ASTVผู้จัดการรายวัน - "แม้ว" เล่นมนต์ดำ ให้ "หมอผี" ทำพิธีจุดธูป 1 ดอก เทเลือดไพร่นองทำเนียบฯ สาปแช่งให้ฉิบหายกันทั้งประเทศ อ้างยุบสภาเมื่อไรจะแก้เคล็ดให้ "มาร์ค"สุดสมเพชพฤติกรรมเสื้อแดง เลยไปตรวจสถานการณ์ภัยแล้งที่ภาคเหนือดีกว่า "หมอนิด" ชี้เทเลือดแค่ปลุกความฮึกเหิม ชี้"มาร์ค"ดวงแข็ง แพทยสภาลั่นสอบจริยธรรมหมอเจาะเลือด "แดงไพร่" ด้าน "อดิศร" เห่า ยุให้บุกเอเอสทีวี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น. นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ประกาศบนเวทีที่สะพานผ่านฟ้า เรียกร้องให้ประชาชนเข้าร่วมบริจาคเลือด โดยมีเจ้าหน้าที่พยาบาลที่รอรับการบริจาคเลือดประมาณ 10 คน คอยอำนวยความสะดวก
นพ.พินิจ ทัมทิมทอง แพทย์ประจำโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กล่าวว่า ก่อนการบริจาคเลือด จะต้องทำการตรวจร่างการให้เป็นที่เรียบร้อย โดยผู้ที่ต้องห้ามในการรับบริจาคคือ ผูที่มีร่างกายซีดเซียว หัวใจเต้นผิดปกติ ความดันไม่ปกติ
"การเจาะเลือด 10 ซีซี ก็เหมือนโดนมีดบาด ไม่มีผลกระทบอะไรต่างร่างกาย แต่อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจ ซึ่งในการบริจาคเลือดในแต่ละครั้งที่สภากาชาดจะใช้ปริมาณ 100 ถึง 300 ซีซี" นพ.พินิจกล่าว
* อ้างสละเลือดเพื่อปกป้อง ปชต.
นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ขึ้นเวทีพร้อมแกนนำ โดยกล่าวว่า การสละเลือดในครั้งนี้ เป็นการบอกให้รัฐบาลได้รู้ว่า การที่ไม่ฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะเป็นอย่างไร และการบริจาคเลือดในครั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นการต่อสู้แบบสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ
"การที่จะเอาเลือดไปเทที่บริเวณทางเข้ารอบประตูทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นการบอกให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รู้ว่า หากคิดจะก้าวข้ามกองเลือดของประชาชนในประเทศโดยไม่รู้สึกอะไร ก็ให้มันรู้ไป" นายวีระกล่าว และว่า หากนายอภิสิทธิ์ ยังไม่ยุบสภา ทางแกนนำจะทบทวนมาตรการการต่อสูอีกครั้ง
หลังจากนั้นนายวีระและแกนนำคนอื่นๆ ได้เข้าบริจาคเลือดคนละ 10 ซีซี. โดยมีนพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีตแพทย์ชนบทเป็นผู้ทำการเจาะเลือด
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวว่าจะนำเลือดที่ได้ ไปทำพิธีกรรม เทราดทุกประตูของทำเนียบรัฐบาล โดยจะมีพิธีกรรมสาปแช่งระบอบการปกครองที่กดขี่ชนชั้นล่าง ไม่มีความยุติธรรม ซึ่งการใช้เลือดนี้จะเป็นการกดดันนายอภิสิทธิ์ ให้ยุบสภา แต่ถ้ายังไม่ยุบสภา ก็จะมีมาตรการกดดันเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะประสบความสำเร็จ
* 60 ส.ส.ร่วมเจาะ"เลือดไพร่"
ส่วนที่รัฐสภา ส.ส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 60 คน นำโดยนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ร่วมกันจุดธูปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าห้องประชุมรัฐสภา โดยนายวิทยา กล่าวนำว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะขอสละเลือดเช่นเดียวกับประชาชนที่สละเลือดเพื่อต่อสู้ให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย
จากนั้นได้พาส.ส.ออกจากรั้วประตูรัฐสภาเพื่อไปเจาะเลือดด้านหน้าสภา ซึ่งมีกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมอยู่ เพราะไม่สามารถเจาะเลือดภายในบริเวณรัฐสภาได้ เนื่องจากมีการแจ้งจากนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาว่าเป็นเขตพระราชฐาน ไม่สามารถเจาะเลือดได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อบรรดา ส.ส.มาถึงหน้ารัฐสภา ได้สลับเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยต่อหน้าคนเสื้อแดง ระหว่างรอเจ้าหน้าที่จาก รพ.นวนคร จ.ปทุมธานี โดยช่วงหนึ่งนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศว่า จะนำเลือดที่ ส.ส.เจาะมาบางส่วนไปทาเก้าอี้ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นั่งในห้องประชุมสภา เพื่อให้นายอภิสิทธิ์ นั่งทับเลือด
* มอบเลือด"ส.ส.ไพร่"ร่วมไล่มาร์ค
ต่อมาเวลา 13.30 น. ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดยนายสุนัย จุลพงศธร ว่าที่ ร.ต.พงษ์พันธุ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย นายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายศรีงาม ส.ส.อุดรธานี ได้เดินทางมาที่เวทีการชุมนุมของคนเสื้อแดง เพื่อนำเลือดของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ร่วมกันบริจาคประมาณ 1.5 ลิตร มอบให้แกนนำคนเสื้อแดง เพื่อร่วมไปราดที่ทำเนียบรัฐบาล
นายสุนัย กล่าวว่า ขณะนี้นายอภิสิทธิ์ หมดความชอบธรรมที่จะเป็นนายกฯแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนต้องของโทษแกนนำที่เอาเลือดบางส่วนไปราดหน้าสภาก่อนแล้ว เป็นการราดหน้านายอภิสิทธิ์ และเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ว่า มีเลือด ส.ส.ราดหน้าสภาครั้งแรกของไทย และเป็นการพิสูจน์ว่าครั้งนี้ เราสู้ ยอมแม้กระทั่งเสียเลือดก็ตาม
* แนะบริจาคให้กาชาดดีกว่า
น.ส.ณชา จึงกานต์กุล ผู้ได้รับคัดเลือกในตำแหน่งกุลธิดากาชาด กล่าวว่า การรวบรวมเลือดถือเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีของกลุ่มคนเสื้อแดง จึงอยากให้นำสัญลักษณ์ดังกล่าวมาบริจาคให้กับสภากาชาดดีกว่า เพราะกำลังประสบปัญหาเลือดไม่เพียงพอ
น.ส.ณชา กล่าวว่าในแต่ละปี ประเทศไทยต้องการเลือดถึงปีละ 300,000 ยูนิต หรือคิดเป็น 120 ล้านซีซี. เพื่อส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆ หรือคิดเป็นความต้องการเลือดเฉลี่ยถึงวันละ1,500 ยูนิต หรือ 600,000 ซีซี โดยเลือดที่ได้รับในแต่ละวัน 77 % จะถูกนำไปใช้รักษาผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุ ผ่าตัด และการคลอดบุตร ส่วนอีก 23 % จะนำไปใช้รักษาเฉพาะโรค เช่น โรคโลหิตจาง ธาลัสซีเมีย เกล็ดโลหิตต่ำ เป็นต้น และหากเกิดเหตุการณ์อุบัติภัยต่างๆ ความจำเป็นในการใช้เลือดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จึงอยากเชิญชวนให้ทุกฝ่ายหันมาบริจากเลือด เพื่อต่อชีวิตของผู้ป่วยซึ่งเป็นเพื่อนคนไทยด้วยกัน ดีกว่านำไปเททิ้ง
* บุกทำเนียบฯเลงเลือด สาปแช่ง
เวลา 16.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า ถึงเวลาแล้วที่ไพร่จะทยอยขับไล่รัฐบาลอำมาตย์ โดยมีคนมาร่วมบริจาคเลือดจำนวนมาก จากนี้ เราจะไปทำพิธีกรรมสาปแช่งด้วยเลือดที่ทำเนียบรัฐบาล
ต่อมา เวลา 16.35 น. แกนนำเดินคนเสื้อแดง เดินทางมาถึงยังบริเวณหน้าทางเข้า ทำเนียบฯ ฝั่งสะพานชมัยมรุเชฐ ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิภูแถลง นายสุภร อัตถาวงศ์ พร้อมด้วยผู้ชุมจำนวนหนึ่งที่เดินถือแกลลอนบรรจุเลือดจำนวน 5 ลิตร โดย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ได้ไปเจรจากับนายจตุพร เพื่อขอให้คนเสื้อแดงเข้ามาเทเลือดประมาณ 100 คน และขอร้องให้ผู้ชุมนุมที่เดินทางมาด้วย ให้รออยู่บริเวณด้านนอกประตู โดยเจ้าหน้าที่ได้เปิดประตูเล็กให้กลุ่มเสื้อแดงเข้ามา
ทั้งนี้บริเวณภายในทำเนียบรัฐบาลมีทหารและตำรวจจำนวน 20 กองร้อย ประมาณ 2,000 นาย รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
โดยแกนนำคนเสื้อแดงได้เข้ามาเทเลือดบริเวรประตูที่ 2 และประตูที่ 1 โดยให้พราหมณ์ทำพิธี สาปแช่ง โดยพราหมณ์ได้จุดธูป 1 ดอก และบริกรรมคาถา และวางธูปลงบนลิ่มเลือด จากนั้นพราหมณ์ ได้ใช้ฝ่ามือประกบเลือด และไปทาที่บริเวณต้นเสาต้นเล็ก เพื่อให้เป็นรอยมือของพราหมณ์ตามพิธี พร้อมทั้งใช้นิ้วจุ่มเลือดทำสัญลักษณ์กากบาทที่เสาของประตู 2 และ 1 จากนนั้นได้เทเลือดไปตามพื้นและใช้เท้ากระทืบที่พื้น เตะเสาและรั้วทั้ง 2 ข้าง จากนั้นแกนนำเสื้อแดงได้นำเลือดไปเทตามประตูต่างๆ บริเวณทำเนียบฯ
ช่วงนี้ นายจตุพร กล่าวว่า จะเก็บเลือดอีก 3 แกลลอน ไปเทหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะนำเลือดไปฝากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฝ่ายความมั่นคง นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวนายกรัฐมนตรี โดยเลือดนี้จะอธิฐานจิตสาปแช่งอำมาตย์ และผู้ที่ได้อำนาจมาไม่ชอบธรรม จะสาปด้วยเลือดเนื้อ และจิตวิญญาณ ราดรดปฐพี เพื่อให้แม่ธรณีรับรู้ว่า เราไม่ได้รับความเป็นธรรม
* แช่งให้ฉิบหายกันทั้งประเทศ
ด้านนายสักระพี พรหมชาติ พราหมณ์เสื้อแดงที่มาทำพิธี กล่าวว่า เป็นการทำพิธีอัปมงคลให้ ครม.ชุดนี้ และประเทศชาติซิบหาย รวมทั้งทุกๆ คนในประเทศด้วย ไม่เว้นแม้แต่ตัวพราหมณ์เองด้วย แต่ทางแก้ ผู้กระทำจะต้องมาแก้พิธีเอง โดยใช้นางรำ และท้าวมหาพรหม ซึ่งการทำพิธีครั้งนี้ ทำในประตูหลัก 2 ประตู คือประตูทางเข้า และทางออก ซึ่งไม่ได้ระบุชื่อใคร แต่ใช้คำว่าคณะผู้บริหารบ้านเมือง และอำมาตย์
อย่างไรก็ตาม ถ้ารัฐบาลยุบสภาในวันนี้ พรุ่งนี้ ตนจะมาทำพิธีแก้ด้วยตนเอง ทั้งนี้ ก่อนจะมาทำพิธี ตนได้ปรึกษาพ่อ ซึ่งเคยเป็นพราหมณ์ในพระราชวัง แต่พ่อบอกว่า การทำพิธีดังกล่าว ไม่ได้เป็นผลดีกับใครเลยในประเทศชาติ และการทำพิธีด้วยธูปดอกเดียว ก็เหมือนเป็นการไหว้คนตาย
* รัฐบาลทำความสะอาด-ไม่แก้เคล็ด
ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายแก้เคล็ดหรือมีพิธีใดๆ มีเพียงแต่นโยบายด้านการสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องสอบถามไปยังนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่กลุ่มเสื้อแดงทำพิธีที่ทำเนียบรัฐบาลเสร็จ ก็เคลื่อนขบวนไปยังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเทเลือดทำพิธีสาปแช่ง เช่นเดียวกับที่ในทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ทีมแพทย์กู้ชีพจากวชิระพยาบาลได้นำน้ำยาฆ่าเชื้อมาล้าง ทำความสะอาดบริเวณที่มีการเทเลือดไว้
* ปชป.ใช้น้ำจากมวยผมแก้เคล็ด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้เตรียมรับมือกลุ่มเสื้อแดงที่จะมาทำพิธีเทเลือดสาปแช่ง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถขนผู้ต้องหามาปิดกั้นถนนทั้งสองทาง เพื่อกันกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้ามา ขณะที่เจ้าหน้าที่พรรคได้นำแผงรั้วที่ทำด้วยลวดมาตั้งบริเวณหน้าพระแม่ธรณี พร้อมกับเอาผ้าใบสีเขียวผืนใหญ่ มาคลุมเพื่อป้องกันหากมีการสาดเลือดเข้ามา พร้อมกับเตรียมโถน้ำมนต์ และอุปกรณ์ทำความสะอาด เพื่อเป็นการแก้เคล็ด
ต่อมาเวลา 18.30 น. แกนนำกลุ่มเสื้อแดง โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายพายัพ ปั้นเกต ได้เดินทางมาโดยขึ้นบนรถบรรทุกพร้อมด้วยเครื่องขยายเสียงโจมตีและขับไล่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
บรรยากาศในช่วงนี้เริ่มกดดันยิ่งขึ้น เนื่องจากกลุ่มการ์ดนปช. ได้พยายามแบกถังบรรจุเลือดจำนวน 20 กว่าถัง เพื่อมุ่งหน้ามายังบริเวณหน้าที่ทำการพรรค ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยอมเลื่อนรถขนผู้ต้องหาที่ใช้ปิดถนนออกมาบริเวณหน้าพรรค จึงกลายเป็นการเปิดช่องทางให้รถของแกนนำฝ่าเข้ามาได้ถึงบริเวณหน้าพรรค
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ยังยงยืนเรียงแถวเป็นกำแพงมนุษย์หลายชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้บุกเข้ามาได้ แต่เมื่อพราหมณ์เริ่มทำพิธี ได้เกิดการเบียดเสียดระหว่างผู้ชุมนุม ช่างภาพ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้กำแพงมนุษย์ของตำรวจแตก ทำให้พราหมณ์เดินนำการ์ดที่แบกถังเลือดบุกเข้ามา เกือบถึงพระแม่ธรณีฯ
ด้านพล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น 2 จึงได้ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจผลักผู้ชุมนุมออกไป ทำให้พราหมณ์สามารถทำพิธีเทเลือดได้ในบริเวณทางเข้าติดถนนเศรษฐศิริ และยังได้เอามือที่เปื้อนเลือด แปะไปยังเสาทั้งสองด้านของพรรคด้วย ขณะเดียวกันการ์ดนปช.ก็ได้ช่วยสาดเลือด พร้อมกับสะบัดเพื่อให้เลือดกระเด็นขึ้นไปถึงป้ายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ไม่ถึง จึงได้ขว้างขวดเลือดขึ้นไปกระทบป้ายจนแตก สีเลือดแดงฉาน และกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณพรรค
เมื่อทำพิธีเสร็จ นายณัฐวุฒิ ได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมกลับไปที่ตั้งบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ จากนั้นเจ้าหน้าพรรคได้นำน้ำมนต์ที่รองจากมวยผมพระแม่ธรณีฯ นำมาล้างเลือดที่กระจายอยู่ทั่วพื้น ขณะเดียวกันหน่วยป้องกันภัย และควบคุมการติดเชื้อจาก รพ.วรชิระพยาบาล ได้เร่งนำน้ำพร้อมยาฆ่าเชื้อมาทำความสะอาดบริเวณหน้าพรรคทันที
* "ไอ้กี้ร์"ลั่นบุกเอาเลือดหัวนายกฯ
ภายหลังจากที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง กลับจากการไปเทเลือดที่ทำเนียบฯ และพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นเวทีการชุมนุม และกล่าวว่า ในวันนี้(17 มี.ค.) หากอำมาตย์ยังอยู่ รัฐบาลยังไม่คืนอำนาจให้ประชาชน ในวันนี้จะเป็นเรื่องของตนล้วนๆ ตนจะไปเอาเลือดหัวมาล้างที่นี่ ทั้งนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ ฟังให้ดีๆ วันนี้ประชาชนเสียเลือดนับล้านซีซี. เพื่อขอให้คืนประชาธิปไตยให้คนทั้งแผ่นดิน แต่ถ้ายังไม่สำนึก ตนจะขออนุญาตมวลชน นำทัพไปบุกที่บ้านนายกฯ และรัฐมนตรีคนอื่นๆเพราะอยากจะดูว่าเลือดบนหัวจะแดงเหมือนเลือดคนที่นี่หรือไม่
นายอริสมันต์ กล่าวว่า ทหาร ตำรวจ อย่าทำตัวเป็นสุนัขรับใช้พวกอำมาตย์อีกต่อไป วันนี้มีข่าวว่าจะมีการก่อวินาศกรรมใน กทม. ซี่งเป็นฝีมือสุนัขรับใช้อำมาตย์อีกแล้ว สุดท้ายจับใครได้ ก็บอกว่าเป็นมือที่สามหรือ บอกว่าเป็นพวกฮาร์คอร์ของคนเสื้อแดง ยืนยันว่าตนไม่ชอบทำอะไรลับหลัง ชอบเล่นซึ่งๆหน้า บอกให้รู้ไปเลยว่า ตนไม่ชอบพวกอำมาตย์ ถ้าพรุ่งนี้นายกฯ มันอยู่ที่บ้าน ก็อยากจะไปพิสูจน์ดูว่า เลือดหัวเป็นสีแดง หรือสีดำ หรือ สีอำมหิต ขอท้าให้ พวกอำมาตย์ ออกมาหมายจับตนอีก
"ผนเป็นคนความจำดี จำแม่น และจำนาน ใครทำอย่างไรกลับผม ผมจะจำจนชั่วชีวิต แล้วจะคิดคืนทั้งต้นทั้งดอก รับรองอ่วมอรทัย แน่ พรุ่งนี้นายอภิสิทธิ์ จะเจอของแข็งยิ่งกว่าวันนี้แน่นอน" นายอริสมันต์ กล่าว
* "อดิศร" ขู่บุก ASTV หากปิดทีวีเสื้อแดง
นายอดิศร เพียงเกษ ผอ.พีเพิลแชแนล และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวปราศรัยบนเวทีการชุมนุม ว่า คนเสื้อแดงจะยืนยันต่อสู้สันติวิธี แต่รัฐบาลนี้มาจากทหาร จึงรู้จักแต่ความรุนแรงจึงไม่รู้จักคำว่า สันติวิธี บนถนนท่าพระอาทิตย์ ไม่ได้อยู่ในกฎสันติวิธี อยากทำอะไรก็ทำ เหตการณ์ 19 ก.ย 49 เป็นเหตุการที่ทำให้เกิดวันนี้ ประชาชนทนไม่ได้กับสองมาตรฐาน ที่สร้างปฏิมากรรมทางการเมืองโดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอดิศร ปราศรัยอยู่นั้น ได้กระแสข่าวว่า มีตำรวจเข้าไปปิดสถานี ดีเสตชั่น และอาจจะปิดพีเพิลแชแนลด้วย นายอดิศร จึงกล่าวว่า หากจะมาปิดหูปิดตาประชาชน ก็ต้องเอาชีวิตของตนไปด้วย ตนจะนับหนึ่งถึงแสนให้เอาหมายศาลกลับไป
ถ้าปิดดีสเตชั่น ตนจะบุกกทช.และไปหานายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย และถ้าปิดพีเพิลแชแนล ตนก็จะไปบุก เอเอสทีวี จะมาปิดไม่ได้ เพราะเราเปิดตามกฎหมาย รวมถึง รธน.50 มาตรา 45 วรรค สาม ระบุว่าไม่สามารถปิดสถานีได้ อยากถามว่าเอากฎหมายอะไรมาปิด
ผู้สื่อข่าวรายงาน ระหว่างนั้นนายอดิศร ได้ทำท่ารับโทรศัพท์มือถือ โดยระบุว่าปลายสายเป็นนายอภิสิทธิ์ โดยทำท่าพูดคุยโทรศัพท์ ก่อนจะระบุว่า รัฐบาลไม่ปิดพีเพิลแชแนลแล้ว
*"มาร์ค"สมเพชใช้เลือดบีบรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (16 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นประธานประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) โดยไม่ได้เดินทางไปเข้าร่วมประชุมร่วมรัฐสภา ตามที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภานัดประชุม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงมาตรการที่กลุ่มคนเสื้อเเดงจะเจาะเลือด 1 ล้านซีซี. เพื่อนำไปราดประตูทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหว จะทำให้รัฐบาลเปลี่ยนใจยุบสภา หรือไม่ ว่า
"ผมกลับเห็นว่า มันเป็นสัญลักษณ์ที่เเสดงให้เห็นว่าเลือดเนื้อที่ออกมาจากผู้ชมุนุม ไม่ได้เกิดขึ้นจากฝ่ายรัฐเเน่นอน ผมอยากย้ำว่า มันมีความพยายามมาโดยตลอดที่จะทำให้เกิดความขัดเเย้ง ซึ่งรัฐบาลได้พิสูจน์เเล้วว่า เราจะไม่ใช้ความรุนเเรงกับพี่น้องประชาชนที่มาชุมนุม ดังนั้นสัญลักษณ์ที่พูดถึงเลือด หรือกองเลือดนั้น คงไม่ใช่ มันไม่เหมือนกรณีที่ภาครัฐ เป็นฝ่ายก่อความรุนเเรง เป็นประชาชนเสียเลือดเนื้อนั้นมันคนละเรื่องกัน"
ต่อข้อถามว่า ตอนนี้สภาพการชุมนุมเหมือนว่าจำนวนคนจะเริ่มลดลง นายกฯ ห่วงหรือไม่ว่าจะเริ่มใช้ความรุนเเรงเข้ามาเเทนที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราก็ติดตามประชุม เฝ้าระวัง การมีจุดตรวจ การข่าวยังทำเข้มข้นเหมือนเดิม ศอ.รส. ก็ประชุมตามห้วงเวลาทุกครั้ง ไม่ได้มีความรู้สึกว่าจะปล่อยให้หละหลวม
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะทำอย่างไรเพราะมีข่าวว่าผู้ชุมนุมอยากกลับบ้าน เเต่ไม่มีรถโดยสารกลับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าถ้าเป็นความประสงค์ของผู้ชุมนุม ตนคิดว่าประสานมาที่เจ้าหน้าที่ได้ ส่วนสถานการณ์ในตอนนี้ ต้องระมัดระวังไม่ตั้งอยู่บนความประมาท เพราะการที่มีคนมาชุมนุมต้องมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเข้าใจผิด ดังนั้นจำนวนจะมากหรือน้อยก็สุดเเล้วเเต่ เเต่เราทุกคนต้องทำงานอย่างเข้มเเข็ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายวีระ มุสิกพงศ์ เเกนนำเเนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการเเห่งชาติ (นปช.) จะเปิดโต๊ะเจรจา นายกฯ พร้อมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยินดีรับฟังความคิดเห็นอยู่เเล้ว เเต่ไม่ใช่เป็นลักษณะเงื่อนไขการข่มขู่ หรืออะไร นายวีระเป็นคนที่มีเหตุผลซึ่งสังเกตจากการที่ได้บริหารการชุมนุม ก็พยายามดูเเลไม่ให้เกิดความตึงเครียด ตนก็ขอบคุณ ถ้าอยากมาเเลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมือง ก็ยินดี
เมื่อถามต่อว่าอะไรที่จะทำให้การเจรจาระหว่างรัฐบาลกับผู้ชุมนุมบรรลุผล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าวันนี้เราจะพูดว่าการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับคนทั้งประเทศ จะเป็นเรื่องของรัฐบาลกับผู้ชุมนุมไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ ความเห็นใดที่มีเหตุผลของผู้ชุมนุม เรายินดีรับฟัง เเละต้องตัดสินใจบนพื้นฐานของคนทั้งประเทศ
เมื่อถามว่ารัฐบาลยังทำงานได้ตามปกติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "วันนี้ก็ทำงาน เดี๋ยวก็ไปทำงาน" เมื่อถามว่านายกฯ จะประชุมครม.ได้ตามปกติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ผมไม่พูดอะไรล่วงหน้า เเต่เราคงจะนัดหมายกันตามปกติ เราจะถือหลักว่าการทำงานของเราต้องไม่มีส่วนไปสร้างเงื่อนไขความขัดเเย้ง เเละไม่เสียงาน คืองานสำคัญๆ ก็เดินต่อ ผมก็เซ็นเเฟ้มตามปกติ ประเดี๋ยวจะขึ้นเหนือไปดูภัยเเล้ง"
* ตรวจสถานการณ์ภัยแล้งภาคเหนือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางไปยังสนามบินกองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ดอนเมือง เพื่อขึ้นเครื่องบิน เเอมเเบร์ กองทัพบก ไปตรวจภัยเเล้งที่ จ.พิษณุโลก เเละตรวจสถานการณ์น้ำ บริเวณเขื่อนภูมิพล จ.ตาก โดยมีนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรเเละสหกรณ์ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทนายกฯ และนายธนิตพล ไชยนันท์ ส.ส. ตาก พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเดินทางไปด้วย และเดินทางกลับมายังกรุงเทพฯในเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน
* "หมอนิด"ชี้เทเลือดแค่ปลุกความฮึกเหิม
นายกิจจา ทวีกุลกิจ หรือ หมอนิด หมอดูชื่อดัง กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงนำเลือดไปเททำเนียบรัฐบาลว่าในพิธีกรรมทางพราหมณ์ ไม่มีการนำเลือดมาใช้ในการทำพิธี ในขณะที่พิธีกรรมทางศาสนาฮินดู มีการใช้เลือดในการทำพิธีบูชาจริง แต่จะไม่มีการนำเลือดคนในการทำพิธี ใช้แต่เลือดสัตว์ในการบูชาเท่านั้น
ดังนั้นในส่วนนี้ตนเชื่อว่าเป็นเพียงการปลุกผู้ชุมนุมให้รู้สึกฮึกเหิมเท่านั้น เป็นแค่ทางจิตวิทยา และขณะนี้ดวงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ดวงแข็ง หากคุมเกมได้ และผ่านจากวันนี้ไปได้ถึงวันที่ 20 มี.ค. เรียกได้ว่านายอภิสิทธิ์ เก่ง ซึ่งนายอภิสิทธิ์ จะยุบสภา แต่ถ้าลาออกนั้น อาจเป็นไปเพราะคิดว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นลูกผู้ชายพอ และถ้าจะลาออกก็ไม่ใช่เพราะกลุ่มนปช. แต่เป็นเพราะลูกเมียขอร้องให้ลาออกเอง เพราะหลังจากวันนี้ไป จะเกิดความรุนแรง เกิดความเสียหายในบ้านเมือง ทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด มีการก่อวินาศกรรม และหากจะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงจนถึงขั้นเอาไม่อยู่ เกิดการสูญเสีย
* ม็อบแดงโสโครกขับถ่ายข้างศธ.
ด้านนายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า เนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง จึงได้รับผลกระทบเรื่องการจราจรและเสียงรบกวนทำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ลำบาก จึงผ่อนคลายเรื่องเวลาการทำงาน แต่ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ส่วนการประชุมต่างๆ ที่มีบุคคลภายนอกเข้าร่วม ได้เลื่อนไปเป็นสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ยังวิตกกังวลเรื่องสิ่งปฏิกูล การขับถ่ายที่อยู่บริเวณด้านข้างกระทรวง เริ่มส่งกลิ่นเหม็น ดังนั้น ได้ประสาน กทม.ให้ส่งเทศกิจเข้ามาดูแลเรื่องความสะอาด ป้องกันการเกิดเชื้อโรค
* จิตแพทย์ชี้ม็อบเครียดเสี่ยงคลั่ง
นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังดูแลสภาพจิตใจประชาชนจากเหตุความขัดแย้งทางการเมือง ตลอด 4 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่11-14 มี.ค.53 ผ่านสายด่วน 1323 ในเขต กทม.และปริมณฑล พบ ประชาชนประมาณ 5 % เครียดทางการเมือง โดยส่วนใหญ่เป็นการโทรมาระบายความทุกข์ใจเป็นห่วงเป็นใยสถานการณ์บ้านเมือง ส่วนภาพรวมความเครียดของคนไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 ซึ่งหากปล่อยให้เกิดความเครียดขึ้นต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้เกิดความก้าวร้าว รุนแรง
ด้าน นพ.สุจริต สุวรรณชีพ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวถึงการเจาะเลือดของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แต่ทำให้เห็นได้ว่าระดับความเครียดเพิ่มขึ้นสูง แม้แต่ตัวเองก็ยอมสละได้ ซึ่งถือว่าน่าเป็นห่วงที่จะสร้างความรุนแรง เพราะความเครียด สุดท้ายจะจบด้วยการอาละวาด ทำร้ายตัวเอง หรือทำร้ายผู้อื่น.
* ศอ.รส.สั่งเพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายกลังการประชุม ศอ.รส.ว่า จากนี้ไปทาง ศอ.รส. จะมีการปรับแนวทางดูแลรักษาความเรียบร้อยให้มากขึ้น ในจุดที่ล่อแหลม และในจุดที่ต้องเฝ้าระวัง จะมีการตั้งด่านตรวจดูแลความปลอดภัย โดยเฉพาะกับอาวุธในการยิงจรวด จะมีมาตรการพิเศษป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้น
เมื่อถามว่า ที่ต้องเฝ้าระวังคืนนี้กับคืนของวันที่ 17 มี.ค.เพราะมีรายงานข่าวว่า จะมีการก่อเหตุหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า เราประสบความสำเร็จกับการประสานงานแกนนำหลายท่าน ในการประสานงานกัน ทำให้หลายฝ่ายพอใจ แต่ต้องยอมรับว่า อาจมีบางกลุ่มไม่พอใจ และเห็นด้วยสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เป็นไปตามทิศทางที่เขาต้องการ ฉะนั้นจึงต้องมีการเฝ้าระวังเพื่อความไม่ประมาท
"ในการชุมนุมหลายครั้ง เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย อาจมีบางกลุ่มรู้สึกอีกแบบ ฉะนั้นเป็นการป้องกัน เฝ้าระวัง และหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะปรับระบบการตั้งจุดตรวจ และปรับการลานตระเวน ดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานที่ต่างๆ ให้เหมาะสมขึ้น จะเป็นมาตรการเครือข่ายใยแมงมุม โดยเป็นการจัดระบบ ซึ่งที่ประชุมมีการหามาตรการป้องกันการยิงระยะใกล้ จึงต้องมีการมาตรการ “เครือข่ายใยแมงมุม” เพื่อป้องกันการยิงระยะไกล ในพื้นที่ 38 จุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล" นายปณิธานกล่าว และย้ำว่า 2-3 วันจากนี้ไป การเฝ้าระวังจะเข้าสู่ระบบใหม่ที่มีความเข้มข้นมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น. นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ประกาศบนเวทีที่สะพานผ่านฟ้า เรียกร้องให้ประชาชนเข้าร่วมบริจาคเลือด โดยมีเจ้าหน้าที่พยาบาลที่รอรับการบริจาคเลือดประมาณ 10 คน คอยอำนวยความสะดวก
นพ.พินิจ ทัมทิมทอง แพทย์ประจำโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กล่าวว่า ก่อนการบริจาคเลือด จะต้องทำการตรวจร่างการให้เป็นที่เรียบร้อย โดยผู้ที่ต้องห้ามในการรับบริจาคคือ ผูที่มีร่างกายซีดเซียว หัวใจเต้นผิดปกติ ความดันไม่ปกติ
"การเจาะเลือด 10 ซีซี ก็เหมือนโดนมีดบาด ไม่มีผลกระทบอะไรต่างร่างกาย แต่อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจ ซึ่งในการบริจาคเลือดในแต่ละครั้งที่สภากาชาดจะใช้ปริมาณ 100 ถึง 300 ซีซี" นพ.พินิจกล่าว
* อ้างสละเลือดเพื่อปกป้อง ปชต.
นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ขึ้นเวทีพร้อมแกนนำ โดยกล่าวว่า การสละเลือดในครั้งนี้ เป็นการบอกให้รัฐบาลได้รู้ว่า การที่ไม่ฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะเป็นอย่างไร และการบริจาคเลือดในครั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นการต่อสู้แบบสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ
"การที่จะเอาเลือดไปเทที่บริเวณทางเข้ารอบประตูทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นการบอกให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รู้ว่า หากคิดจะก้าวข้ามกองเลือดของประชาชนในประเทศโดยไม่รู้สึกอะไร ก็ให้มันรู้ไป" นายวีระกล่าว และว่า หากนายอภิสิทธิ์ ยังไม่ยุบสภา ทางแกนนำจะทบทวนมาตรการการต่อสูอีกครั้ง
หลังจากนั้นนายวีระและแกนนำคนอื่นๆ ได้เข้าบริจาคเลือดคนละ 10 ซีซี. โดยมีนพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีตแพทย์ชนบทเป็นผู้ทำการเจาะเลือด
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวว่าจะนำเลือดที่ได้ ไปทำพิธีกรรม เทราดทุกประตูของทำเนียบรัฐบาล โดยจะมีพิธีกรรมสาปแช่งระบอบการปกครองที่กดขี่ชนชั้นล่าง ไม่มีความยุติธรรม ซึ่งการใช้เลือดนี้จะเป็นการกดดันนายอภิสิทธิ์ ให้ยุบสภา แต่ถ้ายังไม่ยุบสภา ก็จะมีมาตรการกดดันเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะประสบความสำเร็จ
* 60 ส.ส.ร่วมเจาะ"เลือดไพร่"
ส่วนที่รัฐสภา ส.ส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 60 คน นำโดยนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ร่วมกันจุดธูปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าห้องประชุมรัฐสภา โดยนายวิทยา กล่าวนำว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะขอสละเลือดเช่นเดียวกับประชาชนที่สละเลือดเพื่อต่อสู้ให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย
จากนั้นได้พาส.ส.ออกจากรั้วประตูรัฐสภาเพื่อไปเจาะเลือดด้านหน้าสภา ซึ่งมีกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมอยู่ เพราะไม่สามารถเจาะเลือดภายในบริเวณรัฐสภาได้ เนื่องจากมีการแจ้งจากนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาว่าเป็นเขตพระราชฐาน ไม่สามารถเจาะเลือดได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อบรรดา ส.ส.มาถึงหน้ารัฐสภา ได้สลับเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยต่อหน้าคนเสื้อแดง ระหว่างรอเจ้าหน้าที่จาก รพ.นวนคร จ.ปทุมธานี โดยช่วงหนึ่งนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศว่า จะนำเลือดที่ ส.ส.เจาะมาบางส่วนไปทาเก้าอี้ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นั่งในห้องประชุมสภา เพื่อให้นายอภิสิทธิ์ นั่งทับเลือด
* มอบเลือด"ส.ส.ไพร่"ร่วมไล่มาร์ค
ต่อมาเวลา 13.30 น. ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดยนายสุนัย จุลพงศธร ว่าที่ ร.ต.พงษ์พันธุ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย นายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายศรีงาม ส.ส.อุดรธานี ได้เดินทางมาที่เวทีการชุมนุมของคนเสื้อแดง เพื่อนำเลือดของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ร่วมกันบริจาคประมาณ 1.5 ลิตร มอบให้แกนนำคนเสื้อแดง เพื่อร่วมไปราดที่ทำเนียบรัฐบาล
นายสุนัย กล่าวว่า ขณะนี้นายอภิสิทธิ์ หมดความชอบธรรมที่จะเป็นนายกฯแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนต้องของโทษแกนนำที่เอาเลือดบางส่วนไปราดหน้าสภาก่อนแล้ว เป็นการราดหน้านายอภิสิทธิ์ และเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ว่า มีเลือด ส.ส.ราดหน้าสภาครั้งแรกของไทย และเป็นการพิสูจน์ว่าครั้งนี้ เราสู้ ยอมแม้กระทั่งเสียเลือดก็ตาม
* แนะบริจาคให้กาชาดดีกว่า
น.ส.ณชา จึงกานต์กุล ผู้ได้รับคัดเลือกในตำแหน่งกุลธิดากาชาด กล่าวว่า การรวบรวมเลือดถือเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีของกลุ่มคนเสื้อแดง จึงอยากให้นำสัญลักษณ์ดังกล่าวมาบริจาคให้กับสภากาชาดดีกว่า เพราะกำลังประสบปัญหาเลือดไม่เพียงพอ
น.ส.ณชา กล่าวว่าในแต่ละปี ประเทศไทยต้องการเลือดถึงปีละ 300,000 ยูนิต หรือคิดเป็น 120 ล้านซีซี. เพื่อส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆ หรือคิดเป็นความต้องการเลือดเฉลี่ยถึงวันละ1,500 ยูนิต หรือ 600,000 ซีซี โดยเลือดที่ได้รับในแต่ละวัน 77 % จะถูกนำไปใช้รักษาผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุ ผ่าตัด และการคลอดบุตร ส่วนอีก 23 % จะนำไปใช้รักษาเฉพาะโรค เช่น โรคโลหิตจาง ธาลัสซีเมีย เกล็ดโลหิตต่ำ เป็นต้น และหากเกิดเหตุการณ์อุบัติภัยต่างๆ ความจำเป็นในการใช้เลือดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จึงอยากเชิญชวนให้ทุกฝ่ายหันมาบริจากเลือด เพื่อต่อชีวิตของผู้ป่วยซึ่งเป็นเพื่อนคนไทยด้วยกัน ดีกว่านำไปเททิ้ง
* บุกทำเนียบฯเลงเลือด สาปแช่ง
เวลา 16.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า ถึงเวลาแล้วที่ไพร่จะทยอยขับไล่รัฐบาลอำมาตย์ โดยมีคนมาร่วมบริจาคเลือดจำนวนมาก จากนี้ เราจะไปทำพิธีกรรมสาปแช่งด้วยเลือดที่ทำเนียบรัฐบาล
ต่อมา เวลา 16.35 น. แกนนำเดินคนเสื้อแดง เดินทางมาถึงยังบริเวณหน้าทางเข้า ทำเนียบฯ ฝั่งสะพานชมัยมรุเชฐ ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิภูแถลง นายสุภร อัตถาวงศ์ พร้อมด้วยผู้ชุมจำนวนหนึ่งที่เดินถือแกลลอนบรรจุเลือดจำนวน 5 ลิตร โดย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ได้ไปเจรจากับนายจตุพร เพื่อขอให้คนเสื้อแดงเข้ามาเทเลือดประมาณ 100 คน และขอร้องให้ผู้ชุมนุมที่เดินทางมาด้วย ให้รออยู่บริเวณด้านนอกประตู โดยเจ้าหน้าที่ได้เปิดประตูเล็กให้กลุ่มเสื้อแดงเข้ามา
ทั้งนี้บริเวณภายในทำเนียบรัฐบาลมีทหารและตำรวจจำนวน 20 กองร้อย ประมาณ 2,000 นาย รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
โดยแกนนำคนเสื้อแดงได้เข้ามาเทเลือดบริเวรประตูที่ 2 และประตูที่ 1 โดยให้พราหมณ์ทำพิธี สาปแช่ง โดยพราหมณ์ได้จุดธูป 1 ดอก และบริกรรมคาถา และวางธูปลงบนลิ่มเลือด จากนั้นพราหมณ์ ได้ใช้ฝ่ามือประกบเลือด และไปทาที่บริเวณต้นเสาต้นเล็ก เพื่อให้เป็นรอยมือของพราหมณ์ตามพิธี พร้อมทั้งใช้นิ้วจุ่มเลือดทำสัญลักษณ์กากบาทที่เสาของประตู 2 และ 1 จากนนั้นได้เทเลือดไปตามพื้นและใช้เท้ากระทืบที่พื้น เตะเสาและรั้วทั้ง 2 ข้าง จากนั้นแกนนำเสื้อแดงได้นำเลือดไปเทตามประตูต่างๆ บริเวณทำเนียบฯ
ช่วงนี้ นายจตุพร กล่าวว่า จะเก็บเลือดอีก 3 แกลลอน ไปเทหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะนำเลือดไปฝากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฝ่ายความมั่นคง นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวนายกรัฐมนตรี โดยเลือดนี้จะอธิฐานจิตสาปแช่งอำมาตย์ และผู้ที่ได้อำนาจมาไม่ชอบธรรม จะสาปด้วยเลือดเนื้อ และจิตวิญญาณ ราดรดปฐพี เพื่อให้แม่ธรณีรับรู้ว่า เราไม่ได้รับความเป็นธรรม
* แช่งให้ฉิบหายกันทั้งประเทศ
ด้านนายสักระพี พรหมชาติ พราหมณ์เสื้อแดงที่มาทำพิธี กล่าวว่า เป็นการทำพิธีอัปมงคลให้ ครม.ชุดนี้ และประเทศชาติซิบหาย รวมทั้งทุกๆ คนในประเทศด้วย ไม่เว้นแม้แต่ตัวพราหมณ์เองด้วย แต่ทางแก้ ผู้กระทำจะต้องมาแก้พิธีเอง โดยใช้นางรำ และท้าวมหาพรหม ซึ่งการทำพิธีครั้งนี้ ทำในประตูหลัก 2 ประตู คือประตูทางเข้า และทางออก ซึ่งไม่ได้ระบุชื่อใคร แต่ใช้คำว่าคณะผู้บริหารบ้านเมือง และอำมาตย์
อย่างไรก็ตาม ถ้ารัฐบาลยุบสภาในวันนี้ พรุ่งนี้ ตนจะมาทำพิธีแก้ด้วยตนเอง ทั้งนี้ ก่อนจะมาทำพิธี ตนได้ปรึกษาพ่อ ซึ่งเคยเป็นพราหมณ์ในพระราชวัง แต่พ่อบอกว่า การทำพิธีดังกล่าว ไม่ได้เป็นผลดีกับใครเลยในประเทศชาติ และการทำพิธีด้วยธูปดอกเดียว ก็เหมือนเป็นการไหว้คนตาย
* รัฐบาลทำความสะอาด-ไม่แก้เคล็ด
ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายแก้เคล็ดหรือมีพิธีใดๆ มีเพียงแต่นโยบายด้านการสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องสอบถามไปยังนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่กลุ่มเสื้อแดงทำพิธีที่ทำเนียบรัฐบาลเสร็จ ก็เคลื่อนขบวนไปยังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเทเลือดทำพิธีสาปแช่ง เช่นเดียวกับที่ในทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ทีมแพทย์กู้ชีพจากวชิระพยาบาลได้นำน้ำยาฆ่าเชื้อมาล้าง ทำความสะอาดบริเวณที่มีการเทเลือดไว้
* ปชป.ใช้น้ำจากมวยผมแก้เคล็ด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้เตรียมรับมือกลุ่มเสื้อแดงที่จะมาทำพิธีเทเลือดสาปแช่ง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถขนผู้ต้องหามาปิดกั้นถนนทั้งสองทาง เพื่อกันกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้ามา ขณะที่เจ้าหน้าที่พรรคได้นำแผงรั้วที่ทำด้วยลวดมาตั้งบริเวณหน้าพระแม่ธรณี พร้อมกับเอาผ้าใบสีเขียวผืนใหญ่ มาคลุมเพื่อป้องกันหากมีการสาดเลือดเข้ามา พร้อมกับเตรียมโถน้ำมนต์ และอุปกรณ์ทำความสะอาด เพื่อเป็นการแก้เคล็ด
ต่อมาเวลา 18.30 น. แกนนำกลุ่มเสื้อแดง โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายพายัพ ปั้นเกต ได้เดินทางมาโดยขึ้นบนรถบรรทุกพร้อมด้วยเครื่องขยายเสียงโจมตีและขับไล่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
บรรยากาศในช่วงนี้เริ่มกดดันยิ่งขึ้น เนื่องจากกลุ่มการ์ดนปช. ได้พยายามแบกถังบรรจุเลือดจำนวน 20 กว่าถัง เพื่อมุ่งหน้ามายังบริเวณหน้าที่ทำการพรรค ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยอมเลื่อนรถขนผู้ต้องหาที่ใช้ปิดถนนออกมาบริเวณหน้าพรรค จึงกลายเป็นการเปิดช่องทางให้รถของแกนนำฝ่าเข้ามาได้ถึงบริเวณหน้าพรรค
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ยังยงยืนเรียงแถวเป็นกำแพงมนุษย์หลายชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้บุกเข้ามาได้ แต่เมื่อพราหมณ์เริ่มทำพิธี ได้เกิดการเบียดเสียดระหว่างผู้ชุมนุม ช่างภาพ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้กำแพงมนุษย์ของตำรวจแตก ทำให้พราหมณ์เดินนำการ์ดที่แบกถังเลือดบุกเข้ามา เกือบถึงพระแม่ธรณีฯ
ด้านพล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น 2 จึงได้ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจผลักผู้ชุมนุมออกไป ทำให้พราหมณ์สามารถทำพิธีเทเลือดได้ในบริเวณทางเข้าติดถนนเศรษฐศิริ และยังได้เอามือที่เปื้อนเลือด แปะไปยังเสาทั้งสองด้านของพรรคด้วย ขณะเดียวกันการ์ดนปช.ก็ได้ช่วยสาดเลือด พร้อมกับสะบัดเพื่อให้เลือดกระเด็นขึ้นไปถึงป้ายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ไม่ถึง จึงได้ขว้างขวดเลือดขึ้นไปกระทบป้ายจนแตก สีเลือดแดงฉาน และกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณพรรค
เมื่อทำพิธีเสร็จ นายณัฐวุฒิ ได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมกลับไปที่ตั้งบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ จากนั้นเจ้าหน้าพรรคได้นำน้ำมนต์ที่รองจากมวยผมพระแม่ธรณีฯ นำมาล้างเลือดที่กระจายอยู่ทั่วพื้น ขณะเดียวกันหน่วยป้องกันภัย และควบคุมการติดเชื้อจาก รพ.วรชิระพยาบาล ได้เร่งนำน้ำพร้อมยาฆ่าเชื้อมาทำความสะอาดบริเวณหน้าพรรคทันที
* "ไอ้กี้ร์"ลั่นบุกเอาเลือดหัวนายกฯ
ภายหลังจากที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง กลับจากการไปเทเลือดที่ทำเนียบฯ และพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นเวทีการชุมนุม และกล่าวว่า ในวันนี้(17 มี.ค.) หากอำมาตย์ยังอยู่ รัฐบาลยังไม่คืนอำนาจให้ประชาชน ในวันนี้จะเป็นเรื่องของตนล้วนๆ ตนจะไปเอาเลือดหัวมาล้างที่นี่ ทั้งนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ ฟังให้ดีๆ วันนี้ประชาชนเสียเลือดนับล้านซีซี. เพื่อขอให้คืนประชาธิปไตยให้คนทั้งแผ่นดิน แต่ถ้ายังไม่สำนึก ตนจะขออนุญาตมวลชน นำทัพไปบุกที่บ้านนายกฯ และรัฐมนตรีคนอื่นๆเพราะอยากจะดูว่าเลือดบนหัวจะแดงเหมือนเลือดคนที่นี่หรือไม่
นายอริสมันต์ กล่าวว่า ทหาร ตำรวจ อย่าทำตัวเป็นสุนัขรับใช้พวกอำมาตย์อีกต่อไป วันนี้มีข่าวว่าจะมีการก่อวินาศกรรมใน กทม. ซี่งเป็นฝีมือสุนัขรับใช้อำมาตย์อีกแล้ว สุดท้ายจับใครได้ ก็บอกว่าเป็นมือที่สามหรือ บอกว่าเป็นพวกฮาร์คอร์ของคนเสื้อแดง ยืนยันว่าตนไม่ชอบทำอะไรลับหลัง ชอบเล่นซึ่งๆหน้า บอกให้รู้ไปเลยว่า ตนไม่ชอบพวกอำมาตย์ ถ้าพรุ่งนี้นายกฯ มันอยู่ที่บ้าน ก็อยากจะไปพิสูจน์ดูว่า เลือดหัวเป็นสีแดง หรือสีดำ หรือ สีอำมหิต ขอท้าให้ พวกอำมาตย์ ออกมาหมายจับตนอีก
"ผนเป็นคนความจำดี จำแม่น และจำนาน ใครทำอย่างไรกลับผม ผมจะจำจนชั่วชีวิต แล้วจะคิดคืนทั้งต้นทั้งดอก รับรองอ่วมอรทัย แน่ พรุ่งนี้นายอภิสิทธิ์ จะเจอของแข็งยิ่งกว่าวันนี้แน่นอน" นายอริสมันต์ กล่าว
* "อดิศร" ขู่บุก ASTV หากปิดทีวีเสื้อแดง
นายอดิศร เพียงเกษ ผอ.พีเพิลแชแนล และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวปราศรัยบนเวทีการชุมนุม ว่า คนเสื้อแดงจะยืนยันต่อสู้สันติวิธี แต่รัฐบาลนี้มาจากทหาร จึงรู้จักแต่ความรุนแรงจึงไม่รู้จักคำว่า สันติวิธี บนถนนท่าพระอาทิตย์ ไม่ได้อยู่ในกฎสันติวิธี อยากทำอะไรก็ทำ เหตการณ์ 19 ก.ย 49 เป็นเหตุการที่ทำให้เกิดวันนี้ ประชาชนทนไม่ได้กับสองมาตรฐาน ที่สร้างปฏิมากรรมทางการเมืองโดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอดิศร ปราศรัยอยู่นั้น ได้กระแสข่าวว่า มีตำรวจเข้าไปปิดสถานี ดีเสตชั่น และอาจจะปิดพีเพิลแชแนลด้วย นายอดิศร จึงกล่าวว่า หากจะมาปิดหูปิดตาประชาชน ก็ต้องเอาชีวิตของตนไปด้วย ตนจะนับหนึ่งถึงแสนให้เอาหมายศาลกลับไป
ถ้าปิดดีสเตชั่น ตนจะบุกกทช.และไปหานายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย และถ้าปิดพีเพิลแชแนล ตนก็จะไปบุก เอเอสทีวี จะมาปิดไม่ได้ เพราะเราเปิดตามกฎหมาย รวมถึง รธน.50 มาตรา 45 วรรค สาม ระบุว่าไม่สามารถปิดสถานีได้ อยากถามว่าเอากฎหมายอะไรมาปิด
ผู้สื่อข่าวรายงาน ระหว่างนั้นนายอดิศร ได้ทำท่ารับโทรศัพท์มือถือ โดยระบุว่าปลายสายเป็นนายอภิสิทธิ์ โดยทำท่าพูดคุยโทรศัพท์ ก่อนจะระบุว่า รัฐบาลไม่ปิดพีเพิลแชแนลแล้ว
*"มาร์ค"สมเพชใช้เลือดบีบรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (16 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นประธานประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) โดยไม่ได้เดินทางไปเข้าร่วมประชุมร่วมรัฐสภา ตามที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภานัดประชุม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงมาตรการที่กลุ่มคนเสื้อเเดงจะเจาะเลือด 1 ล้านซีซี. เพื่อนำไปราดประตูทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหว จะทำให้รัฐบาลเปลี่ยนใจยุบสภา หรือไม่ ว่า
"ผมกลับเห็นว่า มันเป็นสัญลักษณ์ที่เเสดงให้เห็นว่าเลือดเนื้อที่ออกมาจากผู้ชมุนุม ไม่ได้เกิดขึ้นจากฝ่ายรัฐเเน่นอน ผมอยากย้ำว่า มันมีความพยายามมาโดยตลอดที่จะทำให้เกิดความขัดเเย้ง ซึ่งรัฐบาลได้พิสูจน์เเล้วว่า เราจะไม่ใช้ความรุนเเรงกับพี่น้องประชาชนที่มาชุมนุม ดังนั้นสัญลักษณ์ที่พูดถึงเลือด หรือกองเลือดนั้น คงไม่ใช่ มันไม่เหมือนกรณีที่ภาครัฐ เป็นฝ่ายก่อความรุนเเรง เป็นประชาชนเสียเลือดเนื้อนั้นมันคนละเรื่องกัน"
ต่อข้อถามว่า ตอนนี้สภาพการชุมนุมเหมือนว่าจำนวนคนจะเริ่มลดลง นายกฯ ห่วงหรือไม่ว่าจะเริ่มใช้ความรุนเเรงเข้ามาเเทนที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราก็ติดตามประชุม เฝ้าระวัง การมีจุดตรวจ การข่าวยังทำเข้มข้นเหมือนเดิม ศอ.รส. ก็ประชุมตามห้วงเวลาทุกครั้ง ไม่ได้มีความรู้สึกว่าจะปล่อยให้หละหลวม
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะทำอย่างไรเพราะมีข่าวว่าผู้ชุมนุมอยากกลับบ้าน เเต่ไม่มีรถโดยสารกลับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าถ้าเป็นความประสงค์ของผู้ชุมนุม ตนคิดว่าประสานมาที่เจ้าหน้าที่ได้ ส่วนสถานการณ์ในตอนนี้ ต้องระมัดระวังไม่ตั้งอยู่บนความประมาท เพราะการที่มีคนมาชุมนุมต้องมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเข้าใจผิด ดังนั้นจำนวนจะมากหรือน้อยก็สุดเเล้วเเต่ เเต่เราทุกคนต้องทำงานอย่างเข้มเเข็ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายวีระ มุสิกพงศ์ เเกนนำเเนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการเเห่งชาติ (นปช.) จะเปิดโต๊ะเจรจา นายกฯ พร้อมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยินดีรับฟังความคิดเห็นอยู่เเล้ว เเต่ไม่ใช่เป็นลักษณะเงื่อนไขการข่มขู่ หรืออะไร นายวีระเป็นคนที่มีเหตุผลซึ่งสังเกตจากการที่ได้บริหารการชุมนุม ก็พยายามดูเเลไม่ให้เกิดความตึงเครียด ตนก็ขอบคุณ ถ้าอยากมาเเลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมือง ก็ยินดี
เมื่อถามต่อว่าอะไรที่จะทำให้การเจรจาระหว่างรัฐบาลกับผู้ชุมนุมบรรลุผล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าวันนี้เราจะพูดว่าการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับคนทั้งประเทศ จะเป็นเรื่องของรัฐบาลกับผู้ชุมนุมไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ ความเห็นใดที่มีเหตุผลของผู้ชุมนุม เรายินดีรับฟัง เเละต้องตัดสินใจบนพื้นฐานของคนทั้งประเทศ
เมื่อถามว่ารัฐบาลยังทำงานได้ตามปกติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "วันนี้ก็ทำงาน เดี๋ยวก็ไปทำงาน" เมื่อถามว่านายกฯ จะประชุมครม.ได้ตามปกติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ผมไม่พูดอะไรล่วงหน้า เเต่เราคงจะนัดหมายกันตามปกติ เราจะถือหลักว่าการทำงานของเราต้องไม่มีส่วนไปสร้างเงื่อนไขความขัดเเย้ง เเละไม่เสียงาน คืองานสำคัญๆ ก็เดินต่อ ผมก็เซ็นเเฟ้มตามปกติ ประเดี๋ยวจะขึ้นเหนือไปดูภัยเเล้ง"
* ตรวจสถานการณ์ภัยแล้งภาคเหนือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางไปยังสนามบินกองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ดอนเมือง เพื่อขึ้นเครื่องบิน เเอมเเบร์ กองทัพบก ไปตรวจภัยเเล้งที่ จ.พิษณุโลก เเละตรวจสถานการณ์น้ำ บริเวณเขื่อนภูมิพล จ.ตาก โดยมีนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรเเละสหกรณ์ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทนายกฯ และนายธนิตพล ไชยนันท์ ส.ส. ตาก พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเดินทางไปด้วย และเดินทางกลับมายังกรุงเทพฯในเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน
* "หมอนิด"ชี้เทเลือดแค่ปลุกความฮึกเหิม
นายกิจจา ทวีกุลกิจ หรือ หมอนิด หมอดูชื่อดัง กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงนำเลือดไปเททำเนียบรัฐบาลว่าในพิธีกรรมทางพราหมณ์ ไม่มีการนำเลือดมาใช้ในการทำพิธี ในขณะที่พิธีกรรมทางศาสนาฮินดู มีการใช้เลือดในการทำพิธีบูชาจริง แต่จะไม่มีการนำเลือดคนในการทำพิธี ใช้แต่เลือดสัตว์ในการบูชาเท่านั้น
ดังนั้นในส่วนนี้ตนเชื่อว่าเป็นเพียงการปลุกผู้ชุมนุมให้รู้สึกฮึกเหิมเท่านั้น เป็นแค่ทางจิตวิทยา และขณะนี้ดวงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ดวงแข็ง หากคุมเกมได้ และผ่านจากวันนี้ไปได้ถึงวันที่ 20 มี.ค. เรียกได้ว่านายอภิสิทธิ์ เก่ง ซึ่งนายอภิสิทธิ์ จะยุบสภา แต่ถ้าลาออกนั้น อาจเป็นไปเพราะคิดว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นลูกผู้ชายพอ และถ้าจะลาออกก็ไม่ใช่เพราะกลุ่มนปช. แต่เป็นเพราะลูกเมียขอร้องให้ลาออกเอง เพราะหลังจากวันนี้ไป จะเกิดความรุนแรง เกิดความเสียหายในบ้านเมือง ทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด มีการก่อวินาศกรรม และหากจะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงจนถึงขั้นเอาไม่อยู่ เกิดการสูญเสีย
* ม็อบแดงโสโครกขับถ่ายข้างศธ.
ด้านนายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า เนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง จึงได้รับผลกระทบเรื่องการจราจรและเสียงรบกวนทำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ลำบาก จึงผ่อนคลายเรื่องเวลาการทำงาน แต่ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ส่วนการประชุมต่างๆ ที่มีบุคคลภายนอกเข้าร่วม ได้เลื่อนไปเป็นสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ยังวิตกกังวลเรื่องสิ่งปฏิกูล การขับถ่ายที่อยู่บริเวณด้านข้างกระทรวง เริ่มส่งกลิ่นเหม็น ดังนั้น ได้ประสาน กทม.ให้ส่งเทศกิจเข้ามาดูแลเรื่องความสะอาด ป้องกันการเกิดเชื้อโรค
* จิตแพทย์ชี้ม็อบเครียดเสี่ยงคลั่ง
นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังดูแลสภาพจิตใจประชาชนจากเหตุความขัดแย้งทางการเมือง ตลอด 4 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่11-14 มี.ค.53 ผ่านสายด่วน 1323 ในเขต กทม.และปริมณฑล พบ ประชาชนประมาณ 5 % เครียดทางการเมือง โดยส่วนใหญ่เป็นการโทรมาระบายความทุกข์ใจเป็นห่วงเป็นใยสถานการณ์บ้านเมือง ส่วนภาพรวมความเครียดของคนไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 ซึ่งหากปล่อยให้เกิดความเครียดขึ้นต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้เกิดความก้าวร้าว รุนแรง
ด้าน นพ.สุจริต สุวรรณชีพ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวถึงการเจาะเลือดของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แต่ทำให้เห็นได้ว่าระดับความเครียดเพิ่มขึ้นสูง แม้แต่ตัวเองก็ยอมสละได้ ซึ่งถือว่าน่าเป็นห่วงที่จะสร้างความรุนแรง เพราะความเครียด สุดท้ายจะจบด้วยการอาละวาด ทำร้ายตัวเอง หรือทำร้ายผู้อื่น.
* ศอ.รส.สั่งเพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายกลังการประชุม ศอ.รส.ว่า จากนี้ไปทาง ศอ.รส. จะมีการปรับแนวทางดูแลรักษาความเรียบร้อยให้มากขึ้น ในจุดที่ล่อแหลม และในจุดที่ต้องเฝ้าระวัง จะมีการตั้งด่านตรวจดูแลความปลอดภัย โดยเฉพาะกับอาวุธในการยิงจรวด จะมีมาตรการพิเศษป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้น
เมื่อถามว่า ที่ต้องเฝ้าระวังคืนนี้กับคืนของวันที่ 17 มี.ค.เพราะมีรายงานข่าวว่า จะมีการก่อเหตุหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า เราประสบความสำเร็จกับการประสานงานแกนนำหลายท่าน ในการประสานงานกัน ทำให้หลายฝ่ายพอใจ แต่ต้องยอมรับว่า อาจมีบางกลุ่มไม่พอใจ และเห็นด้วยสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เป็นไปตามทิศทางที่เขาต้องการ ฉะนั้นจึงต้องมีการเฝ้าระวังเพื่อความไม่ประมาท
"ในการชุมนุมหลายครั้ง เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย อาจมีบางกลุ่มรู้สึกอีกแบบ ฉะนั้นเป็นการป้องกัน เฝ้าระวัง และหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะปรับระบบการตั้งจุดตรวจ และปรับการลานตระเวน ดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานที่ต่างๆ ให้เหมาะสมขึ้น จะเป็นมาตรการเครือข่ายใยแมงมุม โดยเป็นการจัดระบบ ซึ่งที่ประชุมมีการหามาตรการป้องกันการยิงระยะใกล้ จึงต้องมีการมาตรการ “เครือข่ายใยแมงมุม” เพื่อป้องกันการยิงระยะไกล ในพื้นที่ 38 จุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล" นายปณิธานกล่าว และย้ำว่า 2-3 วันจากนี้ไป การเฝ้าระวังจะเข้าสู่ระบบใหม่ที่มีความเข้มข้นมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง