทำไม่ได้ ผมไม่เชื่อว่าปัญหาบ้านเมืองที่หนักหนาจะจบได้ภายใน 2 สัปดาห์ ถ้าหากท่านอยากให้จบเพื่อประเทศไทย เรามาทดสอบเราเชื่อใจกันได้ไหม เราเริ่มว่าไปหาประชาชน เอาประชามติเป็นหลัก เอาเรื่องรธน. บอกมีหลายประเด็น เอา 6 ข้อไปหาประชาชน ท่านมีเสื้อสีแดงกี่คน สีอื่นกี่คน ไม่มีสี่อีกกี่คนเชื่อเป็นล้าน ใน 120 วัน หรือ 4 เดือน ใครผิดกติกาก่อน กติกาคือพวกผมไปทำที่ผิดกฎหมายไปสลายการชุมนุมไม่ได้
“4 เดือนทำเสร็จ ท้ายสุดเบี้ยวกันเดือนแรกก็จบแล้ว ไปไม่รอด เาป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่ 6 คนตัดสินใจ แล้วมาคุยกัน พี่น้องทางบ้าน ไม่ว่าเสื้อสีอะไรก็ต้องพอใจทุกฝ่าย” นายกฯ กล่าว
จากนั้น นายกฯ กล่าวว่า จะคุยกันนอกรอบอีกครั้งก็ได้ และรัฐบาลพร้อมยินดีเจรจา ตนไปต่างประเทศจะกลับมาอีกครั้งวันพฤหัสบดี แต่อยากให้รักษาบรรยากาศอย่างนี้ไว้ อย่างไรก็ตาม นาย จตุพร กล่าวว่า พวกผมอยู่กับประชาชน พวกผมต้องไปถามผู้ชุมนุมจะเอาอย่างไรกันต่อ ขณะที่ นายกฯ กล่าวว่า ฝ่ายผมก็ยินดีนัดหมาย
รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างเจรจาช่วงแรกบรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด เมื่อ นายจตุพร ได้หยิยยกเรื่องราวในอดีตของรัฐบาล มาอภิปราย ทั้งการมาในตำแหน่งนายกฯโดยไม่ชอบ ปัญหาการทุจริตรัฐบาล และการกู้เงินจำนวนมากกอบกู้เศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ นายกฯและนายจตุพร มีการตอบโต้กันไปมา โดยนายกฯอ้างว่าสิ่งที่นายจตุพรกล่าวเป็นความเท็จทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงตอนที่นายกฯชี้แจงเรื่องว่าอยู่ในรถ มีคนเสื้อแเดงเข้าทำร้ายและถามว่าเป็นแดงแท้หรือแดงเีทียมทำให้นายจตุพรถึงกับออกมาตอบโต้อีกครั้ง โดยชี้หน้านายกฯ และยังยืนยันนายกฯไม่ได้อยู่ในรถ ทำให้สื่อที่เกาติดรายงานข่าวอยู่ด้านนอกติดตามชมการเจรจาต่างพร้อมใจกันโห่ร้องพฤติกรรมนายจตุพร และมีการวิจารณ์ว่านี่เป็นการอภิปรายซักฟอกรัฐบาลนอกสภาไม่ใช่การเจรจาเพื่อหาข้อยุติ
“ไอ้ตู่” อ้างขอฉันทามติไพร่แดงก่อน
นายจตุพร กล่าวภายหลังว่า ขณะนี้ถือว่าการเจรจายุติก่อน เพราะข้อเรีกยร้องของเสื้อแดงคือให้ยุบสภาภายใน 15 วัน แต่รัฐบาลขอเวลา 9 เดือน จึงเป็นความเห็นที่แตกต่าง พวกตนได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนมาแค่นี้ก็ต้องไปถามประชาชนก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ซึ่งในส่วนของการชุมนุมคงจะมีอยู่ต่อไป แต่การชุมนุมจะยังคงยึดแนวทางสันติแม้จะมีการยกระดับความเข้มข้นอย่างไรก็จะยังคงสันติอยู่ ซึ่งการยกระดับความเข้มข้นจะเริ่มเมื่อไรก็จะต้องถามประชาชนก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าระหว่างนี้จะมีกาหารือนยอกรอบกับรัฐบาลหรือเปล่า นายจตุพร กล่าวว่า ยังไม่มี จนกว่าแกนนำ นปช.จะมีการหารือกันจนตกผลึกแล้ว ซึ่งการเจรจากันในครั้งนี้ ตนเป็น ส.ส.อยู่ด้วยรู้ดีว่าหลายเรื่องมันไม่สามารถมีผลได้ในทางปฏิบัติ ฉะนั้นเท่ากับเป็นการหลอกประชาชนไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ กติกาหรือบรรยากาศ ทั้งสามเรื่องนี้ตนไม่แน่ใจว่า 1 ปี 9 เดือนจะสำเร็จหรือไม่ อย่าว่าแต่ 9 เดือนเลย ในโลกความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมาก ดังนั้นพวกตนต้องยืนในจุดยืนเดิม 15 วันเพราะไม่เชื่อว่า รัฐบาลและรัฐสภาชุดนี้จะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้
เมื่อถามว่า นายกฯพูดต่อสาธารณะไปแล้วว่า 9 เดือนำทไมยังไม่มั่นใจ นายจตุพร กล่าวว่า ตอนที่นายกฯพูดกับแนวิน ชิดชอบ ก็พูดที่โรงแรมสยามซิตี้ก็เป็นที่สาธารณะเช่นกันในเรื่องการแก้ไขรัฐะรรมนูญ ดังนั้นพวกต์นและผ่านบรรยากาศการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้วในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้ เมื่อถามว่า พูดได้ไหมการเจรจาล้มเหลว นายจตุพร กล่าวว่า 2 วันถือว่าถึงจุดที่ความเห็นยังไม่ตรงกัน เมื่อถามว่ายื้อกันแบบนี้จะจบเมื่อไร นายจตุพร กล่าวว่า ไม่ทราบเหมือนกัน
เมื่อถามว่าพูดได้ไหมทั้งสองฝ่ายกำลังทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม นายจตุพร กล่าวว่า นายกฯเคยบอกรัฐบาลสมัคร สุนทรเวชเสียสละและรัฐบาลใหม่จะเข้มมแก้ปัญหาเอง ตอนนี้พวกตนก็เช่นกัน เมื่อถามว่า นปช.เรียกร้องความเสียสละนายกฯแล้วนปช.แสดงความเสียสละอะไร นายจตุพร กล่าวว่า ความเสียสละ นปช.คือเมื่อนายกฯยุบสภาฯคืนอำนาจให้ประชาชนพวกตนจะยุติการชุมนุมทันทีและนายกฯจะสามารถไปหาเสียง ปฏิบัติงานได้ทุกที่ จะมีบรรยากาศที่สงบ
“วีระ”บอกแดงใจเย็นๆ
ด้านนายวีระ กล่าวว่า แม้การเจรจาจะไม่ประสบผลสำเร็จยืนยันว่าปัญหาทุกอย่างจะไม่บานปลาย เชื่อว่าจะดีขึ้น เพราะเป็นเรื่องของบ้านเมืองทุกอย่างต้องดีขึ้น ใจเย็นๆ เมื่อถามว่า ยืนยันการชุมนุม นปช.จะไม่ปิดล้อมสถานที่ราชการใช่หรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า แน่นอน เพราะตรงนี้ถือเป็นศีลข้อที่เราเข้มงวดอย่างยิ่ง เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้กล่ามเสื้อแดงบางคนพูดจารุนแรงจะก่อเหตุวุ่นวาย นายวีระ กล่าวว่า เสื้อแดงทำงานกันแบบรวมหมู่แต่ละคนมีบุคคลิกภาพของตัวเอง บางคนมีลีลามีมุขในการพูดของตัวเอง แต่ในทางปฏิบัติไม่มีแน่นอน เมื่อถามว่าหากเกิดความเสียหายขึ้นใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ นายวีระ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น นปช.ยังยืนแนวทางสันติวิธี ทุกอย่างว่ากันตามกระบวนการกฎหมายบ้านเมือง ส่วนมือที่สามที่จะมาก่อเหตุนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะดูแล
มาร์คพูดเสร็จกลับนอนบ้านสุขุมวิท
นายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังว่า วันนี้รัฐบาลได้พยายามอย่างถึงที่สุดในการที่จะหาทางออกที่คิดว่าน่าที่จะเป็นที่ยอมรับกันได้ ซึ่งได้นำเสนอไปแล้ว ในเบื้องต้น คนเสื้อแดงที่มาเจรจา เค้าบอกหว่าไม่ยอมรับ โดยจะกลับไปสอบถามคนเสื้อแดงทียังชุมนุมกันอยู่ ซึ่งตรงนั้นเป็นสิทธิของเขา แต่ถ้าเขายังประสงค์ที่จะคุย ก็ได้มีการกำหนดวันที่จะหารือวันพฤหัส ที่ 1 เมษายน จะมาคุยกันต่อ โดยฝ่ายรัฐบาลยังจะตน นายกอร์ปศักดิ์และนาย ชำนิ
เมื่อถามว่าจุดยืนของรัฐบาลที่กล่าวว่าจะยุบสภาภายใน 9 เดือนนั้นยังคงเป็นเช่นเดิมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้คือข้อเสนอกับการที่จะทำให้บ้านเมืองสงบได้ อยู่ที่กลุ่มคนเสื้อแดงคิดว่า จะยอมรับหรือไม่ ถ้าไม่ยอมรับก็จะมาว่ากันอีกที เมื่อถามย้ำว่าหากวันที่ 1 เมษายน การเจรจารอบที่ 3 ไม่มีอะไรจะเกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็เสียดาย เพราะตนคิดว่าคนที่เป็นรัฐบาล ที่พร้อมจะมารับฟังและพูดคุย และพยายามเสนอทางออก ตนคิดว่าเขาไม่ได้ทำเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ดังนั้น ถ้าคนส่วนใหญ่ เขาก็อยากจะคาดหวังให้กระบวนการคุยกันดีกว่ากระบวนการอื่น
เมื่อถามต่อว่าตรงว่า9 เดือนจะมีการยุบสภาแน่นอนใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยัง เพราะถ้าผู้ชุมนุมไม่ยอมรับ เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลยอมเฉือนเวลาไป10 เดือน ก่อนครบวาระ นายอภิทธิ์ กล่าวว่า เวลาที่ตนได้ยอมเฉือนไป ก็เพื่อที่จะให้บ้านเมืองสงบ แต่บ้านเมืองจะสงบได้ก็หมายความว่าต้องตกลงกันทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็จะต้องมาว่ากันใหม่
“ ผมยังเห็นว่าประชาชนจำนวนมาก เราไม่พูดว่าใส่เสื้อสีอะไร ผมเชื่อว่าเขาต้องการเห็นบ้านเมืองสงบที่สุด และเห็นการพุดคุยกันด้วยเหตุและผล เพราะฉะนั้นเมื่อวันนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ ใจผมก็คือ ก็น่าที่จะมาคุยกันต่อ แต่ทั้งนี้ก็อยุ่ที่ฝ่ายเสื้อแดง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าถ้ากระบวนการเจรจาต้องล้มลงทุกอย่างจะต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ 9 เดือนตรงนั้นไม่ใช่สัญญา อภิสิทธิ์ กล่าวว่า 9 เดือนนั้นก็คงจะต้องพักไป เมื่อถามว่าถ้าเสื้อแดงยุติการชุมนุม นายกฯก็พร้อมจะทำตามเงื่อนไข นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าที่ตรงลงกันไปเงื่อนไขก็คือว่า
“ ผมจะทำมากกว่า เรื่องการยุติการชุมนุมด้วยซ้ำ วันนี้เสนอไปหมด ขุ่นข้อง หมองใจ เรื่องอะไรก็เอามากางดู คดีความมี 2 มาตราไหม สื่อต่างๆ ที่ออกไปมีลักษณะที่ทำให้เกิดความแตกแยกก็เอามาไล่ดูกันหมด ยินดีที่จะทำงานด้วยกัน และภาคส่วนอื่นๆ ของสังคมด้วย ฉะนั้นผมว่าดีที่สุด ก็คือว่ากลุ่มคนเสื้อแดงที่เป็นกลุ่มที่มีปัญหาอยู่ น่าจะไปพิจารณาและอีก 2 วันค่อยมาคุยกัน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังเจรจาเสร็จสิ้น นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางเข้าบ้านพักย่านสุขุมวิททันที
นปช.ผ่านฟ้าขึ้นเวที ระบุแค่ไปฟังคำตอบ ไม่เจรจา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ว่า ก่อนที่จะมีการเจรจาเกิดขึ้นในรอบที่สอง ผู้ชุมนุมเสื้อแดงยังปักหลักฟังการปราศรัยอย่างเหนียวแน่น แต่ส่วนใหญ่ไม่สนใจรอฟังการเจรจาอย่างตั้งใจเหมือนการเจรจานัดแรก โดยแกนนำที่ขึ้นปราศรัยย้ำว่าวันนี้แกนนำ นปช.จะไปฟังคำตอบของนายกรัฐมนตรีเท่านั้นจะไม่มีการเจรจาใดๆทั้งสิ้น
ขณะที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้จับกลุ่มวิเคราะห์การเจรจาที่เกิดขึ้นวานนี้ว่า เป็นเพียงการเล่นละครระหว่างรัฐบาลและแกนนำ นปช.เท่านั้น ไม่มีผลที่จะทำให้การเคลื่อนไหวยุติลง เพราะคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่เคยเชื่อคำพูดนายอภิสิทธิ์อยู่แล้ว ดังนั้นหลังจากนี้ นปช.จะยังเดินหน้าจัดตั้งความคิดของคนต่างจังหวัดผ่านสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนลต่อไป ขณะนี้กระแสม็อบของเสื้อแดงถือว่าจุดติดแล้ว มวลชนสามารถสลับสับเปลี่ยนกำลังกันมาร่วมชุมนุมได้ แม้จะยาวนานเป็นเดือนก็อยู่ได้โดยไม่สนใจว่าการเจรจาจะเป็นอย่างไร
”ณัฐวุฒิ” บ้า! ไม่เจรจาแล้ว
เวลา 20.30 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. ขึ้นกล่าวปราศรัย ว่า นายกฯปฎิเสธข้อเสนอโดยสันติโดยเสนอว่าจะอยู่อีก 9 เดือน เมื่อข้อเสนอ 2 ฝ่ายสวนทางสิ้นเชิง ดังนั้นบัดนี้การเจรจาระหว่างนปช.และรัฐบาล ยุติลงแล้ว การนัดหมายสนทนาทางโทรทัศน์จะไม่เกิดขึ้นอีก จากนี้เดินหน้าขับไล่รัฐบาลโดยสันติวิธีต่อไป
“ขอเรียกร้องนักสู้เสื้อแดงทั้งแผ่นดินให้หลั่งไหลมารวมกันในวันนี้และวันต่อๆไปขับไล่รัฐบาล เราจะจัดทัพ ปรับขบวนแล้วเดินหน้าสู้กันต่อไป สันติวิธี คือหลักการที่ต้องยึดกุมแต่เป้าหมายคือยุบสภาสถานเดียวแม้วันนี้ยังไม่ได้ชกกันแต่ถ้านายอภิสิทธิ์ ยืนอยู่ข้างอำมาตย์ ตนยืนข้างประชาชน ยังไงก็ต้องชกกันอยู่ดี”นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อไปว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เลือกไม่ได้มาจากการเลือกของประชาชน ทำคลอดในค่ายทหารไม่ใช่คูหาเลือกตั้งโดยประชาชน ดังนั้นโจรที่ขึ้นบ้านประชาชน ไม่มีสิทธิ์บอกเจ้าของบ้านว่าจะทำอะไร แต่ต้องออกไปปล่อยให้บ้านเมืองเป็นของประชาชน
เด็กปชป.ขอ”ไอ้ตู่”อย่าข่มขู่นายกฯบ่ายวันเดียวกัน นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ได้แถลงเรียกร้องแกนนำนปช.โดยเฉพาะนายจตุพร พรหมพันธ์ลดท่าทีข่มขู่หรือขีดเส้นตายในการเจรจารอบที่ 2 กับนายกรัฐมนตรีในตอนเย็นวันนี้เนื่องจากจะทำให้การหาทางออกให้กับวิกฤติการณ์ของบ้านเมืองพบกับทางตันและนำไปสู่สถานการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา นายอรรถพรได้กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้แสดงนิติภาวะของการเป็นผู้นำประชาธิปไตยที่จะต้องอดทนและใจกว้างพร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย จนได้รับการยอมรับจากสังคมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศว่า เป็นความสวยงามของประชาธิปไตยในประเทศไทย ดังนั้น แกนนำของกลุ่มคนเสื้อแดงโดยเฉพาะนายจตุพร พรหมพันธ์ จะต้องลดท่าทีที่ก้าวร้าวและข่มขู่คุกคามลง เพื่อให้การหาทางออกให้บ้านเมืองทั้งก่อนและหลังเลือกตั้งเป็นไปด้วยความราบรื่นและเกิดประโยชน์กับทุกภาคส่วนของสังคม
“คุณจตุพรไม่ควรขีดเส้นตายตามใบสั่งของคนบางคน เพราะประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะทนไม่ได้ ถ้าประชาชนจะขีดเส้นตายกับคนเสื้อแดงบ้างว่าจะจัดชุมนุมใหญ่คัดค้านการยุบสภาภายในเวลา15วัน โดยเริ่มที่จังหวัดเพชรบุรี และทุกจังหวัดของภาคกลาง คุณจตุพรจะรู้สึกอย่างไร”นายอรรถพรกล่าว
ส.ส.เพชรบุรีผู้นี้กล่าวในตอนท้ายว่า ในวันนี้(30 มี.ค.) ตนจะยื่นหนังสือถึงนายไพทูรย์ แก้วทองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้เร่งตรวจสอบไปยังแรงงานจังหวัดต่างๆกรณีการจัดจ้างแรงงานพม่าเข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อำเภอบ้านแหลมจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีการนำแรงงานพม่าเข้าร่วมการชุมนุมจำนวนมาก โดยจัดจ้าง2,000 บาทต่อคน.