ASTVผู้จัดการรายวัน - คนร้ายเหิมหนัก ยิงM79 สองลูกถล่มที่ประชุม ครม.สธ. ตกใส่โรงรถส่งผลให้รถยนต์เสียหาย 3 คัน คาดซุ่มยิงบนทางด่วน "ชวน" ชี้อุกอาจมาก ลั่นต้องหาคนผิดให้ได้ ปชป.ระบุส่งสัญญาณรุนแรง หวัง 3 เป้า "ล้มรัฐ ล้มคดีทักษิณ ล้มองคมนตรี" ขณะที่เชียงใหม่ยิง M79 ใส่เซ็นทรัลแอร์พอร์ตฯ ตร.ออกภาพสเก็ซต์-เสนอหมายจับ 2 คนร้ายยิงอาร์พีจี
เมื่อเวลา 14.45 น.วานนี้(23 มี.ค.)พ.ต.ท.มงคล ขาวผ่อง พนักงานสอบสวน (สบ 3) สภ.เมืองนนทบุรี รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดขึ้นภายในกระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์ อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อม พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ ผบก.นนทบุรี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด
ในที่เกิดเหตุ เป็นบริเวณลานจอดรถของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) หลังกรมสุขภาพจิต ลักษณะเป็นลานจอดรถกว้าง อยู่ใกล้กับทางด่วน ช่วงระหว่างประชานุกูลไปงามวงศ์วาน โดยลานจอดรถดังกล่าวมีหลังคามุงและแบ่งเป็น 4 หลัง ซึ่งที่ลานจอดหลังแรก พบแรงระเบิดทำให้หลังคา มุมขวาแตก เป็นรูขนาดใหญ่ สะเก็ตระเบิดตกกระจัดกระจาย ส่วนอีกหลังอยู่ถัดไป เจ้าหน้าที่พบหลุมที่พื้นลึก 25 ซม. และมีรถยนต์ที่จอดอยู่ได้รับความเสียหาย 3 คัน ประกอบด้วย รถยนต์เชฟโรเลต สีเทาดำ ทะเบียนป้ายแดง ฉ-0992 กทม. ได้รับความเสียหายกระจกแตก รถยนต์วอลโว่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 7ว-3690 กทม. ได้รับความเสียหายยางขวาล้อหลังแตก และรถยนต์โตโยต้า วีออส ทะเบียน ษง 2655 กทม. ได้รับความเสียหาย ยางขวาล้อหลักแตก และกันชนด้านหลังสะเก็ตระเบิดเป็นรอยหลายรอย แต่เบื้องต้นไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ยิงระเบิดดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังจากที่รถของคณะรัฐมนตรี ได้ทยอยออกจากการประชุม ครม.แล้ว โดยนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ รมว.สาธารณสุข ออกไปเป็นคันสุดท้ายพอดี
นายอวยชัย มนศิริ เจ้าหน้าที่ สพฉ.ให้การว่า ขณะเกิดเหตุ ได้ยินเสียงระเบิดตดังขึ้น 1 ครั้ง เบื้องต้นคิดว่า เป็นหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด จึงลุกวิ่งไปดู และเห็นทหาร 2 นายกำลังวิ่งไปดูที่ลานจอดรถในที่เกิดเหตุ และขณะที่ทหารกำลังวิ่งไปนั้น ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง และพบว่า ที่บริเวณลานจอดรถที่อยู่ติดกัน มีรถได้รับความเสียหาย
**ประสานทางด่วนขอวงจรปิด**
พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ ผบก.นนทบุรี กล่าวว่า ช่วงที่ ครม.ประชุมอยู่นั้น ทาง พล.ต.ท.กฤษฎา ได้ส่งกำลังมาให้ทั้งหมด 4 กองร้อย และกำลังของตำรวจนนทบุรี อีก 4 กองร้อย ร่วมกับทหารดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย แต่หลังจาก ครม.ประชุมเสร็จได้ประมาณ 30 นาที เป็นช่วงที่ตำรวจและทหารกำลังถอนกำลังออก ก็เกิดเหตุระเบิดขึ้น เบื้องต้น คาดว่าน่า จะเป็นเครื่องยิงลูกระเบิดแบบ เอ็ม 79 แต่ทั้งนี้ ต้องรอผู้ชำนาญการทำการตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นระเบิดชนิดไหน
"หลังเกิดเหตุ ทาง พล.ต.ท.กฤษฎา ได้ขึ้นไปยังอพาร์ทเมนม์ที่อยู่ติดรั้วกระทรวง เพื่อไปตรวจสอบหาวิถีการยิงว่า จะมาจากทิศทางใด และหลังจากได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของการทางพิเศษ(ทางด่วน)แล้ว ทราบว่า มีกล้องวงจรปิด 2 ตัว ซึ่งกำลังส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานขอภาพมาตรวจสอบหาเบาะแสของคนร้ายต่อไป
**"จุรินทร์"ชี้เหตุรุนแรงมากขึ้น**
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยหลังตรวจจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นคาดว่าเป็นการยิงมาจากทางด่วน ภายหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถอนกำลังไม่กี่นาที ซึ่งตนเชื่อว่าเกี่ยวโยงสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ และสะท้อนให้เห็นว่ามีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้จะต้องมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือไม่เพราะเกิดเหตุบ่อยครั้ง อยู่ที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณา
รมว.สาธารณสุข กล่าวอีกว่า คณะรัฐมนตรีจะใช้พื้นที่ของกระทรวงประชุมคณะรัฐมนตรีอีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับฝ่ายความมั่นคงจะพิจารณา
**"ชวน"รับเหตุอุกอาจน่าห่วง**
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุคนร้ายยิงระเบิด เอ็ม 79 ใส่กระทรวงสาธารณสุข ว่าถือเป็นเหตุที่อุกอาจมาก และน่าเป็นห่วง เพราะเป็นการก่อเหตุในช่วงเวลากลางวัน ซึ่งต้องหาตัวผู้ทำผิดมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก
นายชวนกล่าวต่อว่า แม้จะเกิดเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่กระทรวงสาธารณสุข ตนก็ยังยืนยันที่จะเดินทางไปร่วมการประชุมสภาในวันที่ 24 มี.ค.นี้ ส่วนที่จำเป็นต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจจำนวนมากในการดูแลความปลอดภัยที่รัฐสภานั้น ก็เพื่อความปลอดภัยและมีความจำเป็น ซึ่งอาจจะเกิดความไม่สะดวกกับประชาชนบ้าง อย่างไรก็ตามส่วนตัวยังเห็นว่าควรใช้เวทีของสภาในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้
**เชื่อลดความน่าเชื่อถือทีม รปภ.**
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้น ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อให้เห็นว่ามีเรื่องเกิดขึ้น ซึ่งในพื้นที่ควบคุมถือว่าปลอดภัย ซึ่งพื้นที่ในกระทรวงสาธารณสุขถือว่ากว้างดูแลยาก
เมื่อถามว่าเหตุที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า กำลังดูในรายละเอียด ซึ่งคิดว่าในพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ไว้ อย่างไรก็ตามในการรักษาความปลอดภัยได้มีการปรับตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง สิ่งใดที่มีช่องว่างก็พยายามปรับปรุง ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีการสร้างสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา เป็นความพยายามปั่นป่วน ลดความน่าเชื่อถือของฝ่ายที่พยายามดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยความ
**ปชป.ชี้ส่งสัญญาณเพิ่มความรุนแรง
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีนายชุมพล กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ประธานส.ส.พรรคเป็นประธานในที่ประชุม โดยการประชุมเป็นไปอย่างคึกคัก มีรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมหลายคน อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ
ภายหลังการประชุมนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคได้ประเมินสถานการณ์การเมืองและความมั่นคง โดยเฉพาะเหตุระเบิดที่กระทรวงสาธารณสุข ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนแนวทางการเคลื่อนไหวไปอีกระดับ โดยมีเป้าหมาย 3 ประกาศคือ ล้มรัฐบาล ล้มคดีอาญาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และล้มความน่าเชื่อถือของสถาบันองคมนตรี
โดยมีการปรับยุทธวิธี 3 ด้าน คือ 1 .แบ่งงานกันทำ โดยอ้างว่าต่อสู้อย่างสันติ แต่มีอีกกลุ่มหนึ่งก่อความวุ่นวาย เพื่อเพิ่มชนวนความขัดแย้ง 2 .การชุมนุมยืดเยื้อและเคลื่อนไปทั้งกทม.และต่างจังหวัด 3 .การสร้างความขัดแย้งด้วยข้อมูลเท็จ ซึ่งรัฐบาลจะต้องดำเนินใน 3 มาตรการ คือ 1 .สร้างความเข้าใจกับประชาชน 2 .รัฐบาลต้องป้องกันไม่ให้เกิดการยั่วยุ ซึ่งอาจจะเกิดการเผชิญหน้า 3 .รัฐบาล ต้องใช้กฎหมายรักษาความสงบสุขในบ้านเมือง และต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนด้วยการขยายผล โยงไปถึงกลุ่มผู้ดำเนินการ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าข้อเสนอเรื่องการยุบสภา จะไม่ใช่ทางแก้ปัญหาให้ประชาชน
**ยิง M79 หวังถล่มเซ็นทรัลแอร์พอร์ต
ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 15.00 น.วานนี้ (23 มี.ค.) พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และ พล.ต.ต.สุธีระ ปุณณะบุตร ผบก.สส.ภ.5 พร้อมสารวัตรทหารนำโดย ร.ท.ไล กัณทะวงศ์ รอง ผบ.สห.มทบ.33 เชียงใหม่ ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบอาคารฝั่งตะวันออกของเซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่า จ.เชียงใหม่ ศูนย์การค้าชื่อดัง หลังได้รับแจ้งพบวัตถุคล้ายระเบิดตกอยู่ที่บริเวณพื้นติดกับผนังอาคารห้างฯ ซึ่งเมื่อไปถึงและตรวจสอบพบวัตถุดังกล่าวว่า เป็นลูกระเบิดชนิดเอ็ม 79 ซึ่งยังไม่ถูกใช้งาน
ทั้งนี้ พล.ต.ต.สมหมาย กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยังพบรอยกระแทกบนผนังเป็นหลุมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้วอยู่สูงจากพื้นประมาณ 5 เมตร ซึ่งต้องรอตรวจสอบว่าเกิดจากการยิงระเบิดดังกล่าวเข้าใส่หรือเป็นรอยที่เกิดขึ้นก่อนหน้าแล้ว
"เบื้องต้นตั้งประเด็นว่า มีเป้าหมายต้องการข่มขู่เป็นหลัก แต่ต้องตรวจสอบว่าเป็นการยิงมาจากที่อื่น แต่หัวกระสุนด้าน จึงนำมาวางไว้ หรืออาจจะยิงตรงมาที่นี่เลยก็เป็นได้" พล.ต.ต.สมหมาย กล่าว
ด้าน ร.ท.ไล กัณทะวงศ์ รอง ผบ.สห.มทบ.33 เชียงใหม่ กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่าเป็นลูกระเบิดเอ็ม 79 ชนิดสังหาร คาดว่าคนร้ายน่าจะยิงตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่เพิ่งมาพบและเป็นการยิงมาจากบนสะพานต่างระดับโดยใช้เครื่องยิงชนิดเอ็ม 203 แต่เนื่องจากรอบการยิงไม่ถึงจึงทำให้ไม่ระเบิด แต่ระเบิดชนิดนี้หากเกิดระเบิดจะมีรัศมีการทำลายล้างในระยะ 5 เมตรจะส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตได้และเป็นระเบิดที่มีใช้ทั้งในหน่วยงานของตำรวจและทหาร
**ผู้บริหารเซ็นทรัลพัฒนายันเปิดบริการปกติ
ขณะเดียวกัน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงว่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ทั้งนี้ เมื่อมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ได้เสริมมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้มาใช้บริการ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอเรียนยืนยันว่า จะดำเนินการรักษาความปลอดภัยและดูแลความเรียบร้อยภายในสถานที่ของเราอย่างเต็มที่ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าที่มาใช้บริการ และร้านค้าในศูนย์ฯ เป็นสำคัญ
**หมายจับ2 มือยิงอาร์พีจี**
พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.)เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายก่อเหตุยิงระเบิดอาร์พีจี ถล่มกระทรวงกลาโหม เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมนำภาพสเกตช์ 2 คนร้ายในเหตุดังกล่าวมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนว่า จากการสอบสวนพยานบุคคลในที่เกิดเหตุและผู้ที่เห็นเหตุการณ์ช่วงหลังเกิดเหตุเล็กน้อย และพยานที่เห็นช่วงคนร้ายหลบหนีสามารถสเกตช์ภาพคนร้ายได้ใกล้เคียงอย่างยิ่ง จึงมีการออกภาพสเก็ตช์และขอหมายจับจากศาล โดยพยานยืนยันว่า มีความคล้ายกับคนร้ายประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ โดยคนร้ายทั้ง 2 คนมีรูปร่างสูงใหญ่ทั้งคู่ ใกล้เคียงกันส่วนสูงประมาณ 170 เซนติเมตร ใส่หมวก 1 คน และไม่ใส่หมวก 1 คน ลักษณะตามภาพ หลังเกิดเหตุทั้ง 2 คนได้หลบหนีไป ซึ่งตรงกับภาพวงจรปิดที่ตำรวจได้มา
“สำหรับการสอบสวนถือว่าคืบหน้าไปมาก จากหลักฐานที่ได้จากในรถหลายอย่าง และกำลังเร่งตรวจสอบให้ชัดเจนจากกองพิสูจน์หลักฐาน โดยใช้นิติวิทยาศาสตร์มาช่วย เพื่อให้เกิดความแน่ชัดอีกครั้ง” พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าว
**แย้มตอนนี้รู้ตัวคนร้ายแล้ว**
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยและคนร้ายได้แล้วใช่หรือไม่ พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า ยังไม่มี โดยผู้สื่อข่าวพยายามถามย้ำอีกว่า จากแนวทางการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ตามภาพสเก็ตช์เป็นทั้งคนมีสี และคนนอกราชการใช่หรือไม่ ผบช.น.ยืนยันว่า คงบอกไม่ได้ในตอนนี้ขอปิดไว้เป็นความลับในสำนวนการสอบสวนก่อน แต่ยืนยันได้ว่า ตอนนี้เรารู้ตัวแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กลุ่มคนร้ายที่กระทำการนี้เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคนร้ายคดียิงระเบิดเอ็ม 79 หน้า ร.1 ถนนวิภาวดี หรือไม่ พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า กำลังพยายามรวบรวบพยานหลักฐานอยู่ แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเชื่อมโยง ซึ่งเมื่อถามว่าเหตุที่พบมีการเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่ ป.ป.ช.หรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า ยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงกัน
**โต้"เด็จพี่"ปูดมั่ว โก้ นครบาล**
พล.ต.ท.สัณฐาน ยังกล่าวถึงเหตุระเบิดที่แขวงการทางตลิ่งชันด้วยว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน ตามความรู้สึกเบื้องต้น ตู้ยามตรงแขวงการทางก็ไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง อีกทั้งทราบว่า ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมีการไล่พนักงานรักษาความปลอดภัยไป 1 คน น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า
ผบช.น.กล่าวถึงกรณี นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยออกมาเปิดโปงว่า ผู้ที่ครอบครองรถกระบะคันก่อเหตุข้างกระทรวงกลาโหมชื่อ โก้ เป็นผู้มีความสัมพันธ์กับนายตำรวจใหญ่ในนครบาลใช่ท่านหรือไม่ และมีการตรวจสอบข้อมูลตรงนี้อย่างไร พล.ต.ท.สัณฐาน หัวเราะ แล้วตอบว่า ไม่มีหรอก โก้นครบาล หากมีก็ใส่กุญแจมือแล้ว ตำรวจใหญ่ในนครบาลมีหลายคน คงต้องไปถามนายพร้อมพงศ์อีกทีแล้วกันว่าเป็นใคร
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เมื่อท่านยืนยันแบบนี้แสดงว่าไม่เกี่ยวข้องกับข่าวที่เกิดขึ้น พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า ผมไม่ขอตอบดีกว่า เพราะการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องมีความคืบหน้าเข้ามาเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะมีการตรวจสอบในประเด็นนี้อย่างไร ผบช.น.ตอบว่า ต้องตรวจสอบในทุกประเด็นที่มีการพูดกัน ต้องขอบคุณนายพร้อมพงศ์ ด้วย ที่พูดประเด็นนี้มาให้เราได้ตรวจสอบ
“ผมขอยืนยันตรงนี้ว่า การทำงานของตำรวจต้องชัดเจน แน่นอน ไม่มีแพะโดยเด็ดขาด เพราะผมไม่ชอบกินแพะอยู่แล้ว งานนี้ไม่มีการแทรกแซงจากการเมืองแน่นอน ทุกอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา เพราะเมื่อตรงไปตรงมาแล้วคนยิงต้องยุติเสียที” พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมภาพสเกตช์ที่ได้ เพื่อเตรียมขออนุมัติศาลในการออกหมายจับคนร้ายทั้ง 2 คนแล้ว
**"ปทีป"ขอเวลาให้ตำรวจทำงาน**
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.กล่าวถึงเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ที่กระทรวงสาธารณสุข ว่าเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน ยังไม่ได้รับรายงานจึงยังไม่ทราบรายละเอียด ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่เกิดเหตุระเบิดหลายครั้งตำรวจยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ น่าจะเกิดจากประเด็นอะไร พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ตำรวจพยามยามมองทุกประเด็น แต่ให้ตอบชัดว่าประเด็นไหนตอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการปฏิวัตินั้นตนเองยังไม่ได้ข่าวเลย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่า มีการจับกุมตำรวจนอกราชการภาค 8 เป็นคนยิงอาร์พีจีที่กระทรวงกลาโหม และมีตำรวจใหญ่เกี่ยวข้อง รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้ทางตำรวจนครบาลยังดำเนินการอยู่ และตนเองยังไม่ได้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ คดีนี้ทางนครบาลกำลังสืบสวนสอบสวน ก่อนหน้านี้ ไปดูที่เกิดเหตุตอบได้ระดับหนึ่ง ว่า นครบาลสามารถสืบสวนสอบสวนตีกรอบได้แคบขึ้น ส่วนรายละเอียดพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะเกี่ยวกับสำนวนการสอบสวน
ต่อข้อถามที่ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการกระทำจากภาครัฐ รรท.ผบ.ตร. บอกว่า อย่าเพิ่งไปตั้งข้อสังเกตุแบบนั้น แสดงว่า ตำรวจไม่ได้มองประเด็นนี้เลย รรท.ผบ.ตร.ยืนยันดูทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนทำก็ตาม ตอนนี้ก็ปล่อยให้ ผบช.น.ดำเนินการไปก่อน เพราะมอบให้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ไปรับผิดชอบโดยตรง ส่วนจะออกหมายจับผู้ต้องหาได้หรือไม่ เพราะมีการเผยแพร่ภาพสเกตช์แล้ว รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า ก็แค่ผู้ต้องสงสัยกำลังติดตามตัวอยู่
**"สุเทพ"ลั่นเป็นใครจับหมด**
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ระเบิดที่กระทรวงสาธารณสุขว่า ตนเคยเรียนมาก่อนหน้านี้ว่า เป็นเรื่องที่เรากังวลอยู่แล้ว เพราะคนพวกนี้มาพร้อมๆกันหลายแนวทาง เพราะคนที่ใช้ความรุนแรงก็ออกปฏิบัติการอยู่ตลอด รัฐบาลจะพยายามใช้กำลังเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน ติดตามหาคนที่กระทำความผิดก่อกวนบ้านเมืองมาดำเนินคดีลงโทษให้ได้
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณีเหตุยิงระเบิดอาร์พีจี เข้ากระทรวงกลาโหม ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีนายทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม ตนจับหมดแหละ เมื่อถามว่า มีการระบุว่ามีการใช้ซิมการ์ดที่ใช้ในราชการ ตามที่โฆษกรัฐบาลออกมาเปิดเผย นายสุเทพ กล่าวว่า ข้อมูลอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้
**ศอ.รส.ยัน ผบ.ทบ.ไม่กังวล**
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงข่าวภายหลังการประชุม ศอ.รส.ถึงกรณีคดีที่ยิงอาร์พีจีที่กระทรวงกลาโหม ที่มีข่าวการโยงไปที่ทหารในค่ายทหารแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก ว่า ตำรวจยังไม่ได้รายงานในที่ประชุม แต่จะเป็นใครหน่วยต้นสังกัดไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ ใครทำก็เป็นเรื่องตัวบุคคล ถ้าได้ตัว ตำรวจจะนำเรื่องราวทั้งหมดมาเปิดเผย ซึ่งผบ.ทบ.ไม่ได้กังวลในเรื่องนี้ ซึ่งหาตัวคนร้ายได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี จะเป็นทหาร หรือ ตำรวจ ที่ไปลงมือ ล้วนเป็นคนที่แตกแถวทั้งสิ้น
“ส่วนข่าวที่ ศอ.รส. ไม่สบายใจ คือ การก่อเหตุวุ่นวายที่พยายามสร้างสถานการณ์ไม่ว่าระเบิดเอ็ม 79 ยิงอาร์พีจี ซึ่งยืนยันว่า ศอ.รส. เจ้าหน้าที่รัฐทหารตำรวจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้ เป็นไปไม่ได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะทำ เพราะหากเกิดเหตุรุนแรงผู้ที่ได้รับผลกระทบและแรงกดดันคือเจ้าหน้าที่รัฐ และอีกเรื่องคือข่าวลือว่าเจ้าหน้าที่เตรียมการติดอาวุธและนำอาวุธมาใช้กับประชาชน โดยเข้ามาสลายผู้ชุมนุม เป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง”พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
**ไอ้ตู่จี้หาตัว‘สารวัตรโก้’ยิงอาร์พีจี**
นายจตุพร พรหมพันธ์ กล่าวถึงการณการยิงจรวดอาร์พีจีที่บริเวณกระทรวงกลาโหม ว่า รัฐบาลต้องรีบสอบสวนเรื่องนี้ให้ชัด เพราะตนทราบมารถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุมาจากบ่อนการพนันแห่งหนึ่ง โดยมีการเปลี่ยนมือมาหลายครั้ง จนมาถึงมือของนายตำรวจในนครบาลคนหนึ่งที่รู้จักกันดี ในชื่อ สารวัตรโก้ ที่นำรถคันนี้มาจากจังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ซึ่งในนครบาลไม่มีใครไม่รู้จักสารวัตรโก้ ดังนั้นรัฐบาลต้องแถลงให้ชัดมีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะที่ผ่านมามีการกล่าวหาว่าประมาณว่าคนเสื้อแดงอยู่เบื้องหลัง
เมื่อเวลา 14.45 น.วานนี้(23 มี.ค.)พ.ต.ท.มงคล ขาวผ่อง พนักงานสอบสวน (สบ 3) สภ.เมืองนนทบุรี รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดขึ้นภายในกระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์ อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อม พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ ผบก.นนทบุรี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด
ในที่เกิดเหตุ เป็นบริเวณลานจอดรถของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) หลังกรมสุขภาพจิต ลักษณะเป็นลานจอดรถกว้าง อยู่ใกล้กับทางด่วน ช่วงระหว่างประชานุกูลไปงามวงศ์วาน โดยลานจอดรถดังกล่าวมีหลังคามุงและแบ่งเป็น 4 หลัง ซึ่งที่ลานจอดหลังแรก พบแรงระเบิดทำให้หลังคา มุมขวาแตก เป็นรูขนาดใหญ่ สะเก็ตระเบิดตกกระจัดกระจาย ส่วนอีกหลังอยู่ถัดไป เจ้าหน้าที่พบหลุมที่พื้นลึก 25 ซม. และมีรถยนต์ที่จอดอยู่ได้รับความเสียหาย 3 คัน ประกอบด้วย รถยนต์เชฟโรเลต สีเทาดำ ทะเบียนป้ายแดง ฉ-0992 กทม. ได้รับความเสียหายกระจกแตก รถยนต์วอลโว่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 7ว-3690 กทม. ได้รับความเสียหายยางขวาล้อหลังแตก และรถยนต์โตโยต้า วีออส ทะเบียน ษง 2655 กทม. ได้รับความเสียหาย ยางขวาล้อหลักแตก และกันชนด้านหลังสะเก็ตระเบิดเป็นรอยหลายรอย แต่เบื้องต้นไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ยิงระเบิดดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังจากที่รถของคณะรัฐมนตรี ได้ทยอยออกจากการประชุม ครม.แล้ว โดยนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ รมว.สาธารณสุข ออกไปเป็นคันสุดท้ายพอดี
นายอวยชัย มนศิริ เจ้าหน้าที่ สพฉ.ให้การว่า ขณะเกิดเหตุ ได้ยินเสียงระเบิดตดังขึ้น 1 ครั้ง เบื้องต้นคิดว่า เป็นหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด จึงลุกวิ่งไปดู และเห็นทหาร 2 นายกำลังวิ่งไปดูที่ลานจอดรถในที่เกิดเหตุ และขณะที่ทหารกำลังวิ่งไปนั้น ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง และพบว่า ที่บริเวณลานจอดรถที่อยู่ติดกัน มีรถได้รับความเสียหาย
**ประสานทางด่วนขอวงจรปิด**
พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ ผบก.นนทบุรี กล่าวว่า ช่วงที่ ครม.ประชุมอยู่นั้น ทาง พล.ต.ท.กฤษฎา ได้ส่งกำลังมาให้ทั้งหมด 4 กองร้อย และกำลังของตำรวจนนทบุรี อีก 4 กองร้อย ร่วมกับทหารดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย แต่หลังจาก ครม.ประชุมเสร็จได้ประมาณ 30 นาที เป็นช่วงที่ตำรวจและทหารกำลังถอนกำลังออก ก็เกิดเหตุระเบิดขึ้น เบื้องต้น คาดว่าน่า จะเป็นเครื่องยิงลูกระเบิดแบบ เอ็ม 79 แต่ทั้งนี้ ต้องรอผู้ชำนาญการทำการตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นระเบิดชนิดไหน
"หลังเกิดเหตุ ทาง พล.ต.ท.กฤษฎา ได้ขึ้นไปยังอพาร์ทเมนม์ที่อยู่ติดรั้วกระทรวง เพื่อไปตรวจสอบหาวิถีการยิงว่า จะมาจากทิศทางใด และหลังจากได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของการทางพิเศษ(ทางด่วน)แล้ว ทราบว่า มีกล้องวงจรปิด 2 ตัว ซึ่งกำลังส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานขอภาพมาตรวจสอบหาเบาะแสของคนร้ายต่อไป
**"จุรินทร์"ชี้เหตุรุนแรงมากขึ้น**
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยหลังตรวจจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นคาดว่าเป็นการยิงมาจากทางด่วน ภายหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถอนกำลังไม่กี่นาที ซึ่งตนเชื่อว่าเกี่ยวโยงสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ และสะท้อนให้เห็นว่ามีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้จะต้องมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือไม่เพราะเกิดเหตุบ่อยครั้ง อยู่ที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณา
รมว.สาธารณสุข กล่าวอีกว่า คณะรัฐมนตรีจะใช้พื้นที่ของกระทรวงประชุมคณะรัฐมนตรีอีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับฝ่ายความมั่นคงจะพิจารณา
**"ชวน"รับเหตุอุกอาจน่าห่วง**
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุคนร้ายยิงระเบิด เอ็ม 79 ใส่กระทรวงสาธารณสุข ว่าถือเป็นเหตุที่อุกอาจมาก และน่าเป็นห่วง เพราะเป็นการก่อเหตุในช่วงเวลากลางวัน ซึ่งต้องหาตัวผู้ทำผิดมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก
นายชวนกล่าวต่อว่า แม้จะเกิดเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่กระทรวงสาธารณสุข ตนก็ยังยืนยันที่จะเดินทางไปร่วมการประชุมสภาในวันที่ 24 มี.ค.นี้ ส่วนที่จำเป็นต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจจำนวนมากในการดูแลความปลอดภัยที่รัฐสภานั้น ก็เพื่อความปลอดภัยและมีความจำเป็น ซึ่งอาจจะเกิดความไม่สะดวกกับประชาชนบ้าง อย่างไรก็ตามส่วนตัวยังเห็นว่าควรใช้เวทีของสภาในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้
**เชื่อลดความน่าเชื่อถือทีม รปภ.**
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้น ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อให้เห็นว่ามีเรื่องเกิดขึ้น ซึ่งในพื้นที่ควบคุมถือว่าปลอดภัย ซึ่งพื้นที่ในกระทรวงสาธารณสุขถือว่ากว้างดูแลยาก
เมื่อถามว่าเหตุที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า กำลังดูในรายละเอียด ซึ่งคิดว่าในพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ไว้ อย่างไรก็ตามในการรักษาความปลอดภัยได้มีการปรับตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง สิ่งใดที่มีช่องว่างก็พยายามปรับปรุง ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีการสร้างสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา เป็นความพยายามปั่นป่วน ลดความน่าเชื่อถือของฝ่ายที่พยายามดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยความ
**ปชป.ชี้ส่งสัญญาณเพิ่มความรุนแรง
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีนายชุมพล กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ประธานส.ส.พรรคเป็นประธานในที่ประชุม โดยการประชุมเป็นไปอย่างคึกคัก มีรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมหลายคน อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ
ภายหลังการประชุมนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคได้ประเมินสถานการณ์การเมืองและความมั่นคง โดยเฉพาะเหตุระเบิดที่กระทรวงสาธารณสุข ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนแนวทางการเคลื่อนไหวไปอีกระดับ โดยมีเป้าหมาย 3 ประกาศคือ ล้มรัฐบาล ล้มคดีอาญาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และล้มความน่าเชื่อถือของสถาบันองคมนตรี
โดยมีการปรับยุทธวิธี 3 ด้าน คือ 1 .แบ่งงานกันทำ โดยอ้างว่าต่อสู้อย่างสันติ แต่มีอีกกลุ่มหนึ่งก่อความวุ่นวาย เพื่อเพิ่มชนวนความขัดแย้ง 2 .การชุมนุมยืดเยื้อและเคลื่อนไปทั้งกทม.และต่างจังหวัด 3 .การสร้างความขัดแย้งด้วยข้อมูลเท็จ ซึ่งรัฐบาลจะต้องดำเนินใน 3 มาตรการ คือ 1 .สร้างความเข้าใจกับประชาชน 2 .รัฐบาลต้องป้องกันไม่ให้เกิดการยั่วยุ ซึ่งอาจจะเกิดการเผชิญหน้า 3 .รัฐบาล ต้องใช้กฎหมายรักษาความสงบสุขในบ้านเมือง และต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนด้วยการขยายผล โยงไปถึงกลุ่มผู้ดำเนินการ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าข้อเสนอเรื่องการยุบสภา จะไม่ใช่ทางแก้ปัญหาให้ประชาชน
**ยิง M79 หวังถล่มเซ็นทรัลแอร์พอร์ต
ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 15.00 น.วานนี้ (23 มี.ค.) พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และ พล.ต.ต.สุธีระ ปุณณะบุตร ผบก.สส.ภ.5 พร้อมสารวัตรทหารนำโดย ร.ท.ไล กัณทะวงศ์ รอง ผบ.สห.มทบ.33 เชียงใหม่ ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบอาคารฝั่งตะวันออกของเซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่า จ.เชียงใหม่ ศูนย์การค้าชื่อดัง หลังได้รับแจ้งพบวัตถุคล้ายระเบิดตกอยู่ที่บริเวณพื้นติดกับผนังอาคารห้างฯ ซึ่งเมื่อไปถึงและตรวจสอบพบวัตถุดังกล่าวว่า เป็นลูกระเบิดชนิดเอ็ม 79 ซึ่งยังไม่ถูกใช้งาน
ทั้งนี้ พล.ต.ต.สมหมาย กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยังพบรอยกระแทกบนผนังเป็นหลุมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้วอยู่สูงจากพื้นประมาณ 5 เมตร ซึ่งต้องรอตรวจสอบว่าเกิดจากการยิงระเบิดดังกล่าวเข้าใส่หรือเป็นรอยที่เกิดขึ้นก่อนหน้าแล้ว
"เบื้องต้นตั้งประเด็นว่า มีเป้าหมายต้องการข่มขู่เป็นหลัก แต่ต้องตรวจสอบว่าเป็นการยิงมาจากที่อื่น แต่หัวกระสุนด้าน จึงนำมาวางไว้ หรืออาจจะยิงตรงมาที่นี่เลยก็เป็นได้" พล.ต.ต.สมหมาย กล่าว
ด้าน ร.ท.ไล กัณทะวงศ์ รอง ผบ.สห.มทบ.33 เชียงใหม่ กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่าเป็นลูกระเบิดเอ็ม 79 ชนิดสังหาร คาดว่าคนร้ายน่าจะยิงตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่เพิ่งมาพบและเป็นการยิงมาจากบนสะพานต่างระดับโดยใช้เครื่องยิงชนิดเอ็ม 203 แต่เนื่องจากรอบการยิงไม่ถึงจึงทำให้ไม่ระเบิด แต่ระเบิดชนิดนี้หากเกิดระเบิดจะมีรัศมีการทำลายล้างในระยะ 5 เมตรจะส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตได้และเป็นระเบิดที่มีใช้ทั้งในหน่วยงานของตำรวจและทหาร
**ผู้บริหารเซ็นทรัลพัฒนายันเปิดบริการปกติ
ขณะเดียวกัน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงว่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ทั้งนี้ เมื่อมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ได้เสริมมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้มาใช้บริการ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอเรียนยืนยันว่า จะดำเนินการรักษาความปลอดภัยและดูแลความเรียบร้อยภายในสถานที่ของเราอย่างเต็มที่ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าที่มาใช้บริการ และร้านค้าในศูนย์ฯ เป็นสำคัญ
**หมายจับ2 มือยิงอาร์พีจี**
พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.)เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายก่อเหตุยิงระเบิดอาร์พีจี ถล่มกระทรวงกลาโหม เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมนำภาพสเกตช์ 2 คนร้ายในเหตุดังกล่าวมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนว่า จากการสอบสวนพยานบุคคลในที่เกิดเหตุและผู้ที่เห็นเหตุการณ์ช่วงหลังเกิดเหตุเล็กน้อย และพยานที่เห็นช่วงคนร้ายหลบหนีสามารถสเกตช์ภาพคนร้ายได้ใกล้เคียงอย่างยิ่ง จึงมีการออกภาพสเก็ตช์และขอหมายจับจากศาล โดยพยานยืนยันว่า มีความคล้ายกับคนร้ายประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ โดยคนร้ายทั้ง 2 คนมีรูปร่างสูงใหญ่ทั้งคู่ ใกล้เคียงกันส่วนสูงประมาณ 170 เซนติเมตร ใส่หมวก 1 คน และไม่ใส่หมวก 1 คน ลักษณะตามภาพ หลังเกิดเหตุทั้ง 2 คนได้หลบหนีไป ซึ่งตรงกับภาพวงจรปิดที่ตำรวจได้มา
“สำหรับการสอบสวนถือว่าคืบหน้าไปมาก จากหลักฐานที่ได้จากในรถหลายอย่าง และกำลังเร่งตรวจสอบให้ชัดเจนจากกองพิสูจน์หลักฐาน โดยใช้นิติวิทยาศาสตร์มาช่วย เพื่อให้เกิดความแน่ชัดอีกครั้ง” พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าว
**แย้มตอนนี้รู้ตัวคนร้ายแล้ว**
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยและคนร้ายได้แล้วใช่หรือไม่ พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า ยังไม่มี โดยผู้สื่อข่าวพยายามถามย้ำอีกว่า จากแนวทางการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ตามภาพสเก็ตช์เป็นทั้งคนมีสี และคนนอกราชการใช่หรือไม่ ผบช.น.ยืนยันว่า คงบอกไม่ได้ในตอนนี้ขอปิดไว้เป็นความลับในสำนวนการสอบสวนก่อน แต่ยืนยันได้ว่า ตอนนี้เรารู้ตัวแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กลุ่มคนร้ายที่กระทำการนี้เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคนร้ายคดียิงระเบิดเอ็ม 79 หน้า ร.1 ถนนวิภาวดี หรือไม่ พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า กำลังพยายามรวบรวบพยานหลักฐานอยู่ แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเชื่อมโยง ซึ่งเมื่อถามว่าเหตุที่พบมีการเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่ ป.ป.ช.หรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า ยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงกัน
**โต้"เด็จพี่"ปูดมั่ว โก้ นครบาล**
พล.ต.ท.สัณฐาน ยังกล่าวถึงเหตุระเบิดที่แขวงการทางตลิ่งชันด้วยว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน ตามความรู้สึกเบื้องต้น ตู้ยามตรงแขวงการทางก็ไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง อีกทั้งทราบว่า ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมีการไล่พนักงานรักษาความปลอดภัยไป 1 คน น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า
ผบช.น.กล่าวถึงกรณี นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยออกมาเปิดโปงว่า ผู้ที่ครอบครองรถกระบะคันก่อเหตุข้างกระทรวงกลาโหมชื่อ โก้ เป็นผู้มีความสัมพันธ์กับนายตำรวจใหญ่ในนครบาลใช่ท่านหรือไม่ และมีการตรวจสอบข้อมูลตรงนี้อย่างไร พล.ต.ท.สัณฐาน หัวเราะ แล้วตอบว่า ไม่มีหรอก โก้นครบาล หากมีก็ใส่กุญแจมือแล้ว ตำรวจใหญ่ในนครบาลมีหลายคน คงต้องไปถามนายพร้อมพงศ์อีกทีแล้วกันว่าเป็นใคร
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เมื่อท่านยืนยันแบบนี้แสดงว่าไม่เกี่ยวข้องกับข่าวที่เกิดขึ้น พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า ผมไม่ขอตอบดีกว่า เพราะการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องมีความคืบหน้าเข้ามาเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะมีการตรวจสอบในประเด็นนี้อย่างไร ผบช.น.ตอบว่า ต้องตรวจสอบในทุกประเด็นที่มีการพูดกัน ต้องขอบคุณนายพร้อมพงศ์ ด้วย ที่พูดประเด็นนี้มาให้เราได้ตรวจสอบ
“ผมขอยืนยันตรงนี้ว่า การทำงานของตำรวจต้องชัดเจน แน่นอน ไม่มีแพะโดยเด็ดขาด เพราะผมไม่ชอบกินแพะอยู่แล้ว งานนี้ไม่มีการแทรกแซงจากการเมืองแน่นอน ทุกอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา เพราะเมื่อตรงไปตรงมาแล้วคนยิงต้องยุติเสียที” พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมภาพสเกตช์ที่ได้ เพื่อเตรียมขออนุมัติศาลในการออกหมายจับคนร้ายทั้ง 2 คนแล้ว
**"ปทีป"ขอเวลาให้ตำรวจทำงาน**
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.กล่าวถึงเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ที่กระทรวงสาธารณสุข ว่าเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน ยังไม่ได้รับรายงานจึงยังไม่ทราบรายละเอียด ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่เกิดเหตุระเบิดหลายครั้งตำรวจยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ น่าจะเกิดจากประเด็นอะไร พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ตำรวจพยามยามมองทุกประเด็น แต่ให้ตอบชัดว่าประเด็นไหนตอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการปฏิวัตินั้นตนเองยังไม่ได้ข่าวเลย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่า มีการจับกุมตำรวจนอกราชการภาค 8 เป็นคนยิงอาร์พีจีที่กระทรวงกลาโหม และมีตำรวจใหญ่เกี่ยวข้อง รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้ทางตำรวจนครบาลยังดำเนินการอยู่ และตนเองยังไม่ได้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ คดีนี้ทางนครบาลกำลังสืบสวนสอบสวน ก่อนหน้านี้ ไปดูที่เกิดเหตุตอบได้ระดับหนึ่ง ว่า นครบาลสามารถสืบสวนสอบสวนตีกรอบได้แคบขึ้น ส่วนรายละเอียดพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะเกี่ยวกับสำนวนการสอบสวน
ต่อข้อถามที่ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการกระทำจากภาครัฐ รรท.ผบ.ตร. บอกว่า อย่าเพิ่งไปตั้งข้อสังเกตุแบบนั้น แสดงว่า ตำรวจไม่ได้มองประเด็นนี้เลย รรท.ผบ.ตร.ยืนยันดูทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนทำก็ตาม ตอนนี้ก็ปล่อยให้ ผบช.น.ดำเนินการไปก่อน เพราะมอบให้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ไปรับผิดชอบโดยตรง ส่วนจะออกหมายจับผู้ต้องหาได้หรือไม่ เพราะมีการเผยแพร่ภาพสเกตช์แล้ว รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า ก็แค่ผู้ต้องสงสัยกำลังติดตามตัวอยู่
**"สุเทพ"ลั่นเป็นใครจับหมด**
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ระเบิดที่กระทรวงสาธารณสุขว่า ตนเคยเรียนมาก่อนหน้านี้ว่า เป็นเรื่องที่เรากังวลอยู่แล้ว เพราะคนพวกนี้มาพร้อมๆกันหลายแนวทาง เพราะคนที่ใช้ความรุนแรงก็ออกปฏิบัติการอยู่ตลอด รัฐบาลจะพยายามใช้กำลังเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน ติดตามหาคนที่กระทำความผิดก่อกวนบ้านเมืองมาดำเนินคดีลงโทษให้ได้
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณีเหตุยิงระเบิดอาร์พีจี เข้ากระทรวงกลาโหม ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีนายทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม ตนจับหมดแหละ เมื่อถามว่า มีการระบุว่ามีการใช้ซิมการ์ดที่ใช้ในราชการ ตามที่โฆษกรัฐบาลออกมาเปิดเผย นายสุเทพ กล่าวว่า ข้อมูลอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้
**ศอ.รส.ยัน ผบ.ทบ.ไม่กังวล**
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงข่าวภายหลังการประชุม ศอ.รส.ถึงกรณีคดีที่ยิงอาร์พีจีที่กระทรวงกลาโหม ที่มีข่าวการโยงไปที่ทหารในค่ายทหารแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก ว่า ตำรวจยังไม่ได้รายงานในที่ประชุม แต่จะเป็นใครหน่วยต้นสังกัดไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ ใครทำก็เป็นเรื่องตัวบุคคล ถ้าได้ตัว ตำรวจจะนำเรื่องราวทั้งหมดมาเปิดเผย ซึ่งผบ.ทบ.ไม่ได้กังวลในเรื่องนี้ ซึ่งหาตัวคนร้ายได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี จะเป็นทหาร หรือ ตำรวจ ที่ไปลงมือ ล้วนเป็นคนที่แตกแถวทั้งสิ้น
“ส่วนข่าวที่ ศอ.รส. ไม่สบายใจ คือ การก่อเหตุวุ่นวายที่พยายามสร้างสถานการณ์ไม่ว่าระเบิดเอ็ม 79 ยิงอาร์พีจี ซึ่งยืนยันว่า ศอ.รส. เจ้าหน้าที่รัฐทหารตำรวจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้ เป็นไปไม่ได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะทำ เพราะหากเกิดเหตุรุนแรงผู้ที่ได้รับผลกระทบและแรงกดดันคือเจ้าหน้าที่รัฐ และอีกเรื่องคือข่าวลือว่าเจ้าหน้าที่เตรียมการติดอาวุธและนำอาวุธมาใช้กับประชาชน โดยเข้ามาสลายผู้ชุมนุม เป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง”พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
**ไอ้ตู่จี้หาตัว‘สารวัตรโก้’ยิงอาร์พีจี**
นายจตุพร พรหมพันธ์ กล่าวถึงการณการยิงจรวดอาร์พีจีที่บริเวณกระทรวงกลาโหม ว่า รัฐบาลต้องรีบสอบสวนเรื่องนี้ให้ชัด เพราะตนทราบมารถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุมาจากบ่อนการพนันแห่งหนึ่ง โดยมีการเปลี่ยนมือมาหลายครั้ง จนมาถึงมือของนายตำรวจในนครบาลคนหนึ่งที่รู้จักกันดี ในชื่อ สารวัตรโก้ ที่นำรถคันนี้มาจากจังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ซึ่งในนครบาลไม่มีใครไม่รู้จักสารวัตรโก้ ดังนั้นรัฐบาลต้องแถลงให้ชัดมีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะที่ผ่านมามีการกล่าวหาว่าประมาณว่าคนเสื้อแดงอยู่เบื้องหลัง
