นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง ยื่นคำขาดให้รัฐบาลยุบสภาภายใน 15 วันว่า สองฝ่ายต้องมีความจริงใจต่อกัน รัฐบาลต้องบอกให้ชัดว่า จะทำกติกาว่าจะแก้เมื่อไร แก้อะไร อย่างไร แล้วเมื่อไรจะเสร็จ แล้วจะยุบสภาเมื่อไร ซึ่งอาจจะยุบสภาภายในสิ้นปีนี้ก็ได้ เพราะถ้ายุบสภาทันทีทันใด คำถามจะเกิดขึ้นทันทีว่า เศรษฐกิจกำลังดีอยู่ เงินทุนไหลเข้ามามาก กำลังมีความเชื่อมั่น ถ้ายุบสภาตอนนี้เศรษฐกิจจะมีปัญหามากพอสมควร มุมมองจึงแตกต่างกันตรงนี้
ดังนั้นเสื้อแดงต้องโอนอ่อนผ่อนปรนด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องมีเป้าหมาย แล้วก็ยุบสภาก็จะมีธงที่แน่นอนว่าจะทำอย่างไร แต่ถ้าไปรอหมดสมัยประชุมสภาฯในปีหน้า คงจะไม่ทันและเรื่องการทำประชาพิจารณ์นั้น คงทำไม่ทัน คงทำไม่ได้
การเจรจาแล้วบอกว่าให้ยุบภายใน 15 วัน มันเร็วเกินไป เพราะตอนนี้มีปัญหาที่รัฐบาลต้องแก้ไข งบประมาณปี 2554 ก็กำลังจะมีการพิจารณา ไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะรีรอขอใช้งบประมาณ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เพราะถ้ายุบสภา งบประมาณก็ต้องเลื่อนออกไปอีก จะทำให้เกิดความเสียหาย
ส่วนที่นายวีระ มุสิกพงศ์ ไม่มั่นใจว่าการแก้ไขกติกานั้น จะแก้อะไร เมื่อไรจะเสร็จ เขาคิดอย่างนี้ แต่ถ้ากำหนดเวลาที่แน่นอน มันก็จบ มันก็จะไปกันได้
" แก้กติกา ก็คือแก้รัฐธรรมนูญ แก้กี่เดือนเสร็จ 3 หรือ 4 เดือน เสร็จก็ยุบสภา แต่ที่สำคัญคือ ต้องจริงใจซึ่งกันและกัน กรณีของรัฐธรรมนูญมันมีอยู่แล้วที่เป็นปัญหา รู้กันอยู่ว่าควรแก้อะไรบ้าง แต่มันไม่แก้เท่านั้นเอง ซึ่งกรรมการสมานฉันท์ก็มีออกมา 6 ประเด็นด้วยกัน ซึ่งเขาทำงานกันมาเกือบปีเต็มๆ จะยึดถืออันนี้ก็ได้ หรือถ้าไม่ยึดถือ จะแก้อะไรกี่ข้อ ก็ยกกันมาอีกก็ได้ มีทางทำได้หลายทาง ผมเรียนตรงๆว่าไม่ยาก การแก้เป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดเลย แต่ถ้าจะมัวมาทำประชามติ คงไม่ได้แก้กัน ใช้เวลามาก ต่างคนต่างความคิดเห็น" นายบรรหารกล่าว
กรณีที่หากจะหยิบยก 2 ประเด็น ที่พรรคร่วมรัฐบาลเคยเสนอขึ้นมาแก้ก่อน จะทันเวลาหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ทันถ้าจะแก้กันจริงๆ แต่รัฐบาลต้องลงมาเล่นด้วย ไม่ใช่โยนสภา เพราะสมัยตนแก้รัฐธรรมนูญ ตนก็ลงมาเอง ใช้เวลาไม่เกิน 5 เดือน ถ้าทำอย่างนี้เชื่อว่าเสื้อแดงคงยอม
**ต้องแก้รธน.ประเด็นยุบพรรค
นายบรรหาร ยอมรับว่า คงต้องเจรจากันต่อไปว่า จะให้เกิดรูปแบบใดขึ้นมา เพื่อให้เร็วขึ้น ซึ่งก็จริงอยู่ว่าเป็นเรื่องของสภา แต่รัฐบาลก็ต้องเกี่ยวข้องด้วย ส่วนกรณีที่หากนายกรัฐมนตรี ต้องการหารือกับหลายๆฝ่าย เพื่อให้เห็นตรงกัน และตกผลึกก่อนนั้น คงไม่ได้แก้หรอก เพราะความเห็นจะมีหลายกลุ่ม นอกจากนี้เห็นว่า การทำประชามติคงไม่จำเป็น เพราะเรารู้ปัญหาอยู่แล้ว การแก้ไม่ได้แก้เพราะความต้องการของพรรคการเมือง เพราะที่ผ่านมารัฐธรรมนูญปี 50 นั้นมีปัญหามาก ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ
"มาตราที่ว่าด้วย กรรมการบริหารพรรคทำผิดแล้วโทษถึงยุบพรรคนั้น ต้องแก้หรือไม่ อันนี้ต้องแก้ อันนี้ใช้ไม่ได้ ควรแก้ เพราะถ้าไม่แก้แล้วเลือกตั้งกันใหม่ ก็มีถูกยุบอีก ถ้าฝ่ายแดงขึ้นมาพรรคก็ถูกยุบอีก และถ้าใครไปร่วมกับฝ่ายแดง ก็ถูกยุบอีกเหมือนกัน มันเห็นเหตุการณ์กันอยู่แล้วโดนยุบแน่ อย่างนี้ผมคงไม่กล้าเสี่ยงที่จะไปลงเลือกตั้ง" นายบรรหารกล่าว
**"เติ้ง"แนะให้นายกฯไปเจรจาเอง
เมื่อถามว่า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ ได้หารือกับนายบรรหาร ก่อนที่จะไปหารือกับนปช. หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า “ อ๋อ เมื่อตอนเช้าผมก็บอกไป โดยฝากบอก รองฯสุเทพ กับท่านกอร์ปศักดิ์ ไปว่า ฝากบอกท่านนายกฯ ควรลงมาเอง ไม่ควรส่งตัวแทน เพื่อรับฟังปัญหาจากคนเสื้อแดง รับฟังและหยิบยกขึ้นมาเจรจากันในรอบแรก และต่อไปหารือพรรคร่วมรัฐบาลจะเอาอย่างไร แล้วค่อยตอบเขาไปอีกทีหนึ่ง มันดีกว่าที่จะส่งตัวแทนไป จะเกิดความสมบูรณ์มากกว่า"
เมื่อถามว่า ถ้าจะมีข้อเสนอแนะถึงนายกฯ อยากบอกอะไร นายบรรหาร กล่าวว่า เสนอว่า แดงไม่ควรกำหนดให้ยุบสภาภายใน 2 อาทิตย์ มันทำไม่ได้ แต่รัฐบาลก็ต้องมีธงว่า จะทำอย่างไร ฝ่ายเสื้อแดงก็ต้องให้เวลารัฐบาลหน่อย ไม่ควรกำหนด 2 อาทิตย์ ฝ่ายรัฐบาลพอเย็นนี้ หารือกันเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไร อาจจะไม่ต้องตอบวันนี้ก็ได้ แต่ต้องมีรูปธรรมว่าจะแก้อย่างไร ยุบสภาเมื่อไร แล้วมาออกทีวี ให้เป็นรูปธรรม สังคมก็ยอมรับ แต่ถ้าเจรจารอบสองแล้วเหมือนรอบแรก มันก็หาจุดจบไม่ได้
นายบรรหาร ยอมรับว่าอดีตนายกฯทักษิณ เคยโทรเดือนที่แล้ว ส่วนเนื้อหาจะอย่างไร ขอไม่ตอบ เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชวนให้ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ใช่หรือไม่ นายบรรหาร ไม่ตอบคำถามได้แต่หัวเราะ เบาๆ
"ท่านระบุเพียงว่าจะช่วยอะไรได้บ้างหรือไม่ ซึ่งผมบอกว่า ตอนนี้จะทำอะไรมากไม่ได้ ผมพูดได้แค่นี้"
เมื่อถามว่าหากพล.อ.ชวลิต มาพบก็จะตอบเหมือนเดิมใช่หรือไม่นายบรรหาร กล่าวว่า ท่านคงไม่มาพบหรอก เพราะนัดแล้วไม่มา
**ยุบสภา15 วันหรือ3 เดือนเร็วไป
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่นายบรรหารระบุว่า หากจะยุบสภาต้องถามพรรคร่วมรัฐบาลว่า คงไม่เกี่ยว เพราะนายกฯ ต้องหารืออยู่แล้ว ขณะเดียวกันได้เตรียมตัวไว้แล้วหากจำเป็น ต้องเจรจากับแกนนำ นปช.ด้วย
ส่วนที่ นปช.ให้เวลา 2 สัปดาห์ในการตัดสินใจยุบสภา เห็นว่าคงต้องให้เวลา ก่อนยุบสภาต้องทำอะไรกันก่อน ถ้ารักกันนะ เวลาแค่นี้ไม่น่าได้ เสร็จแล้วมากำหนดว่าจะยุบสภาเมื่อไร ถ้าตกลงกันได้ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ หรืออะไรก่อน เชื่อว่า 15 วันทำไม่ได้แน่นอน อย่างทำประชามติก็ 2-3 เดือน และแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภาก็ 2 เดือน ถ้าเป็นปลายปีน่าจะได้ ส่วนเวลา 3 เดือน ก็คงไม่พอ
**ผนึกกำลังแก้รธน.ก่อนยุบสภา
แหล่งข่าวระดับแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ยอมรับว่า นายกรัฐมนตรี ได้ประสานมายังนายชุมพล และผู้ใหญ่ในพรรค เพื่อหารือว่า แนวทางที่กลุ่มเสื้อแดงเสนอมานั้นรับได้หรือไม่ ซึ่งแกนนำพรรคได้ยืนยันไปว่าหากให้ยุบสภาภายใน 15 วัน คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งทางพรรคชาติไทยพัฒนา เห็นว่าควรที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 190 เกี่ยวกับสนธิสัญญา และแก้ไขวิธีการเลือกตั้งส.ส.ก่อนแล้วค่อยยุบสภา ส่วนจะยุบสภาเมื่อไรนั้น ก็ให้มีการกำหนดกรอบเวลาให้ชัดเจนไปเลย
ทั้งนี้ ยังเห็นตรงกันว่า ควรจะมีการหยิบยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคร่วมรัฐบาลได้เสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาโดยเร็วที่สุด และเมื่อแก้ไขเสร็จ ก็รีบยุบสภาทันที
**“ตือ”ชี้เจรจาต้องมีเงื่อนเวลา
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า การเจรจาต้องมีเงื่อนไขเวลา ถ้าหากจะให้ยุบสภา ต้องให้กติกาเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายด้วย เพราะถ้าเกิดมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ยอมรับ หรือพรรคหนึ่งพรรคใดไม่เห็นด้วย แล้วเขาไม่ส่งคนลงสมัคร จะทำอย่างไร มันก็จะเกิดปัญหาเหมือนกับที่เคยเกิดมาอีก
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเสื้อแดงยื่นเงื่อนไขได้ แต่ต้องมาเจรจากัน ข้อสำคัญคือรัฐบาลต้องชัดเจนเลยว่า ถ้าต้องทำประชามติก็ทำ แต่ต้องกำหนดเลยว่า จะต้องทำมติกี่วัน ถ้าประชามติบอกว่า ไม่แก้รัฐธรรมนูญก็ต้องไม่แก้ แต่ถ้าประชามติบอกให้แก้ ก็ต้องมากำหนดเวลาต้องเสร็จภายในกี่วัน
ดังนั้นเสื้อแดงต้องโอนอ่อนผ่อนปรนด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องมีเป้าหมาย แล้วก็ยุบสภาก็จะมีธงที่แน่นอนว่าจะทำอย่างไร แต่ถ้าไปรอหมดสมัยประชุมสภาฯในปีหน้า คงจะไม่ทันและเรื่องการทำประชาพิจารณ์นั้น คงทำไม่ทัน คงทำไม่ได้
การเจรจาแล้วบอกว่าให้ยุบภายใน 15 วัน มันเร็วเกินไป เพราะตอนนี้มีปัญหาที่รัฐบาลต้องแก้ไข งบประมาณปี 2554 ก็กำลังจะมีการพิจารณา ไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะรีรอขอใช้งบประมาณ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เพราะถ้ายุบสภา งบประมาณก็ต้องเลื่อนออกไปอีก จะทำให้เกิดความเสียหาย
ส่วนที่นายวีระ มุสิกพงศ์ ไม่มั่นใจว่าการแก้ไขกติกานั้น จะแก้อะไร เมื่อไรจะเสร็จ เขาคิดอย่างนี้ แต่ถ้ากำหนดเวลาที่แน่นอน มันก็จบ มันก็จะไปกันได้
" แก้กติกา ก็คือแก้รัฐธรรมนูญ แก้กี่เดือนเสร็จ 3 หรือ 4 เดือน เสร็จก็ยุบสภา แต่ที่สำคัญคือ ต้องจริงใจซึ่งกันและกัน กรณีของรัฐธรรมนูญมันมีอยู่แล้วที่เป็นปัญหา รู้กันอยู่ว่าควรแก้อะไรบ้าง แต่มันไม่แก้เท่านั้นเอง ซึ่งกรรมการสมานฉันท์ก็มีออกมา 6 ประเด็นด้วยกัน ซึ่งเขาทำงานกันมาเกือบปีเต็มๆ จะยึดถืออันนี้ก็ได้ หรือถ้าไม่ยึดถือ จะแก้อะไรกี่ข้อ ก็ยกกันมาอีกก็ได้ มีทางทำได้หลายทาง ผมเรียนตรงๆว่าไม่ยาก การแก้เป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดเลย แต่ถ้าจะมัวมาทำประชามติ คงไม่ได้แก้กัน ใช้เวลามาก ต่างคนต่างความคิดเห็น" นายบรรหารกล่าว
กรณีที่หากจะหยิบยก 2 ประเด็น ที่พรรคร่วมรัฐบาลเคยเสนอขึ้นมาแก้ก่อน จะทันเวลาหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ทันถ้าจะแก้กันจริงๆ แต่รัฐบาลต้องลงมาเล่นด้วย ไม่ใช่โยนสภา เพราะสมัยตนแก้รัฐธรรมนูญ ตนก็ลงมาเอง ใช้เวลาไม่เกิน 5 เดือน ถ้าทำอย่างนี้เชื่อว่าเสื้อแดงคงยอม
**ต้องแก้รธน.ประเด็นยุบพรรค
นายบรรหาร ยอมรับว่า คงต้องเจรจากันต่อไปว่า จะให้เกิดรูปแบบใดขึ้นมา เพื่อให้เร็วขึ้น ซึ่งก็จริงอยู่ว่าเป็นเรื่องของสภา แต่รัฐบาลก็ต้องเกี่ยวข้องด้วย ส่วนกรณีที่หากนายกรัฐมนตรี ต้องการหารือกับหลายๆฝ่าย เพื่อให้เห็นตรงกัน และตกผลึกก่อนนั้น คงไม่ได้แก้หรอก เพราะความเห็นจะมีหลายกลุ่ม นอกจากนี้เห็นว่า การทำประชามติคงไม่จำเป็น เพราะเรารู้ปัญหาอยู่แล้ว การแก้ไม่ได้แก้เพราะความต้องการของพรรคการเมือง เพราะที่ผ่านมารัฐธรรมนูญปี 50 นั้นมีปัญหามาก ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ
"มาตราที่ว่าด้วย กรรมการบริหารพรรคทำผิดแล้วโทษถึงยุบพรรคนั้น ต้องแก้หรือไม่ อันนี้ต้องแก้ อันนี้ใช้ไม่ได้ ควรแก้ เพราะถ้าไม่แก้แล้วเลือกตั้งกันใหม่ ก็มีถูกยุบอีก ถ้าฝ่ายแดงขึ้นมาพรรคก็ถูกยุบอีก และถ้าใครไปร่วมกับฝ่ายแดง ก็ถูกยุบอีกเหมือนกัน มันเห็นเหตุการณ์กันอยู่แล้วโดนยุบแน่ อย่างนี้ผมคงไม่กล้าเสี่ยงที่จะไปลงเลือกตั้ง" นายบรรหารกล่าว
**"เติ้ง"แนะให้นายกฯไปเจรจาเอง
เมื่อถามว่า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ ได้หารือกับนายบรรหาร ก่อนที่จะไปหารือกับนปช. หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า “ อ๋อ เมื่อตอนเช้าผมก็บอกไป โดยฝากบอก รองฯสุเทพ กับท่านกอร์ปศักดิ์ ไปว่า ฝากบอกท่านนายกฯ ควรลงมาเอง ไม่ควรส่งตัวแทน เพื่อรับฟังปัญหาจากคนเสื้อแดง รับฟังและหยิบยกขึ้นมาเจรจากันในรอบแรก และต่อไปหารือพรรคร่วมรัฐบาลจะเอาอย่างไร แล้วค่อยตอบเขาไปอีกทีหนึ่ง มันดีกว่าที่จะส่งตัวแทนไป จะเกิดความสมบูรณ์มากกว่า"
เมื่อถามว่า ถ้าจะมีข้อเสนอแนะถึงนายกฯ อยากบอกอะไร นายบรรหาร กล่าวว่า เสนอว่า แดงไม่ควรกำหนดให้ยุบสภาภายใน 2 อาทิตย์ มันทำไม่ได้ แต่รัฐบาลก็ต้องมีธงว่า จะทำอย่างไร ฝ่ายเสื้อแดงก็ต้องให้เวลารัฐบาลหน่อย ไม่ควรกำหนด 2 อาทิตย์ ฝ่ายรัฐบาลพอเย็นนี้ หารือกันเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไร อาจจะไม่ต้องตอบวันนี้ก็ได้ แต่ต้องมีรูปธรรมว่าจะแก้อย่างไร ยุบสภาเมื่อไร แล้วมาออกทีวี ให้เป็นรูปธรรม สังคมก็ยอมรับ แต่ถ้าเจรจารอบสองแล้วเหมือนรอบแรก มันก็หาจุดจบไม่ได้
นายบรรหาร ยอมรับว่าอดีตนายกฯทักษิณ เคยโทรเดือนที่แล้ว ส่วนเนื้อหาจะอย่างไร ขอไม่ตอบ เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชวนให้ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ใช่หรือไม่ นายบรรหาร ไม่ตอบคำถามได้แต่หัวเราะ เบาๆ
"ท่านระบุเพียงว่าจะช่วยอะไรได้บ้างหรือไม่ ซึ่งผมบอกว่า ตอนนี้จะทำอะไรมากไม่ได้ ผมพูดได้แค่นี้"
เมื่อถามว่าหากพล.อ.ชวลิต มาพบก็จะตอบเหมือนเดิมใช่หรือไม่นายบรรหาร กล่าวว่า ท่านคงไม่มาพบหรอก เพราะนัดแล้วไม่มา
**ยุบสภา15 วันหรือ3 เดือนเร็วไป
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่นายบรรหารระบุว่า หากจะยุบสภาต้องถามพรรคร่วมรัฐบาลว่า คงไม่เกี่ยว เพราะนายกฯ ต้องหารืออยู่แล้ว ขณะเดียวกันได้เตรียมตัวไว้แล้วหากจำเป็น ต้องเจรจากับแกนนำ นปช.ด้วย
ส่วนที่ นปช.ให้เวลา 2 สัปดาห์ในการตัดสินใจยุบสภา เห็นว่าคงต้องให้เวลา ก่อนยุบสภาต้องทำอะไรกันก่อน ถ้ารักกันนะ เวลาแค่นี้ไม่น่าได้ เสร็จแล้วมากำหนดว่าจะยุบสภาเมื่อไร ถ้าตกลงกันได้ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ หรืออะไรก่อน เชื่อว่า 15 วันทำไม่ได้แน่นอน อย่างทำประชามติก็ 2-3 เดือน และแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภาก็ 2 เดือน ถ้าเป็นปลายปีน่าจะได้ ส่วนเวลา 3 เดือน ก็คงไม่พอ
**ผนึกกำลังแก้รธน.ก่อนยุบสภา
แหล่งข่าวระดับแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ยอมรับว่า นายกรัฐมนตรี ได้ประสานมายังนายชุมพล และผู้ใหญ่ในพรรค เพื่อหารือว่า แนวทางที่กลุ่มเสื้อแดงเสนอมานั้นรับได้หรือไม่ ซึ่งแกนนำพรรคได้ยืนยันไปว่าหากให้ยุบสภาภายใน 15 วัน คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งทางพรรคชาติไทยพัฒนา เห็นว่าควรที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 190 เกี่ยวกับสนธิสัญญา และแก้ไขวิธีการเลือกตั้งส.ส.ก่อนแล้วค่อยยุบสภา ส่วนจะยุบสภาเมื่อไรนั้น ก็ให้มีการกำหนดกรอบเวลาให้ชัดเจนไปเลย
ทั้งนี้ ยังเห็นตรงกันว่า ควรจะมีการหยิบยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคร่วมรัฐบาลได้เสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาโดยเร็วที่สุด และเมื่อแก้ไขเสร็จ ก็รีบยุบสภาทันที
**“ตือ”ชี้เจรจาต้องมีเงื่อนเวลา
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า การเจรจาต้องมีเงื่อนไขเวลา ถ้าหากจะให้ยุบสภา ต้องให้กติกาเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายด้วย เพราะถ้าเกิดมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ยอมรับ หรือพรรคหนึ่งพรรคใดไม่เห็นด้วย แล้วเขาไม่ส่งคนลงสมัคร จะทำอย่างไร มันก็จะเกิดปัญหาเหมือนกับที่เคยเกิดมาอีก
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเสื้อแดงยื่นเงื่อนไขได้ แต่ต้องมาเจรจากัน ข้อสำคัญคือรัฐบาลต้องชัดเจนเลยว่า ถ้าต้องทำประชามติก็ทำ แต่ต้องกำหนดเลยว่า จะต้องทำมติกี่วัน ถ้าประชามติบอกว่า ไม่แก้รัฐธรรมนูญก็ต้องไม่แก้ แต่ถ้าประชามติบอกให้แก้ ก็ต้องมากำหนดเวลาต้องเสร็จภายในกี่วัน