ASTVผู้จัดการรายวัน - รมว.ยุติธรรม จับมือ ผบ.ตร. - บช.ปส.- ป.ป.ส.แถลงข่าวจับ 3 เอเยนต์เครือข่ายค้ายารายใหญ่ ลำเลียงยาบ้าของกลาง 1.5 ล้านเม็ด ภาคเหนือส่งขาย กทม.
วานนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปราม ยาเสพติด (บช.ปส.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.อ.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และ พล.ต.ท.อติเทพ ปัญจมานนท์ ผบช.ปส.รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ได้ร่วมกันแถลงผลจับกุม น.ส.วรนันท์ หนูตอ อายุ 33 ปี นายวิรัตน์ กาญจนมหิงส์ อายุ 47 ปี และ นายนัทธพงศ์ แซ่เล้า อายุ 28 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 1,550,000 เม็ด รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีน้ำตาล ทะเบียน ษจ 571 กทม.รถยนต์ยี่ห้อวอลโว่ สีเทา ทะเบียน 3 ฐ 4223 กทม.โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง และเครื่องเย็บกระสอบ จึงแจ้งข้อหาทั้งหมดร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย ทั้งนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ที่วัดกลางคลอง 3 ต.คลอง 3 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และที่บ้านเลขที่ 99/22 ม.10 ถ.เทศบาลคลองหลวง ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การจับกุครั้งนี้ เป็นผลการทำงานร่วมกันระหว่าง ป.ป.ส. บช.ปส.และ ป.ป.ส.ภาค 5 โดยเป็นการขยายผลตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.ซึ่งตำรวจภูธรภาค 5 สามารถจับกุมผู้ต้องหาค้ายาบ้า พร้อมของกลาง 5 แสนเม็ด ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดกลุ่มนายโต่ง ไม่ทราบนามสกุล ชาวเขาเผ่าม้ง โดยมีการลำเลียงยาเสพติดเพื่อนำมาส่งต่อให้กับผู้ค้าภาคกลาง และ กทม.ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงร่วมกันสืบสวนติดตามเฝ้าดูพฤติกรรมตลอดมา กระทั่งเมื่อวันที่ 27 มี.ค.เวลา 16.00 น.ก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พร้อมของกลางดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ท.อติเทพ กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.วรนันท์ หรือ เปิ้ล กับพวกมีพฤติกรรมในการจำหน่ายยาบ้า โดยใช้บ้านเลขที่ 99/22 เป็นที่ซุกซ่อนยาบ้า ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าดูพฤติกรรมผู้ต้องหากลุ่มนี้มานานหลายเดือน โดยเมื่อวันที่ 27 มี.ค.เจ้าหน้าที่พบเห็นนายวิรัตน์ ขับรถยนต์วอลโว่ โดยมี น.ส.วรนันท์ นั่งมาในรถด้วย ส่วน นายนัทธพงศ์ ขับรถยนต์ฮอนด้ามา จากนั้น รถทั้ง 2 คันได้ขับมาที่บ้านเลขที่ 99/22 เพื่อนำยาบ้าที่ลำเลียงมาจากภาคเหนือไปซุกซ่อนไว้เพื่อเตรียมส่งให้ลูกค้า ระหว่างที่ขับตามกันออกไป เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ติดตามไปก่อนจะขับรถปาดหน้าเพื่อให้หยุดรถและอีกคัน ได้ขับเข้าประกบแล้วแสดงตัวเข้าจับกุม จากการตรวจค้นรถยนต์ฮอนด้า พบยาบ้า 400 มัด จำนวน 8 แสนเม็ด ซุกซ่อนในกระโปรงหลัง และในกระเป๋าเดินทางอีก 1.6 แสนเม็ด จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 99/22 ก็พบยาบ้าอีก 345 มัด จำนวน 6.9 แสนเม็ด จึงยึดของกลางทั้งหมดพร้อมส่งตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีที่ บช.ปส.
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การอ้างว่าเพิ่งทำเป็นครั้งแรก โดย น.ส.วรนันท์ ให้การว่า เคยเป็นเซลส์ขายข้าวสาร แต่มีคนมาติดต่อขอเช่าบ้านที่ใช้เป็นที่เก็บข้าวสาร ในราคา 2 หมื่นบาท เพื่อนำยาบ้าใส่กระสอบเหมือนข้าวสารมาซุกซ่อนไว้ โดยได้เงินค่าช่วยเก็บ 2 หมื่นบาท ส่วน นายวิรัตน์ มีอาชีพขับรถตู้ ได้ค่าจ้างขนยาบ้า 5 หมื่น นายนัทธพงศ์ เป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ได้ค่าจ้าง 5 หมื่นบาท ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เพราะจากแนวทางการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหามีการทำกันมานานแล้ว
พล.ต.อ. กฤษณะ กล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้าทาง ป.ป.ส.และ บช.ปส.จะเดินทางทางไปประชุมร่วม ป.ป.ส.4 ประเทศ ที่ จ.เชียงราย ประกอบด้วย ไทย จีน พม่า และ ลาว ซึ่งเป็นประเทศที่มีพื้นที่ติดต่อกัน และส่วนใหญ่ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ถูกออกหมายจับ หรืออยู่ระหว่างการหลบหนีก็จะวนเวียนอยู่ตามตะเข็บชายแดน 4 ประเทศนี้ และยังคงมีบทบาทในการจำหน่ายยาบ้าล็อตใหญ่ๆ โดยทาง ป.ป.ส.จะตกลงให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ที่วนเวียนหลบหนีอยู่ใน 4 ประเทศ คาดว่า จะสามารถจับกุมเอเยนต์รายใหญ่ได้มากยิ่งขึ้น.
วานนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปราม ยาเสพติด (บช.ปส.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.อ.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และ พล.ต.ท.อติเทพ ปัญจมานนท์ ผบช.ปส.รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ได้ร่วมกันแถลงผลจับกุม น.ส.วรนันท์ หนูตอ อายุ 33 ปี นายวิรัตน์ กาญจนมหิงส์ อายุ 47 ปี และ นายนัทธพงศ์ แซ่เล้า อายุ 28 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 1,550,000 เม็ด รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีน้ำตาล ทะเบียน ษจ 571 กทม.รถยนต์ยี่ห้อวอลโว่ สีเทา ทะเบียน 3 ฐ 4223 กทม.โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง และเครื่องเย็บกระสอบ จึงแจ้งข้อหาทั้งหมดร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย ทั้งนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ที่วัดกลางคลอง 3 ต.คลอง 3 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และที่บ้านเลขที่ 99/22 ม.10 ถ.เทศบาลคลองหลวง ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การจับกุครั้งนี้ เป็นผลการทำงานร่วมกันระหว่าง ป.ป.ส. บช.ปส.และ ป.ป.ส.ภาค 5 โดยเป็นการขยายผลตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.ซึ่งตำรวจภูธรภาค 5 สามารถจับกุมผู้ต้องหาค้ายาบ้า พร้อมของกลาง 5 แสนเม็ด ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดกลุ่มนายโต่ง ไม่ทราบนามสกุล ชาวเขาเผ่าม้ง โดยมีการลำเลียงยาเสพติดเพื่อนำมาส่งต่อให้กับผู้ค้าภาคกลาง และ กทม.ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงร่วมกันสืบสวนติดตามเฝ้าดูพฤติกรรมตลอดมา กระทั่งเมื่อวันที่ 27 มี.ค.เวลา 16.00 น.ก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พร้อมของกลางดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ท.อติเทพ กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.วรนันท์ หรือ เปิ้ล กับพวกมีพฤติกรรมในการจำหน่ายยาบ้า โดยใช้บ้านเลขที่ 99/22 เป็นที่ซุกซ่อนยาบ้า ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าดูพฤติกรรมผู้ต้องหากลุ่มนี้มานานหลายเดือน โดยเมื่อวันที่ 27 มี.ค.เจ้าหน้าที่พบเห็นนายวิรัตน์ ขับรถยนต์วอลโว่ โดยมี น.ส.วรนันท์ นั่งมาในรถด้วย ส่วน นายนัทธพงศ์ ขับรถยนต์ฮอนด้ามา จากนั้น รถทั้ง 2 คันได้ขับมาที่บ้านเลขที่ 99/22 เพื่อนำยาบ้าที่ลำเลียงมาจากภาคเหนือไปซุกซ่อนไว้เพื่อเตรียมส่งให้ลูกค้า ระหว่างที่ขับตามกันออกไป เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ติดตามไปก่อนจะขับรถปาดหน้าเพื่อให้หยุดรถและอีกคัน ได้ขับเข้าประกบแล้วแสดงตัวเข้าจับกุม จากการตรวจค้นรถยนต์ฮอนด้า พบยาบ้า 400 มัด จำนวน 8 แสนเม็ด ซุกซ่อนในกระโปรงหลัง และในกระเป๋าเดินทางอีก 1.6 แสนเม็ด จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 99/22 ก็พบยาบ้าอีก 345 มัด จำนวน 6.9 แสนเม็ด จึงยึดของกลางทั้งหมดพร้อมส่งตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีที่ บช.ปส.
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การอ้างว่าเพิ่งทำเป็นครั้งแรก โดย น.ส.วรนันท์ ให้การว่า เคยเป็นเซลส์ขายข้าวสาร แต่มีคนมาติดต่อขอเช่าบ้านที่ใช้เป็นที่เก็บข้าวสาร ในราคา 2 หมื่นบาท เพื่อนำยาบ้าใส่กระสอบเหมือนข้าวสารมาซุกซ่อนไว้ โดยได้เงินค่าช่วยเก็บ 2 หมื่นบาท ส่วน นายวิรัตน์ มีอาชีพขับรถตู้ ได้ค่าจ้างขนยาบ้า 5 หมื่น นายนัทธพงศ์ เป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ได้ค่าจ้าง 5 หมื่นบาท ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เพราะจากแนวทางการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหามีการทำกันมานานแล้ว
พล.ต.อ. กฤษณะ กล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้าทาง ป.ป.ส.และ บช.ปส.จะเดินทางทางไปประชุมร่วม ป.ป.ส.4 ประเทศ ที่ จ.เชียงราย ประกอบด้วย ไทย จีน พม่า และ ลาว ซึ่งเป็นประเทศที่มีพื้นที่ติดต่อกัน และส่วนใหญ่ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ถูกออกหมายจับ หรืออยู่ระหว่างการหลบหนีก็จะวนเวียนอยู่ตามตะเข็บชายแดน 4 ประเทศนี้ และยังคงมีบทบาทในการจำหน่ายยาบ้าล็อตใหญ่ๆ โดยทาง ป.ป.ส.จะตกลงให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ที่วนเวียนหลบหนีอยู่ใน 4 ประเทศ คาดว่า จะสามารถจับกุมเอเยนต์รายใหญ่ได้มากยิ่งขึ้น.