xs
xsm
sm
md
lg

หวัด 2009 สอยเมเจอร์ฯร่วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ไข้หวัดใหญ่2009 ทำเหตุ สอยคนดูหนังในเมเจอร์ฯลดลง 10-15% “วิชา” หวังพ่อมดน้อยแฮร์รี่พอตเตอร์ ช่วยชีวิตสัปดาห์นี้ ด้านอาดามัส ชี้คอนเสิร์ตเป็นธุรกิจเสี่ยง ยิ่งเจอปัญหาเหนือความคาดหมายอย่าง หวัดใหญ่2009 เล่นงาน ยิ่งกระทบหนัก เลิกชูคอนเสิร์ตเป็นเรือธง ปรับทิศดันธุรกิจสื่อตัวหลักแทน ค่ายเอสเอฟยังคุยโวหวัดนกไม่กระทบ แต่ทำโปรโมชันมากเพราะเป็นไปตามแผนเดิมอยู่แล้ว

สถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่2009 ยังคงเป็นภาวะการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว และดูเหมือนว่าจะยิ่งหนักขึ้นทุกวัน ด้วยตัวเลขคนเสียชีวิตที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน
**เมเจอร์ฯโอดคอหนังหาย15%
นายวิชา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัญหาการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ตั้งแต่เริ่มระบาดเข้าประเทศไทยในช่วงแรกคนยังไม่วิตกมากนัก แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อคนดูหนัง เพราะโดยรวมแล้วในเครือของเมเจอร์ฯมีคนดูลดลงกว่า 10-15% ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาดังกล่าว และอีกส่วนหนึ่งเนื่องจากสัปดาห์ก่อนไม่มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เข้าฉายใหม่ มีเพียงเรื่อง “ทรานฟอร์มเมอร์” เท่านั้น ที่เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ยังเข้าฉายอยู่  
โดยในสัปดาห์นี้ จากการที่มีหนังเรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์เข้าฉาย เชื่อว่ากระแสคนดูหนังจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งช่วงสัปดาห์นี้ พบว่าคนไทยเข้าใจและปรับตัวยอมรับกับกระแสไข้หวัด2009 ได้ดียิ่งขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตามครึ่งปีหลังนี้ ปัญหาไข้หวัด 2009 น่าจะเป็นปัญหาในระยะสั้น จึงไม่หนักใจนัก ขณะที่ปัญหาการเมืองคงต้องรอดูสถานการณ์ต่อไปเพราะมองเป็นปัญหาที่ควรหนักใจมากกว่า
ก่อนหน้านี้เมเจอร์ฯได้ร่วมมือกับบริษัท เกรทเตอร์ฟาร์ม่า จำกัด ก็ได้มอบผลิตภัณฑ์มายเซฟติคมายบาซินคลีนซิ่งแอนด์เจล เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในเครือเมเจอร์ฯทั้งหมดทำความสะอาดมือ ขณะที่ก็ยังมีมาตรการเข้มงวดในการทำความสะอาดสถานที่ต่างๆทั้ง เบาะที่นั่ง และสิ่งที่สัมผัสบ่อยๆในโรงหนัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ชมอยู่แล้ว
**อาดามัสฯเลิกชูธงคอนเสิร์ต
ขณะที่บริษัทรายใหญ่ในธุรกิจคอนเสิร์ตเองก็ได้รับผลกระทบต้องปรับตัวเช่นกัน โดยนายรัฎ อักษรานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาดามัส เวิลด์ เปิดเผยว่า ธุรกิจคอนเสิร์ตซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักเดิมของบริษัทฯ ถือเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงหากเกิดปัจจัยลบภายนอกองค์กรที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ปัญหาเรื่องการเมืองที่มีความขัดแย้งกัน
รวมไปถึงขณะนี้ที่เกิดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ที่รุนแรงในเวลานี้และส่งผลกระทบต่อภาพรวมที่หลากหลาย
ธุรกิจหลักของบริษัทฯอย่างคอนเสิร์ตก็เป็นการจัดคอนเสิร์ตนำเข้าจากต่างประเทศเช่น จากเกาหลี ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายครั้งแล้ว และแต่ละครั้ง ในบางครั้งก็มีปัจจัยลบเกิดขึ้นโดยไม่สามารถคดาดการณ์ได้ล่วงหน้า ซึ่งตั้งแต่ต้นปีนี้มาบริษัทฯเพิ่งจัดคอนเสิร์ตไปได้แค่งานเดียวเองคือ คอนเสิร์ตศิลปินเอสเอ็ม ทาวน์
อย่างไรก็ตาม ในสิ้นปีนี้ อาดามัส ยังมีแผนที่จะจัดคอนเสิร์ตใหญ่อีก 1 งาน แต่เป็นคอนเสิร์ตของศิลปินในประเทศไทยเอง ไม่ใช่คอนเสิร์ตนำเข้า
“เรื่องปัญหาการเมืองเป็นสิ่งที่เรากังวลมากที่สุด เพราะไม่ใช่แค่ไม่สามารถควบคุมได้เลย แต่ยังหลีกเลี่ยงยากด้วย ส่วนปัญหาเรื่องสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ตอนนี้ โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าไม่นานสถานการณ์คงจะสามารถคลี่คลายลงได้แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบเหมือนกัน ขณะที่เรื่องของเศรษฐกิจนั้นไม่กังวลมากนัก เพราะว่าธุรกิจบันเทิงถือเป็นสิ่งเดียว ที่เป็นทางออกของประชาชนได้” นายรัฎ กล่าว
ล่าสุดบริษัทฯได้ปรับโครงสร้างทางธุรกิจใหม่ หลังจากที่ตนได้เข้ามาบริหารเมื่อเดือนกรกฎาคมนี้ โดยมีสาเหตุมาจากการที่ธุรกิจคอนสิร์ตที่เป็นหัวใจหลักของบริษัทฯมีความเสี่ยงสูงนั่นเอง ซึ่งคาดว่าโครงสร้างธุรกิจใหม่จะชัดเจนในต้นปีหน้า โดยจะหันมาเน้นธุรกิจสื่อเป็นหลัก จากเดิมเน้นธุรกิจบันเทิง การจัดคอนเสิร์ต โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทางด้านธุรกิจสื่อ คาดว่าจะสามารถสรุปการเจรจาในเดือนสิงหาคมนี้
                โดยโครงสร้างธุรกิจใหม่ของอาดามัสนั้น ในเบื้องต้นในต้นปีหน้า จะมีรายการโทรทัศน์ 1 รายการ และคาดว่าจาการรุกธุรกิจสื่อมากขึ้นนี้จะทำให้รายได้ของบริษัทฯมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี ซึ่งสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯจากเดิมที่มีรายได้จากคอนเสิร์ตเป็นหลัก แต่โครงสร้างใหม่จะเป็นดังนี้ ตัวหลักจะมาจากธุรกิจสื่อ 40% ส่วนงานคอนเสิร์ตเป็น 30% และการจัดกิจกรรมด้านกีฬาอีก 30% นอกจากนี้ยังเป็นรับจ้างผลิตรายการข่าวให้กับช่องที – สปอร์ต แชนแนล ของการกีฬาแห่งประเทศไทยด้วย ซึ่งปีที่ผ่านมามีรายได้ประมาณ 200 ล้านบาท
**เอสเอฟยันยังไม่กระทบมาก
แหล่งข่าวจากโรงหนังเครือเอสเอฟ กล่าวว่า ในส่วนของเอสเอฟนั้น ยังไม่มีผลกระทบแต่อย่างใดจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่2009 ซึ่งบรรยากาศโดยรวมทั่วไปยังดีอยู่ ยังมีผู้คนมาดูหนังตามปรกติ ส่วนการที่จัดทำโปรโมชั่นมากนั้น เป็นไปตามแผนเดิมอยู่แล้ว ไม่ใช่มาเร่งโหมทำช่วงนี้เพราะมีหวัดใหญ่ 2009 ระบาดแต่อย่างใด
“แต่พฤติกรรมการดูหนังอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง เช่นการใส่หน้ากากอนามัยมาดูหนังก็มีมากขึ้น เพราะคนอาจจะกลัวเรื่องไข้หวัดใหญ่ แต่ก็ยังมาดูหนังกัน เป็นเพราะความตื่นตัวของคนมากกว่าที่จะตื่นตระหนก ซึ่งเราเองก็มีมาตรการป้องกันอยู่แล้วอย่างเข้มงวด เช่นการเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดเบาะที่นั่ง และวัสดุอื่นๆที่มีการสัมผัสบ่อย การใช้เจลล้างมือในห้องน้ำ เป็นต้น ขณะที่สัปดาห์นี้ก็มีหนังฟอร์มใหญ่คือ แฮร์รี่พอตเตอร์ เข้าฉายด้วย รวมทั้งเรื่อง หนีตามกาลิเลโอ ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเชื่อว่าจะมีคอหนังเข้ามาดูหนังมากขึ้นด้วย ส่วนหนังไทยเรื่อง วงศ์คำเหลา ก็เพิ่งเลี้ยงฉลองรายได้สู่ 100 ล้านบาทไปแล้ว เชื่อว่าตลาดหนังระยะยาวน่าจะยังดีอยู่ “
**เมเจอร์ฯยังลุยขยาย
นายวิชากล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินงานของเมเจอร์กรุ้ปนั้นยังเดินหน้าใช้งบลงทุนเฉลี่ยปีละ 800-1,000 ล้านบาท โดยปีนี้จะมีการขยายโรงภาพยนตร์เพิ่มราว 30 โรง ซึ่งเป็นตัวเลขปกติที่ขยายเพิ่มในแต่ละปี ทั้งในต่างจังหวัด ไปกับเทสโก้โลตัส และบิ๊กซี เช่น ที่บิ๊กซี มหาชัย เมืองใหม่ จำนวน 5-6 โรง และที่เทสโก้โลตัส ที่ อมตะนคร อีก 5-6 โรงเช่นกัน รวมถึงสาขาในรูปแบบสแตนด์อโลน อย่าง เอสพละนาดรัตนาธิเบศร์ ที่กำลังจะเปิดในช่วงเดือนพ.ย.นี้ จำนวน 16 โรง งบการลงทุน ประมาณ 1,000 ล้านบาท เชื่อมั่นว่าทั้งปีเมเจอร์กรุ้ปจะยังมีการเติบโตจากยอดขายตั๋วหนังเพิ่มที่ 10% จาก 4,000 ล้านบาทที่ทำได้ในปีก่อน
“โดยส่วนตัว มองว่าธุรกิจโรงหนังยังสามารถขยายเพิ่มได้อีกมาก ในส่วนของเมเจอร์ ตั้งใจที่จะเปิดโรงหนังเพิ่มปีละ 30 โรง โดยแต่ละปีควรจะมีโรงหนังในรูปแบบสแตนอะโลนด้วย ทั้งนี้กำลังมองหาพื้นที่ในชานเมือง ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ของเมเจอร์ในการทำธุรกิจโรงหนัง เชื่อว่าในระยะอันใกล้จะสามารถสรุปได้ ว่า โครงการสแตนอะโลนของปี2553 จะเป็นย่านใด ทั้งนี้โครงการในรูปแบบสแตนอะโลน จะมีการลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท”
อย่างไรก็ตามสำหรับแผนขยายสาขา สแตนด์อะโลน ของปี 2554 จากที่ทางบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (หมาชน) บริษัทในกลุ่มเมเจอร์ฯได้ร่วมทุนกับทาง IKEA แบรนด์เฟอร์นิเจอร์จากสวีเดน ในการร่วมทุนทำคอมเพล็กซ์ย่านถนนบางนา-ตราด มูลค่าโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาทนั้น ทางเมเจอร์มีแผนเข้าไปขยายสาขาสแตนด์อะโลนด้วย แต่ยังไม่สรุปว่าจะใช้ชื่อในแบรนด์ใด เพราะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่จะมีโรงหนังไม่ต่ำกว่า 20 โรง รวมทั้งยังมีความบันเทิงครบวงจร การลงทุนเบื้องต้นประมาณ 700-800 ล้านบาท
นายวิชา กล่าวต่อว่า ในส่วนของการพัฒนาที่ดินนั้น ในนามของบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) สำหรับพื้นที่บริเวณ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน ยังมีพื้นที่ว่างที่ยังไม่ได้มีการพัฒนาเหลืออีกประมาณ 5 ไร่ อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสเริ่มดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะในอีก 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯจะพิจารณาใหม่
ทางบริษัทจะเริ่มพัฒนาพื้นที่ที่เหลือนี้ โดยมองว่าคงจะไม่พัฒนาไปในรูปแบบอื่น มากไปกว่าการขยายต่อในส่วนของคอมมูนิตี้มอลล์เพิ่ม ตามความถนัดที่ทำมา นอกจากนี้ในส่วนของการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอินเดีย ภายในปีหน้า จะมีการลงทุนขยายธุรกิจโบว์ลิ่งเพิ่มให้ครบ 100 เลน
กำลังโหลดความคิดเห็น