ASTVผู้จัดการรายวัน – หวั่นการเมืองฉุดตลาดถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยปีนี้ไม่โต ขณะที่ สพท. ระบุ 2 เดือนแรก ตัวเลขถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย โตฉลุย โกยแล้ว 133 เรื่อง ญี่ปุ่นครองแชมป์สูงสุด ชี้มีหนังฟอร์มใหญ่จอคิว 6-7 เรื่อง ถ้าสถานการณ์ปกติ คาดสิ้นปี มีรายได้ 1,500 ล้านบาท โต 50% จากปีก่อน แต่หากการชุมนุมเกิดภาพความรุนแรงกองถ่ายมีหวังชิ่งหนี
นายเสกสรร นาควงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว (สพท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยในปี 2553 นี้ คาดว่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา ล่าสุด มีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เรื่องเรื่องยาว เริ่มติดต่อขอเข้ามาใช้โลเกชั่นประเทศไทยในการถ่ายทำแล้วประมาณ 6-7 เรื่อง ถือเป็นสัญญาณที่ดี จากปีก่อน ที่มีภาพยนตร์เรื่องยาวเข้ามาถ่ายทำน้อยมาก เนื่องจากผู้สร้างได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก อีกทั้งมีความต้องการไปทดลองถ่ายทำในประเทศอื่นเพื่อให้ได้โลเกชั่นใหม่ๆ
จากแนวโน้มที่ดีขึ้นดังกล่าว ทำให้ สพท. คาดว่า รายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยปีนี้ จะเติบโตกว่าปีก่อนไม่ต่ำกว่า 50% หรือขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,200-1,500 ล้านบาท แต่ยังไม่ถึงปี 2551 ที่ทำได้ 2,000 ล้านบาท เพราะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว โดยยอดภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยตั้งแต่ต้นปีถึง 11 มี.ค. มีจำนวนทั้งสิ้น 133 เรื่อง
เป็นภาพยนตร์จาก ญี่ปุ่น และ อินเดีย มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีความกังวลว่าหากสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงเกิดความรุนแรง จะส่งผลกระทบให้ บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์จะขอเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน และถ้าการชุมนุมยืดเยื้อนานมากอาจทำให้ผู้สร้างเปลี่ยนไปถ่ายที่ประเทศอื่นแทน ส่งผลให้ประเทศต้องสูญเสียเงินที่ควรจะได้
“สิ่งสำคัญที่สุดของกองถ่ายทำภาพยนตร์ คือเรื่องของความปลอดภัย โดยเฉพาะหนังฟอร์มใหญ่ ที่มีดาราระดับซูเปอร์สตาร์ ร่วมถ่ายทำซึ่งเขาต้องเน้นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษ และหากการชุมนุมมีความรุนแรง จะทำให้ต้องเพิ่มค่าประกันภัย หรือไม่บริษัทประกันภัยก็ไม่คุ้มครอง”
ทั้งนี้แผนงานของกองกิจการภาพยนตร์ ในปีงบประมาณ 2553 จะเน้นเดนสายโรดโชว์ นำเสนอโลเกชั่นถ่ายทำภาพยนตร์ที่หลากหลายในมุมมองแปลกใหม่ ให้ผู้สร้างและผู้กำกับในต่างประเทศได้รับรู้ โดยมีแผนร่วมงานเทรดโชว์ โรดโชว์ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์รวม 6 งานใน 6 ประเทศ เช่น เกาหลี ฮ่องกง ฝรั่งเศส อเมริกา ญี่ปุ่น และสเปน ซึ่งปลายปีที่ผ่านมาไปร่วมงานแล้ว 2 ประเทศ คือ สเปน และ
ญี่ปุ่น ล่าสุด 20-26 มี.ค.นี้ จะไปร่วมงานฟิล์ม เฟสติวัล ที่ ฮ่องกง
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวจากกองกิจการภาพยนตร์ สพท. ระบุว่า 2 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-ก.พ.) มีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยรวม 116 เรื่อง คิดเป็นรายได้เข้าประเทศ 213.14 ล้านบาท ในที่นี้แบ่งเป็นภาพยนตร์สารคดี 40 เรื่อง ,ภาพยนตร์โฆษณา 60 เรื่อง , ภาพยนตร์เรื่องยาว 5 เรื่อง ภาพยนตร์โทรทัศน์ 7 เรื่อง และมิวสิควิดีโอ 4 เรื่อง ประเทศที่เข้ามาถ่ายทำสูงสุดตามลำดับ
ได้แก่ ญี่ปุ่น 33 เรื่อง , อินเดีย 22 เรื่อง ยุโรป 20 เรื่อง สำหรับปี 2552 มีภาพยนตร์เข้ามาถ่ายทำรวม 496 เรื่อง สร้างรายได้ 897.83 ล้านบาท ลดลงจากปี 2551 55.62%
นายเสกสรร นาควงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว (สพท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยในปี 2553 นี้ คาดว่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา ล่าสุด มีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เรื่องเรื่องยาว เริ่มติดต่อขอเข้ามาใช้โลเกชั่นประเทศไทยในการถ่ายทำแล้วประมาณ 6-7 เรื่อง ถือเป็นสัญญาณที่ดี จากปีก่อน ที่มีภาพยนตร์เรื่องยาวเข้ามาถ่ายทำน้อยมาก เนื่องจากผู้สร้างได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก อีกทั้งมีความต้องการไปทดลองถ่ายทำในประเทศอื่นเพื่อให้ได้โลเกชั่นใหม่ๆ
จากแนวโน้มที่ดีขึ้นดังกล่าว ทำให้ สพท. คาดว่า รายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยปีนี้ จะเติบโตกว่าปีก่อนไม่ต่ำกว่า 50% หรือขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,200-1,500 ล้านบาท แต่ยังไม่ถึงปี 2551 ที่ทำได้ 2,000 ล้านบาท เพราะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว โดยยอดภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยตั้งแต่ต้นปีถึง 11 มี.ค. มีจำนวนทั้งสิ้น 133 เรื่อง
เป็นภาพยนตร์จาก ญี่ปุ่น และ อินเดีย มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีความกังวลว่าหากสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงเกิดความรุนแรง จะส่งผลกระทบให้ บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์จะขอเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน และถ้าการชุมนุมยืดเยื้อนานมากอาจทำให้ผู้สร้างเปลี่ยนไปถ่ายที่ประเทศอื่นแทน ส่งผลให้ประเทศต้องสูญเสียเงินที่ควรจะได้
“สิ่งสำคัญที่สุดของกองถ่ายทำภาพยนตร์ คือเรื่องของความปลอดภัย โดยเฉพาะหนังฟอร์มใหญ่ ที่มีดาราระดับซูเปอร์สตาร์ ร่วมถ่ายทำซึ่งเขาต้องเน้นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษ และหากการชุมนุมมีความรุนแรง จะทำให้ต้องเพิ่มค่าประกันภัย หรือไม่บริษัทประกันภัยก็ไม่คุ้มครอง”
ทั้งนี้แผนงานของกองกิจการภาพยนตร์ ในปีงบประมาณ 2553 จะเน้นเดนสายโรดโชว์ นำเสนอโลเกชั่นถ่ายทำภาพยนตร์ที่หลากหลายในมุมมองแปลกใหม่ ให้ผู้สร้างและผู้กำกับในต่างประเทศได้รับรู้ โดยมีแผนร่วมงานเทรดโชว์ โรดโชว์ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์รวม 6 งานใน 6 ประเทศ เช่น เกาหลี ฮ่องกง ฝรั่งเศส อเมริกา ญี่ปุ่น และสเปน ซึ่งปลายปีที่ผ่านมาไปร่วมงานแล้ว 2 ประเทศ คือ สเปน และ
ญี่ปุ่น ล่าสุด 20-26 มี.ค.นี้ จะไปร่วมงานฟิล์ม เฟสติวัล ที่ ฮ่องกง
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวจากกองกิจการภาพยนตร์ สพท. ระบุว่า 2 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-ก.พ.) มีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยรวม 116 เรื่อง คิดเป็นรายได้เข้าประเทศ 213.14 ล้านบาท ในที่นี้แบ่งเป็นภาพยนตร์สารคดี 40 เรื่อง ,ภาพยนตร์โฆษณา 60 เรื่อง , ภาพยนตร์เรื่องยาว 5 เรื่อง ภาพยนตร์โทรทัศน์ 7 เรื่อง และมิวสิควิดีโอ 4 เรื่อง ประเทศที่เข้ามาถ่ายทำสูงสุดตามลำดับ
ได้แก่ ญี่ปุ่น 33 เรื่อง , อินเดีย 22 เรื่อง ยุโรป 20 เรื่อง สำหรับปี 2552 มีภาพยนตร์เข้ามาถ่ายทำรวม 496 เรื่อง สร้างรายได้ 897.83 ล้านบาท ลดลงจากปี 2551 55.62%
