xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดผันผวนฉุด IVL ต่ำกว่าจอง มั่นใจพื้นฐานแกร่ง-รายได้โตอีก20%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อาลก โลเฮีย
ปธ.อินโดรามา แจงราคาหุ้นเทรดวันแรกต่ำกว่าจอง 1.96% เนื่องจากผลกระทบจากภาวะตลาดทั่วโลกไม่เอื้ออำนวย มั่นใจพื้นฐานแข็งแกร่ง-ผลประกอบการปี 53 คาดรายได้โตอีก 20% หนุนราคาหุ้นพุ่งขึ้นได้ โดยไม่อยากให้นักลงทุนกังวลกับราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง พร้อมคาดโพลีเอสเตอร์ยังโตได้อีก 5-7% เพราะราคาถูกกว่าแก้ว สามารถรีไซเคิลได้ และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL กล่าวถึงกรณีที่ราคาหุ้นของบริษัทที่ทำการซื้อขายในวันแรก ปิดตลาดที่ระดับราคา 10 บาท ต่ำกว่าราคาจอง (ราคาขายไอพีโอ) ที่หุ้นละ 10.20 บาท หรือ 1.96% โดยระบุว่า ราคาหุ้นได้สะท้อนถึงภาวะตลาดทั่วโลกที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าบริษัทยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และเมื่อผลประกอบการที่ออกมาอยู่ในระดับที่ดี ราคาหุ้นก็จะปรับตัวให้สอดคล้องกับพื้นฐานของบริษัทได้

ขณะที่คาดการณ์รายได้ของบริษัทในปี 2553 จะเติบโตได้ประมาณ 20% จากสิ้นปี 2552 ที่คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในปี 2552 บริษัทฯได้เปิดตัวโครงการใหม่ ซึ่งรายได้ในส่วนดังกล่าวจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2553 ขณะที่ธุรกิจต่างๆ ของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

"เราไม่อยากให้นักลงทุนกังวลกับราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง เพราะบริษัทเชื่อว่า อนาคตธุรกิจบังเติบโดได้สูง ทั้งเรื่องแผนการลงทุน และการทำงานของผู้บริหาร ซึ่งในที่สุดก็จะสะท้อนราคาหุ้น และปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเอง ซึ่งเรายังเชื่อว่า การเติบโตของรายได้ในปีนี้ ยังเป็นไปตามที่เราประเมินที่โต 20% จากปี 52 และนักลงทุนก็จะค่อยๆเห็นการพัฒนาการของเรา ซึ่งตรงนั้นจะสะท้อนราคาหุ้นให้ปรับขึ้นเอง"

สำหรับการคาดการณ์แนวโน้มตลาดโพลีเอสเตอร์ในปี 2553 จะเติบโตประมาณ 5-7% จากปี 2552 เนื่องจากผู้บริโภคยังคงนิยมใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากโพลีเอสเตอร์ เพราะมีราคาที่ถูกกว่าผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากแก้ว นอกจากนี้ ยังสามารถนำกลับมารีไซเคิลใหม่ได้แล้ว ยังไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม กรณีที่ทางการจีนประกาศใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping) สินค้า PTA โดยจัดเก็บภาษี AD เพิ่มจาก 0% เป็น 18.5-18.9% นั้น ยืนยันว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทได้ส่งสินค้า PURIFIED TEREPHTHALIC ACID (PTA) ไปยังประเทศจีนในสัดส่วนเพียง 10% เท่านั้น และส่งสินค้าทุกประเภทของบริษัทไปยังตลาดจีนไม่ถึง 5% จากสัดส่วนทั้งหมด ทั้งนี้เรายังคงมีลูกค้าในตลาดอื่นๆ ที่ยังคงมีความต้องการสินค้าเป็นจำนวนมาก

"กรณีดังกล่าว บริษัทได้รับทราบข่าวล่วงหน้ามาแล้วประมาณ 6 เดือน จึงได้มีการเตรียมแผนรองรับในการปรับตัวไว้แล้ว อีกทั้งเรามีลูกค้าตลาดอื่นๆในทือจำนวนมาก ทั้ง ยุโรป ตะวันออกกลาง และประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย"

ทั้งนี้ เงินที่ระดมทุนได้จากการขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้หนี้ระยะสั้น ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และใช้สำหรับขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงการเข้าซื้อกิจการเพื่อสำหรับการพัฒนาธุรกิจต่อไป

สำหรับข้อมูลทั่วไปของ IVL เป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านการลงทุน โดยถือหุ้นในบริษัทต่างๆ (Holding Company) ทั้งในประเทศ และต่างประเทศในผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีแบบครบวงจร โดยมีธุรกิจในเครือเป็นการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี คือ PET เป็นพลาสติกโพลีเมอร์ นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตขวดเครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์อาหาร เส้นใย และเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ และยังรวมถึง PTA เป็นกรดอินทรีย์ในรูปผงแป้งสีขาวละเอียด ใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อการผลิต PET และ ผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์อื่นๆ โดยปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ผลิตเส้นใยโพลีเอสเอสเตอร์รายใหญ่อันดับ 1 ของประเทศและเป็นผู้ผลิต PET รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก

**ตลท.เล็งดันธุรกิจโฮลดิ้งเข้าจดทะเบียนเพิ่ม

ด้านนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลท.มีแผนจะผลักดันให้บริษัทที่อยู่ในและนอกตลาดเข้ามาจดทะเบียนในรูปแบบบริษัทโฮลดิ้ง ในกรณีเดียวกับ IVL เพราะจะช่วยเพิ่มมาร์เก็ตแคปของตลาดให้มากขึ้น และทำให้ตลาดมีความน่าสนใจ

ก่อนหน้านี้ IVL ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มใหม่ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่และเสนอแลกหุ้นเดิมกับหุ้นของบริษัทลูก คือ บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IRP และเข้ามาจดทะเบียนแทน IRP ทำให้มาร์เก็ตแคปเพิ่มเป็น 4.5 หมื่นล้านบาท จากเดิม IRP มีมาร์เก็ตแคปประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

สำหรับรูปแบบดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์ของ ตลท.ในปีนี้ ซึ่งต้องการผลักดันให้บริษัทขนาดใหญ่เข้าจดทะเบียน นอกจากนี้ ตลท.ยังมีเป้าหมายเพิ่มมาร์เก็ตแคปของตลาดเป็น 1 แสนล้านบาท จากบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ในปี 2553 โดยจะมีการปรับหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการดำเนินการด้วย

"กรณีของ IVL ถือเป็นตัวอย่างผลักดันให้บริษัทที่มีรูปแบบคล้าย IVL เข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น ซึ่งเท่าที่เราเห็นบริษัทในประเทศไทย ก็มีรูปแบบนี้ค่อนข้างเยอะ และเท่าที่คุยกับที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ก็เห็นโอกาสบริษัทเหล่านั้น ซึ่งทาง ตลท.ก็คงจะต้องมีการปรับกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้สอดคล้อง และเอื้อให้กับบริษัทเหล่านั้นด้วย"
กำลังโหลดความคิดเห็น