ASTVผู้จัดการรายวัน - ธนชาตจับตาทิศทางดอกเบี้ยครึ่งหลังปี 53 หวั่นปรับขึ้นเพื่อคุมเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลต่อธุรกิจเช่าซื้อทั้งระบบซบเซา เนื่องจากลูกค้าชะลอการตัดสินใจขอสินเชื่อออกไป ส่วน 2 เดือนของปีที่ผ่านมา ยังสดใสสินเชื่อเช่าซื้อโต 30% ยันยังคงเป้าที่ 21%
นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK) เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปี 2553 นี้ มองว่าจะมีการเติบโตดีขึ้นกว่าปี 2552 มากพอสมควร เมื่อพิจารณายอดขายรถยนต์แล้วอยู่ในระดับที่สูง เนื่องจากมีรถยนต์ประเภทอีโคคาร์ออกมาจำหน่าย จึงทำให้ลูกค้าหันไปสนใจรถประเภทดังกล่าวกันมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องจับตามองและติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อย่างใกล้ชิดว่าจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ ธนาคารคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.น่าจะมีการปรับขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ประมาณ 0.50-0.75% แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยความไม่แน่นอนของกลไกที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจด้วย เช่น เมื่อเศรษฐกิจทั้งของโลกและของไทยมีการฟื้นตัวดีขึ้น มีการอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นก็จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของไทยมีการปรับสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะเป็นเหตุผลกดดันให้ ธปท.ควบคุมระดับเงินเฟ้อด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม หากธปท.มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็จะไม่เป็นผลดีต่อธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้ออย่างแน่นอน เนื่องจากลูกค้าจะมีการชะลอหรือเลื่อนการตัดสินใจขอสินเชื่อเช่าซื้อออกไปก่อน จากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับความไม่มั่นใจในสถานการณ์ภายในประเทศ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ธุรกิจเช่าซื้อทั้งระบบมีการเติบโตในอัตราที่น้อยลง ดังนั้น ธนาคารจึงหวังว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะกลับมาเรียบร้อยเหมือนเดิมในระยะเวลาอันรวดเร็ว
"ปัจจัยความไม่แน่นอนภายในประเทศขณะนี้ถือว่ามีผลต่อการตัดสินใจจับจ่ายใช้สอยของลูกค้ามากพอสมควร ถึงแม้เศรษฐกิจจะดีขึ้นก็ตาม แต่ปัญหาการเมืองได้ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาไทยน้อยลง การบริโภคก็จะหดตัวลงตามไปด้วย ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ ธปท.นำมาพิจารณาประกอบกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย ที่อาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทุกธุรกิจรวมทั้งเช่าซื้อด้วย แต่หากระดับเงินเฟ้อสูงขึ้นก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งทำให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะต้องติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยและระดับเงินเฟ้อว่าจะเป็นอย่างไร"นายอนุวัติร์ กล่าว
สำหรับยอดการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ปีนี้ที่ผ่านมามีการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 30% และคิดเป็นจำนวนรถจะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นคัน ของยอดขายรถยนต์ทั้งตลาด 2 เดือนดังกล่าวเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยยอดการเติบโตที่เห็นจะมาจากกลยุทธ์ที่ธนาคารไม่ได้เน้นแข่งขันด้านราคา แต่จะเน้นด้านการให้บริการเป็นหลัก เพราะอัตราดอกเบี้ยช่วงสิ้นปีที่แล้วอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำพอสมควร ธนาคารจึงไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด โดยจะดูแลลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ที่เป็นพันธมิตรกับธนาคารให้มีคุณภาพ เพื่อป้องกันการเกิดหนี้เสียในอนาคต
"การเติบโตสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารในปีนี้จะสอดคล้องกับตลาด และมั่นใจว่ายอดสินเชื่อที่ปล่อยใหม่ในปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 21% คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท จะได้ตามเป้าหมายที่ธนาคารวางไว้อย่างแน่นอน เพราะความต้องการซื้อรถยนต์ของลูกค้าในปีนี้เชื่อว่ายังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง"นายอนุวัติร์ กล่าว
นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK) เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปี 2553 นี้ มองว่าจะมีการเติบโตดีขึ้นกว่าปี 2552 มากพอสมควร เมื่อพิจารณายอดขายรถยนต์แล้วอยู่ในระดับที่สูง เนื่องจากมีรถยนต์ประเภทอีโคคาร์ออกมาจำหน่าย จึงทำให้ลูกค้าหันไปสนใจรถประเภทดังกล่าวกันมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องจับตามองและติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อย่างใกล้ชิดว่าจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ ธนาคารคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.น่าจะมีการปรับขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ประมาณ 0.50-0.75% แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยความไม่แน่นอนของกลไกที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจด้วย เช่น เมื่อเศรษฐกิจทั้งของโลกและของไทยมีการฟื้นตัวดีขึ้น มีการอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นก็จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของไทยมีการปรับสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะเป็นเหตุผลกดดันให้ ธปท.ควบคุมระดับเงินเฟ้อด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม หากธปท.มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็จะไม่เป็นผลดีต่อธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้ออย่างแน่นอน เนื่องจากลูกค้าจะมีการชะลอหรือเลื่อนการตัดสินใจขอสินเชื่อเช่าซื้อออกไปก่อน จากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับความไม่มั่นใจในสถานการณ์ภายในประเทศ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ธุรกิจเช่าซื้อทั้งระบบมีการเติบโตในอัตราที่น้อยลง ดังนั้น ธนาคารจึงหวังว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะกลับมาเรียบร้อยเหมือนเดิมในระยะเวลาอันรวดเร็ว
"ปัจจัยความไม่แน่นอนภายในประเทศขณะนี้ถือว่ามีผลต่อการตัดสินใจจับจ่ายใช้สอยของลูกค้ามากพอสมควร ถึงแม้เศรษฐกิจจะดีขึ้นก็ตาม แต่ปัญหาการเมืองได้ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาไทยน้อยลง การบริโภคก็จะหดตัวลงตามไปด้วย ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ ธปท.นำมาพิจารณาประกอบกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย ที่อาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทุกธุรกิจรวมทั้งเช่าซื้อด้วย แต่หากระดับเงินเฟ้อสูงขึ้นก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งทำให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะต้องติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยและระดับเงินเฟ้อว่าจะเป็นอย่างไร"นายอนุวัติร์ กล่าว
สำหรับยอดการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ปีนี้ที่ผ่านมามีการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 30% และคิดเป็นจำนวนรถจะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นคัน ของยอดขายรถยนต์ทั้งตลาด 2 เดือนดังกล่าวเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยยอดการเติบโตที่เห็นจะมาจากกลยุทธ์ที่ธนาคารไม่ได้เน้นแข่งขันด้านราคา แต่จะเน้นด้านการให้บริการเป็นหลัก เพราะอัตราดอกเบี้ยช่วงสิ้นปีที่แล้วอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำพอสมควร ธนาคารจึงไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด โดยจะดูแลลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ที่เป็นพันธมิตรกับธนาคารให้มีคุณภาพ เพื่อป้องกันการเกิดหนี้เสียในอนาคต
"การเติบโตสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารในปีนี้จะสอดคล้องกับตลาด และมั่นใจว่ายอดสินเชื่อที่ปล่อยใหม่ในปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 21% คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท จะได้ตามเป้าหมายที่ธนาคารวางไว้อย่างแน่นอน เพราะความต้องการซื้อรถยนต์ของลูกค้าในปีนี้เชื่อว่ายังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง"นายอนุวัติร์ กล่าว