xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นพุ่ง 17 จุด เมินแดง! ฝรั่งทุ่มหนักดันมาร์เกตแคปโต 6 ล้าน ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหุ้นไม่สนแดงพลีเลือด ดัชนีพุ่ง! 17 จุด ปิดที่ 752.20 จุด สูงสุดในรอบ 19 เดือน รับความเชื่อมั่นรัฐบาลควบคุมสถานการณ์อยู่ ไม่มียุบสภา “ภัทรียา” ระบุ 16 วัน ต่างชาติซื้อสุทธิ 28,999 ล้านบาท ดันมาร์เกตแคป โต 6 ล้านล้าน สูงสุดในรอบ 20 เดือน หลังตัวเลขเศรษฐกิจประเทศดีขึ้นต่อเนื่อง ชี้แม้มีการชุนนุมยืดเยื้อแต่หากไม่มีความรุนแรง ก็ไม่สร้างความวิตกกังวลต่อตลาดหุ้นได้ ส่วนวันนี้โบรกฯคาด ปรับตัวขึ้นต่อ แต่ระวังแรงเทขายทำกำไร

ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (16 มี.ค.) ปิดที่ระดับ 752.20 จุด เพิ่มขึ้น 17.37 จุด หรือ 2.36% มูลค่าการซื้อขาย 27,395.22 ล้านบาท ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นปรับสูงขึ้นแรงกว่าตลาดภูมิภาคที่แกว่งแคบทั้งบวก-ลบ และนับเป็นการปรับตัวสูงสุดของดัชนีในรอบ 1 ปี 7 เดือนตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 51 ที่ดัชนีอยู่ที่ระดับ 760.01 จุด โดยรับแรงซื้อจากต่างชาติ-นักลงทุนในประเทศหลังคลายกังวลสถานการณ์การเมือง ระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 752.91 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 737.82 จุด

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า นักลงทุนต่างประเทศยังคงซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องติดต่อกัน 16 วันทำการ (22 ก.พ.-16 มี.ค.) ทำให้มียอดซื้อสุทธิ 28,999.60 ล้านบาท ซึ่งจากการสอบถามไปยังบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศให้มีการสอบถามไปยังนักลงทุนต่างประเทศนั้น พบว่า นักลงทุนต่างประเทศเห็นข้อมูลว่าเศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวที่ชัดเจนต่อเนื่องมาจากไตรมาส 4/52 ทั้งตัวเลขจีดีพี ดัชนีการผลิต การส่งออก การบริโภคมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุน

นอกจากนี้ ทางบริษัท มอร์แกน สแตนเลย์ ได้มีการเพิ่มน้ำนักการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ เช่น ประเทศไทย ตุรกี สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งจะต้องมีการติดตามดูผลต่อไปว่าการที่มอร์แกนสแตนเลย์เพิ่มน้ำหนักการลงทุนจะมีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างไรต่อไป ส่วนในเรื่องสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงนั้นนักลงทุนต่างประเทศมีการติดตามดูสถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร แต่จากการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบนั้นทำให้นักลงทุนต่างประเทศไม่มีความกังวลมากนัก

ทั้งนี้ หากการชุมนุมมีความยืดเยื้อต่อไป แต่หากไม่มีสถานการณ์รุนแรงที่กระทบกับประชาชนทั่วไป และรัฐบาลมีการดูแลสถานการณ์อย่างเรียบร้อยนักลงทุนก็จะไม่มีความกังวล ซึ่งการชุมนุมถือว่าเป็นสิทธิที่สามารถที่จะทำได้แต่ต้องอยู่ในกรอบ กติกา โดยนักลงทุนจะต้องมีการติดตามดูสถานการณ์ต่อไปว่าจะมีการพัฒนาไปทิศทางใด

นางภัทรียา กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ยังคงมั่นใจว่าปีนี้จะสามารถเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ เพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะไม่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม เนื่องจาก การที่บริษัท อินโดรามาเวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)หรือ IVL เข้ามาจดทะเบียนทำให้มีมาร์เกตแคปเพิ่มขึ้น 4.5 หมื่นล้านบาท และยังมีบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัดที่มีแผนจะเข้าจดทะเบียน ซึ่งมีมาร์เกตแคปหลายหมื่นล้านบาท โดย ปัจจุบันมาร์เกตแคปอยู่ที่ 6,046,830.09 ล้านบาท นับเป็นสถิติที่สูงสุดในรอบ 1 ปี 8 เดือนที่ผ่านมา

ส่วนกรณีทางบริษัท แอร์เอเชีย นั้น มีความสนใจที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย มากกว่าที่จะนำบริษัทลูกในประเทศไทยเข้าจดทะเบียน เพราะบริษัทแม่ต้องการถือหุ้นในไทยแอร์เอเชียในระดับที่สูง แต่อย่างไรก็ตามทางแอร์เอเชียจะต้องมีการพิจารณาว่าสรุปแล้วจะเป็นอย่างไร

น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปรับตัวขึ้น วอลุ่มเทรดกลับมาคึกคัก ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่มีการแกว่งแคบทั้งในแดนบวก-ลบ โดยคาดว่า รับแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนในประเทศต่างกลับเข้ามาซื้อหุ้นพื้นฐาน หลังจากที่ได้คลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง จากที่เห็นว่า กลุ่ม นปช.ไม่สามารถทำให้รัฐบาลยุบสภาได้ และรัฐบาลยังได้แรงหนุนจากภาคธุรกิจอีกด้วย

โดยภาคธุรกิจเห็นว่า เหลือเวลาในการทำงานแค่ปีกว่า และก็ได้เดินมาถูกทางแล้ว ในการทำให้เศรษฐกิจขยายตัว จึงยังไม่อยากให้มีการยุบสภาในตอนนี้ ดังนั้น ถ้าภาคเอกชนระบุอย่างนี้ การจะกดดันให้รัฐบาลยุบสภาคงจะไม่ใช่เรื่องง่าย

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (17 มี.ค.) ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรเข้ามา ตลาดหุ้นไทยยังมีโมเมนตัมของการปรับตัวขึ้นอยู่ แต่อาจจะแกว่งได้บ้างจากแรง take profit แต่ก็คงจะไม่แรงมาก ซึ่งหากดัชนียังไม่หลุดแนว 740 จุด ตลาดก็ยังไปต่อได้

โดยให้แนวรับไว้ที่ 745-740 จุด แนวต้าน 760-770 จุด พร้อมแนะจับตาถ้อยแถลงของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่า จะมีการกล่าวอะไรเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนอัตราดอกเบี้ยของทั่วโลก ก็คาดว่า น่าจะปรับขึ้นไปในช่วงปลายไตรมาส 2/53
กำลังโหลดความคิดเห็น