xs
xsm
sm
md
lg

ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงการปกครองกันได้หรือยัง?

เผยแพร่:   โดย: วิทยา วชิระอังกูร


จู่ๆ ผมก็เกิดมีอาการเบื่อขึ้นมาอย่างรุนแรง รุนแรง และรุนแรง ในท่ามกลางกลุ่มคนสันติวิธี และคนกลางกลวงที่ดาหน้าออกมาต่อต้านคัดค้านการใช้ความรุนแรงอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู 

แต่เพราะความเบื่อที่มันเกิดรุนแรงเกินระงับ ผมจึงเบื่อที่จะฟังบรรดาปราชญ์หอคอย ที่ชอบออกมาแสดงตนเป็นคนกลาง ที่อยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง ตามจังหวะจะโคนและโอกาสที่อยากจะแสดงให้ดูเท่ห์ และดูดี

  ผมเบื่อการจีบปากจีบคอปกป้องการใช้สิทธิชุมนุมของมวลชนคนเสื้อแดง โดยการเอ่ยอ้างแต่สิทธิความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับละเลยที่จะอรรถาธิบายถึงหน้าที่ที่จะต้องเคารพต่อสิทธิของคนอื่น และสังคมโดยรวม

คนเป็นกลางอ้างว่ารัฐต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ต้องรับฟังข้อประท้วงเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยไม่เคยพินิจพิเคราะห์ว่า ข้อประท้วงเรียกร้องนั้นชอบด้วยเหตุด้วยผล หรือเป็นเพียงข้อเรียกร้องที่ประดิษฐ์วาทกรรมให้ฟังดูดีแต่ไร้เหตุผล ไร้ตรรกะ ความชอบธรรมอย่างสิ้นเชิง เพราะเนื้อแท้วัตถุประสงค์หลักก็เพื่อปกป้องช่วยเหลือคนกระทำผิดคิดชั่วเพียงคนเดียว อย่างไม่ลืมหูลืมตาเท่านั้นเอง

  และเพื่อให้ฟังดูดีสมกับเป็นผู้ที่รักสันติและยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน ก็จะต้องตำหนิติติงฝ่ายรัฐที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง และเตรียมกองกำลังทหารตำรวจมากเกินควร รวมทั้งการเปิดเผยด้านการข่าวที่สืบทราบว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมการจะใช้ความรุนแรงด้วยวิธีการต่างๆ โดยวิพากษ์ว่า การเปิดเผยข่าว และการเตรียมการป้องปรามของฝ่ายรัฐเป็นการกระตุ้นยั่วยุให้เกิดความรุนแรง

นักวิชาการผู้เปี่ยมล้นด้วยสันติบางคน ทนไม่ได้ที่มีการตั้งด่านตรวจบัตรประชาชนและตรวจค้นอาวุธ ผู้ที่จะเข้าร่วมการชุมนุม เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง เป็นทัศนคติที่ไม่ดีของฝ่ายรัฐที่เห็นกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นศัตรู ผู้ก่อการร้าย   

  ฟังๆ ไป ผมก็ต้องลุ้นช่วยฝ่ายรัฐ ว่าจะอรรถาธิบายให้ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสันติได้เห็นถึงภาพและเสียง การปลุกระดมของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนที่ผมและประชาชนอีกหลายล้านคนได้ดูได้ฟังจากคลิปวิดีโอหรือไม่อย่างไร ภาพและเสียงที่คนเสื้อแดงเขาชักชวนกันให้นำขวดใส่น้ำมันเชื้อเพลิงคนละลิตรมาร่วมชุมนุม ถ้าได้ครบล้านลิตรก็จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นทะเลเพลิง

ภาพและเสียงแกนนำหลายคนร่วมกันประกาศปลุกระดม ให้คนเสื้อแดงไปช่วยกันจับอำมาตย์มาเข่นฆ่า แล้วเอามาแขวนคอกลางสนามหลวง

ผมชักสงสัยว่า ภาพและเสียงการปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบของเวทีกลุ่มคนเสื้อแดงทุกครั้งทุกเวที ท่านผู้ทรงคุณวุฒิ ท่านไม่ได้เห็นไม่ได้ฟัง หรืออย่างไร?

ทุกเวทีของการพล่ามพูดถึงการยุติความรุนแรง การใช้สันติวิธีไม่มีแม้สักคนเดียว ที่จะพูดถึงหรือยกตัวอย่างกรณีศึกษาของความรุนแรงในเหตุการณ์ปราบปรามประชาชนของฝ่ายรัฐ ที่ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมบาดเจ็บ ล้มตายและพิกลพิการนับหลายร้อยคน เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 และการก่อกวนป่วนบ้านป่วนเมืองแบบใช้ความรุนแรงของกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งที่พัทยา ที่กระทรวงมหาดไทย และการเผารถเมล์กลางกรุงนับสิบคัน การทุบมัสยิดที่เพชรบุรีซอย 7 และการฆ่าประชาชนสองชีวิตที่ชุมชนนางเลิ้ง เมื่อเดือนเมษายน 2552   

นักสันติวิธีทั้งหลาย ไม่เคยเปรียบเทียบการใช้อำนาจรัฐของนายกรัฐมนตรีระหว่างนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยมีตัวอย่างการควบคุมฝูงชนในเดือนตุลาคม 2551 กับเดือนเมษายน 2552 ที่ยืนยันถึงความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

  ผมไม่เคยได้ยินกลุ่มคนที่วางตัวเป็นกลาง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มริบบิ้นสีขาว (ที่หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้) หรือกลุ่มสันติวิธีในชื่อเรียกใดๆ พูดถึงการยิงเอ็ม 79 ใส่ที่ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ นับสิบๆ ครั้ง ซึ่งมีทั้งคนเจ็บและคนตาย ต่อเนื่องตลอดระยะเวลาการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะครั้งล่าสุด ต่อหน้าวัดพระแก้วและศาลหลักเมือง

ไม่เคยพูดถึงกรณีตำรวจใช้วิธีการปิดหมายศาลด้วยการใช้กำลังเข้าทุบตี ทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม ทุบทำลายข้าวของของกลุ่มผู้ชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ 

และไม่เคยบันทึกเหตุการณ์ความรุนแรงของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จังหวัดอุดรธานี ที่ใช้อาวุธบุกทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายตรงข้ามที่หนองประจักษ์อย่างป่าเถื่อนคึกคะนอง 

คนรักสันติวิธีจงใจที่จะละเลยพูดถึงกลุ่มคนเสื้อแดงจังหวัดเชียงใหม่ที่ใช้ความรุนแรงกระทำต่อฝ่ายตรงข้ามนับสิบๆ ครั้ง รวมทั้งที่ร้ายแรงที่สุดคือการยกพวกใช้อาวุธมีดและปืนเข่นฆ่าคนชราที่ไม่มีทางสู้กลางเมืองเชียงใหม่อย่างโหดร้ายทารุณ

ผมเบื่อครับ เบื่อจริงๆ กับการที่คนเราเลือกที่จะพูดความจริงกันเพียงครึ่งเดียว เลือกที่จะพูดความจริงบางส่วนเพียงเพื่อให้รู้สึกว่า พูดแล้วฟังดูดี ดูเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ดูเป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยละเลยที่จะพูดถึงความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างแท้จริง

ปัญหาบ้านปัญหาเมืองจึงหมักหมมยืดเยื้อยาวนาน จนปะทุเป็นความแตกแยกของผู้คนทั้งประเทศอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในขณะนี้

ผมเสียดายที่ประเทศไทยมีผู้ทรงคุณวุฒิทางวิชาการ ทั้งทางรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และศาสตร์อื่นๆ อีกมากมายที่สามารถจะเอื้อประโยชน์ในการพัฒนาการทางด้านการเมืองการปกครองของประเทศ แต่เราก็ใช้ระยะเวลายาวนานถึง 78 ปี ใช้รัฐธรรมนูญถึง 18 ฉบับ เพื่อจะมีรูปแบบระบอบการเมืองการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยที่พิกลพิการ และรัฐสภาที่เส็งเคร็งไร้ประสิทธิภาพเยี่ยงที่เห็นที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ 

ผมเบื่อครับ เบื่อมากๆ จริงๆ ที่จนบัดนี้ ยังไม่มีนักสันติวิธีผู้รักความเป็นธรรม รักชาติ รักประชาธิปไตยของประเทศไทย คนใด กล้าออกมายอมรับว่า ระบอบประชาธิปไตยที่ลอกตะวันตกมาทั้งดุ้นนั้น มันไม่เหมาะไม่สม และไม่สามารถครอบสนิทลงได้กับลักษณะสังคมไทยที่แท้จริง แทนที่จะอำนวยประโยชน์สุขแก่ประชาชนและสังคมโดยรวม จึงกลับสร้างปัญหาสะสมทับถมมาโดยตลอด

  จนมาถึงวันนี้ ถึงเวลาหรือยังครับ ที่คนไทยทุกภาคส่วนจะร่วมกันฝ่าวิกฤตความขัดแย้งแตกแยกอย่างรุนแรงของสังคม ด้วยการมาช่วยกันทบทวนปฏิรูประบอบการเมืองการปกครองใหม่เสียที โดยไม่ยึดติดกับทฤษฎีตะวันตกอย่างงมงาย แต่ช่วยกันระดมความคิดปรับเปลี่ยนออกแบบระบอบการเมืองการปกครองของประเทศไทยใหม่ ให้สอดคล้องและเหมาะสมกับลักษณะของสังคมไทยอย่างแท้จริง

ผมเคยถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดนี้กับ ว.แหวนลงยา ตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 และได้ตกผลึกเป็นคำถามกึ่งเรียกร้อง กึ่งหารือ ต่อสังคมไทยร่วมกัน ด้วยบทกวีบทนี้ครับ
 
           เปลี่ยนระบอบ การเมือง กันดีไหม?
               เอาระบอบอะไรก็ได้ ที่เหมาะเจาะ
              บทเพลง ประชาธิปไตย ไม่ไพเราะ
                ตะกุกตะกัก กัดเซาะ สังคมทรุด
                 ตัวบท กฎเกณฑ์ ล้วนเก้งก้าง
                     ชำระ สะสาง ไม่สิ้นสุด
               ประชาธิปไตย ไร้ธรรม ช้ำชำรุด
                 ถูกยื้อยุด ยืดเยื้อ ยาวนานนัก
                ยึดติดแต่ รูปแบบ แคบและตื้น
                ฉุดกระชาก ลากฝืนจนจมปลัก
              ปอกลอก ประชาธิปไตย โดยไร้รัก
                  มีแต่หาญ แต่หัก ให้หายนะ
                   รัฐสภา บ่าท่วม เพทุบาย
                 จมจ่อม ต่อมน้ำลาย กักขฬะ
             ประชาธิปไตย โดยตั้งเป้า เอาชนะ
                  จึงโมหะ โลภะ กันสุดฤทธิ์
             เล่นเล่ห์ จนเลอะเทอะ เปรอะเปื้อน
                 ช่วงชิง เชือดเฉือน อำมหิต
         ประชาธิปไตย อวลไอบาป อาบยาพิษ
              จึงมืดมิด หมดทาง สร้างนิติรัฐ
         เปลี่ยนระบอบ การเมือง กันดีไหม?
         ให้เหมาะเจาะ เฉพาะไทย ไม่ข้องขัด
            เสกสร้าง สังคมไทย ให้อภิวัฒน์
        ในกรอบกฎ กระบวนทัศน์ แบบไทยไทย
               เลิกยึดติด ทฤษฎี ตะวันตก
               มาร่วมกัน สาธก ทฤษฎีใหม่
          ออกแบบ ให้สอดคล้อง สังคมไทย
      เปลี่ยนเป็น “ธรรมาธิปไตย” ดีไหมครับ?

                               ว.แหวนลงยา


 (www.oknation.net/blog/wachira89 27 เมษายน 2552)
กำลังโหลดความคิดเห็น