ASTVผู้จัดการรายวัน- ดัชนีตลาดหุ้นใกล้ 800 จุดเต็มที ล่าสุดบวกอีก 10.23 จุด ขึ้นแตะ 782.48 จุด สร้างสถิติใหม่สูงสุดในรอบ 21 เดือน ตลาดหลักทรัพย์ฯเตือนนักลงทุนรายย่อย ระมัดระวังการลงทุน จากเม็ดต่างประเทศไหลเข้าลงทุนต่อเนื่อง ชี้ราคาหุ้นขึ้นสูงอาจมีการปรับตัวลดลง แนะ ติดตามข้อมูลการลงทุนใกล้ชิด และพิจารณาลงทุนจากปัจจัยพื้นฐานด้วย ส่วนการต่ออายุพรบ.ความมั่นคงมั่นใจไม่กระทบบรรยากาศการลงทุน โบรกฯแนะติดค่าเงินดอลลาร์ และระวังแรงเทขาย
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (23มี.ค.) ปิดที่ระดับ 782.48 จุด เพิ่มขึ้น 10.23 จุด หรือ +1.32% นับเป็นการปรับเพิ่มสูงสุดของดัชนีในรอบ 21 เดือน มูลค่าการซื้อขาย 33,104.95 ล้านบาท ซึ่งดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในต่างประเทศ และเงินต่างชาติยังไหลเข้าต่อเนื่อง โดยระหว่างดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 782.48 จุด ส่วนจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 774.75จุด
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการที่มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องนั้น มีผลทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง โดยนักลงทุนไทยควร มีการติดตามข้อมูลและระมัดระวังการลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย เพราะการที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาสูงนั้นก็อาจจะมีการปรับตัวลดลงบ้าง จึงควรที่จะมีพิจารณาการลงทุนจากปัจจัยพื้นฐานของแต่ละหลักทรัพย์ด้วย
ทั้งนี้เม็ดเงินต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนนั้น จะเป็นการเข้ามาลงทุนระยะสั้น (ฮอตมันนี่)หรือไม่นั้น ผู้จัดการตลท.มองว่า ต้องติดตามในเรื่องทิศทางการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนในภูมิภาคนี้ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศนั้นมีการเคลื่อนย้ายเข้าออกเร็ว ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของกองทุน ปัจจัยพื้นฐานของประเทศ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน แต่หากเม็ดเงินต้องการที่จะหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีก็จะไหลกลับเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชีย
“จากบทวิเคราะห์ที่ออกมานั้นมีมุมมองที่ดีต่อประเทศไทยมาก ทำให้มีเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการติดตามข้อมูลไปยังโบรกเกอร์ต่างประเทศที่มีมูลค่าการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่มีมูลค่าสูง แต่ไม่ได้มีการสอบถามข้อมูลอะไรเป็นพิเศษ เพราะเม็ดเงินต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนนั้นเป็นเรื่องปกติ”นางภัทรียา กล่าว
ส่วนค่าเงินบาทที่มีการแข็งค่าขึ้นนั้นเกิดจากการที่เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุน อัตราดอกเบี้ยของประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่สูง และการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้นให้ผลอตบแทนที่สูงจึงมีความน่าสนใจในการเข้ามาลงทุน ซึ่งเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะมีการดูและค่าเงินเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เทียบเคียงกับภูมิภาคได้ โดยที่ผ่านมาค่าเงินเอเชียมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
สำหรับการที่รัฐบาลมีการขยายเวลาการใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรออกไป เริ่มจากวันที่ 23 ถึง 30 มี.ค. 2553 เพื่อดูแลความสงบของประเทศ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบการลงทุน ในตลาดหุ้นไทยตราบใดที่การชุมชุมเป็นไปอย่างเรียบร้อยไม่มีเหตุการณ์รุนแรง และที่ผ่านมาก็ได้มีการใช้มาระยะหนึ่งแล้ว โดยจะต้องมีการติดตามสถานการณ์ชุมนุมต่อไปว่าจะมีการพัฒนาไปในทิศทางใด ส่วนการที่กลุ่มเสื้อแดงจะมีการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 27 มีนาคมนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่ารัฐบาลขะมีการดูแลควบคุมสถานการณ์ได้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)กล่าวว่า ช่วงบ่ายวานนี้ตลาดหุ้นไทยยังบวกได้ หลังจากที่ยังมีแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ และแนวโน้มวันนี้(24มี.ค.)น่าจะยังมีเม็ดเงินไหลเข้ามาอยู่แต่คงต้องดูทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นปัจจัยประกอบด้วย โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาใกล้ชิด คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและค่าเงินในภูมิภาคเอเชีย เพราะหากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท จะเป็นการส่งสัญญาณเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อนักลงทุน รวมทั้งมีผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ดังนั้นกรอบการรลงทุนวันนี้ให้แนวรับแรกที่ 775 และแนวรับต่อไปที่ 760 จุด ส่วนแนวต้านที่ 780-790 จุด พรุ่งนี้โมเมนตัมการลงทุนยังเป็นบวกอยู่ แต่ว่าอาจะแกว่งหรือมีการ take profit ระหว่างวันอาจจะเกิดขึ้นได้ ยังไงยังมองตลาดไทยยังอยู่ทิศทางบวกอยู่"น.ส.อาภาภรณ์ กล่าว
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (23มี.ค.) ปิดที่ระดับ 782.48 จุด เพิ่มขึ้น 10.23 จุด หรือ +1.32% นับเป็นการปรับเพิ่มสูงสุดของดัชนีในรอบ 21 เดือน มูลค่าการซื้อขาย 33,104.95 ล้านบาท ซึ่งดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในต่างประเทศ และเงินต่างชาติยังไหลเข้าต่อเนื่อง โดยระหว่างดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 782.48 จุด ส่วนจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 774.75จุด
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการที่มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องนั้น มีผลทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง โดยนักลงทุนไทยควร มีการติดตามข้อมูลและระมัดระวังการลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย เพราะการที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาสูงนั้นก็อาจจะมีการปรับตัวลดลงบ้าง จึงควรที่จะมีพิจารณาการลงทุนจากปัจจัยพื้นฐานของแต่ละหลักทรัพย์ด้วย
ทั้งนี้เม็ดเงินต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนนั้น จะเป็นการเข้ามาลงทุนระยะสั้น (ฮอตมันนี่)หรือไม่นั้น ผู้จัดการตลท.มองว่า ต้องติดตามในเรื่องทิศทางการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนในภูมิภาคนี้ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศนั้นมีการเคลื่อนย้ายเข้าออกเร็ว ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของกองทุน ปัจจัยพื้นฐานของประเทศ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน แต่หากเม็ดเงินต้องการที่จะหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีก็จะไหลกลับเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชีย
“จากบทวิเคราะห์ที่ออกมานั้นมีมุมมองที่ดีต่อประเทศไทยมาก ทำให้มีเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการติดตามข้อมูลไปยังโบรกเกอร์ต่างประเทศที่มีมูลค่าการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่มีมูลค่าสูง แต่ไม่ได้มีการสอบถามข้อมูลอะไรเป็นพิเศษ เพราะเม็ดเงินต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนนั้นเป็นเรื่องปกติ”นางภัทรียา กล่าว
ส่วนค่าเงินบาทที่มีการแข็งค่าขึ้นนั้นเกิดจากการที่เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุน อัตราดอกเบี้ยของประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่สูง และการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้นให้ผลอตบแทนที่สูงจึงมีความน่าสนใจในการเข้ามาลงทุน ซึ่งเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะมีการดูและค่าเงินเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เทียบเคียงกับภูมิภาคได้ โดยที่ผ่านมาค่าเงินเอเชียมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
สำหรับการที่รัฐบาลมีการขยายเวลาการใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรออกไป เริ่มจากวันที่ 23 ถึง 30 มี.ค. 2553 เพื่อดูแลความสงบของประเทศ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบการลงทุน ในตลาดหุ้นไทยตราบใดที่การชุมชุมเป็นไปอย่างเรียบร้อยไม่มีเหตุการณ์รุนแรง และที่ผ่านมาก็ได้มีการใช้มาระยะหนึ่งแล้ว โดยจะต้องมีการติดตามสถานการณ์ชุมนุมต่อไปว่าจะมีการพัฒนาไปในทิศทางใด ส่วนการที่กลุ่มเสื้อแดงจะมีการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 27 มีนาคมนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่ารัฐบาลขะมีการดูแลควบคุมสถานการณ์ได้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)กล่าวว่า ช่วงบ่ายวานนี้ตลาดหุ้นไทยยังบวกได้ หลังจากที่ยังมีแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ และแนวโน้มวันนี้(24มี.ค.)น่าจะยังมีเม็ดเงินไหลเข้ามาอยู่แต่คงต้องดูทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นปัจจัยประกอบด้วย โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาใกล้ชิด คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและค่าเงินในภูมิภาคเอเชีย เพราะหากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท จะเป็นการส่งสัญญาณเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อนักลงทุน รวมทั้งมีผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ดังนั้นกรอบการรลงทุนวันนี้ให้แนวรับแรกที่ 775 และแนวรับต่อไปที่ 760 จุด ส่วนแนวต้านที่ 780-790 จุด พรุ่งนี้โมเมนตัมการลงทุนยังเป็นบวกอยู่ แต่ว่าอาจะแกว่งหรือมีการ take profit ระหว่างวันอาจจะเกิดขึ้นได้ ยังไงยังมองตลาดไทยยังอยู่ทิศทางบวกอยู่"น.ส.อาภาภรณ์ กล่าว