ASTVผู้จัดการรายวัน –เมเจอร์ฯลุยต่อปีนี้อีก 800 ล้านบาท ขยายโรงหนังอีก 30 โรง เน้นโมเดลสแตนด์อโลน มั่นใจตลาดรวมปีนี้เติบโตดี เพราะหนังฟอร์มใหญ่เพียบ ส่วนเมเจอร์คาดโต 15% เล็งลงทุนเพิ่มเลนโบว์ลิ่งที่อินเดียอีก 24 เลน
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของเมเจอร์กรุ้ปในประเทศไทยปีนี้ ได้ตั้งงบประมาณการลงทุนไว้ 800 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสาขาใหม่ซึ่งหากมองเป็นจำนวนโรงแล้วรวมไม่ต่ำกว่า 30 โรง ซึ่งจะเน้นลงทุนโมเดลสแตนด์อโลนเป็นหลัก เพราะเป็นรูปแบบที่ได้รับความสำเร็จอย่างมาก
ส่วนสาขาที่โครงการพาราไดซ์พาร์ค ถนนศรีนครินทร์นั้น ซึ่งดิมเมเจอร์ฯเปิดบริการอยู่แล้วจะทำการรีโนเทใหม่พร้อมกับศูนย์การค้า ให้มีคอนเซ็ปท์และรูปแบบที่สอดคล้องกับศูนย์การค้าด้วย
ขณะที่แผนด้านการตลาดนั้น จะเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่แยกเป็นเซ็กเม้นท์ให้ชัดจนมากขึ้น ด้วยการใช้กลยุทธ์ราคาที่สามารยืดหยุ่นได้ จากเดิมที่ตั๋วนั้นมีราคาแตกต่างกันไปอยู่แล้วตามกลุ่มของลูกค้าไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา เด็ก ผู้สูงอายุ เป็นต้น
สำหรับความเคลื่อนไหวในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ของผลประกอบการ นายวิชากล่าวว่า มีการเติบโตน่าพอใจ โดยเดือนมกราคมมีการเติบโต 50% ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ก็ยังอยู่ในทิศทางที่ดีเช่นกัน ซึ่งมีหนังหลักที่ทำรายได้ดีเช่น อวตาร และ เรื่อง 32ธันวา ขณะที่หลังจากนี้ไปก็ยังจะดีอยู่เพราะดูจากหนังที่จะเข้าฉายแล้วล้วนแต่เป็นฟอร์มใหญ่ทั้งสิ้นเช่น เดอะทไวไลท์ ซากา อีคลิปส์ หรือ แฮร์รี่พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลดีต่อรายได้รวมบริษัทปีนี้มีประมาณ 6,100 ล้านบาท มีการเติบโต 15% จากปี 2552 ที่มีรายได้รวมประมาณ 5,544 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แน่นอน
ส่วนตลาดรวมของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ นายวิชามองว่า น่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% ขณะที่ตลาดหนังไทยก็มีความคึกคักมากขึ้น มีจำนวนหนังมากขึ้น และมีหนังฟอร์มใหญ่หลายเรื่องเช่น องก์บาก ภาค 3 เข้าฉายเดือนพฤษภาคมนี้ เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 3 และ 4 เดือนสิงหาคมและธันวาคม ตามลำดับ
ส่วนแผนการลงทุนต่างประเทศนั้น อยู่ระหว่างการเจรจากับหลายแห่งที่จะไปลงทุน ส่วนที่อินเดียนั้น ปีนี้จะลงทุนเพิ่มจำนวนเลนโบว์ลิ่งอีก 24 เลน ที่เมืองนิวเดลี จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 24 เลน
นายวิชายังให้ความเห็นถึงกรณีการชุมนุมของม็อบเสื้อแดงด้วยว่า การชุมนุมของกลุ่มคนสามารถทำได้ แต่วอนว่าอย่าสร้างผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจและกระทบต่อความเขชื่อมั่นของไทยและต่างชาติเลย ต้องการให้ผู้ชุมนุมมองถึงเรื่องนี้ด้วย
********
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของเมเจอร์กรุ้ปในประเทศไทยปีนี้ ได้ตั้งงบประมาณการลงทุนไว้ 800 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสาขาใหม่ซึ่งหากมองเป็นจำนวนโรงแล้วรวมไม่ต่ำกว่า 30 โรง ซึ่งจะเน้นลงทุนโมเดลสแตนด์อโลนเป็นหลัก เพราะเป็นรูปแบบที่ได้รับความสำเร็จอย่างมาก
ส่วนสาขาที่โครงการพาราไดซ์พาร์ค ถนนศรีนครินทร์นั้น ซึ่งดิมเมเจอร์ฯเปิดบริการอยู่แล้วจะทำการรีโนเทใหม่พร้อมกับศูนย์การค้า ให้มีคอนเซ็ปท์และรูปแบบที่สอดคล้องกับศูนย์การค้าด้วย
ขณะที่แผนด้านการตลาดนั้น จะเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่แยกเป็นเซ็กเม้นท์ให้ชัดจนมากขึ้น ด้วยการใช้กลยุทธ์ราคาที่สามารยืดหยุ่นได้ จากเดิมที่ตั๋วนั้นมีราคาแตกต่างกันไปอยู่แล้วตามกลุ่มของลูกค้าไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา เด็ก ผู้สูงอายุ เป็นต้น
สำหรับความเคลื่อนไหวในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ของผลประกอบการ นายวิชากล่าวว่า มีการเติบโตน่าพอใจ โดยเดือนมกราคมมีการเติบโต 50% ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ก็ยังอยู่ในทิศทางที่ดีเช่นกัน ซึ่งมีหนังหลักที่ทำรายได้ดีเช่น อวตาร และ เรื่อง 32ธันวา ขณะที่หลังจากนี้ไปก็ยังจะดีอยู่เพราะดูจากหนังที่จะเข้าฉายแล้วล้วนแต่เป็นฟอร์มใหญ่ทั้งสิ้นเช่น เดอะทไวไลท์ ซากา อีคลิปส์ หรือ แฮร์รี่พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลดีต่อรายได้รวมบริษัทปีนี้มีประมาณ 6,100 ล้านบาท มีการเติบโต 15% จากปี 2552 ที่มีรายได้รวมประมาณ 5,544 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แน่นอน
ส่วนตลาดรวมของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ นายวิชามองว่า น่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% ขณะที่ตลาดหนังไทยก็มีความคึกคักมากขึ้น มีจำนวนหนังมากขึ้น และมีหนังฟอร์มใหญ่หลายเรื่องเช่น องก์บาก ภาค 3 เข้าฉายเดือนพฤษภาคมนี้ เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 3 และ 4 เดือนสิงหาคมและธันวาคม ตามลำดับ
ส่วนแผนการลงทุนต่างประเทศนั้น อยู่ระหว่างการเจรจากับหลายแห่งที่จะไปลงทุน ส่วนที่อินเดียนั้น ปีนี้จะลงทุนเพิ่มจำนวนเลนโบว์ลิ่งอีก 24 เลน ที่เมืองนิวเดลี จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 24 เลน
นายวิชายังให้ความเห็นถึงกรณีการชุมนุมของม็อบเสื้อแดงด้วยว่า การชุมนุมของกลุ่มคนสามารถทำได้ แต่วอนว่าอย่าสร้างผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจและกระทบต่อความเขชื่อมั่นของไทยและต่างชาติเลย ต้องการให้ผู้ชุมนุมมองถึงเรื่องนี้ด้วย
********