xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค”กร้าวไม่ยุบสภา! เอ็ม79ถล่มร.1พัน1รอ. ยิง4นัดทหารเจ็บ2นาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “มาร์ค”พาแกนนำรบ.ตั้งโต๊ะแถลงเมินข้อเสนอเสื้อแดงยุบสภา ลั่นไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องได้ ย้ำฝ่ายความมั่นคงอดกลั้นถึงที่สุด ไม่มีอะไรซ่อนเร้น บอกเป็นห่วงการปราศรัยบนเวทีมุ่งปลุกระดม ขณะที่มือมืดถือฤกษ์ ม็อบแดงปิดล้อมราบ 11 ยิงเอ็ม 79 ถล่ม ร.1 พัน 1 รอ.รวม 4 นัด ทหารบาดเจ็บ 2 นาย ตำรวจสกัดจับรถต้องสงสัย พร้อมคนขับเค้นสอบ ตรวจเขม่าดินปืน สุดท้ายไร้หลักฐานปล่อยตัว ส่วน "ไอ้ตู่"ปัดไม่ใช่ฝีมือคนเสื้อแดงแน่ โบ้ยรัฐสร้างสถานการณ์

วานนี้ ( 15 มี.ค.)เมื่อเวลา 09.50 น. ที่กองพลทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬ่า นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นายโสภณ ซารัมย์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รมว.คมนาคม นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ยกเว้น นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรคกิจสังคม ที่เดินทางไปต่างประเทศ ได้ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังกลุ่มคนเสื้อแดงเรียกร้องให้มีการยุบสภา โดยขีดเส้นตาย เวลา 12.00 น.ในวันที่ 15 มี.ค. พร้อมกันนี้ก็มีรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวานิช รมว.คลัง นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ ร่วมกันแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ขอเรียนสื่อมวลชนผ่านไปยังพี่น้องประชาชนคนไทยทุกท่าน หลังจากที่การชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงผ่านมาเป็นระยะเวลา 2-3 วัน เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยปกติ แต่มีการยื่นข้อเรียกร้องให้ผมยุบสภาภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากที่เขาได้มีการประกาศข้อเสนอ ก็คือประมาณ 12.00 น. ของวันนี้(15 มี.ค.) ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ชุมนุมจะเดินทางมาเพื่อรอฟังคำตอบจากผมในระยะเวลาเที่ยงวัน เมื่อเช้าผมได้เชิญหัวหน้าพรรค หรือพรรคร่วมรัฐบาล หรือผู้แทนพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อที่จะมาปรึกษาหารือ เพราะข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมเป็นข้อเรียกร้องทางการเมือง ได้คุยกันและเห็นพ้องต้องกัน

ประการแรกก็คือ อยากยืนยันว่ารัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้ก่อตั้งขึ้นตามกระบวนการรัฐสภา ตามวิถีทางประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข มาจากการเลือกตั้งเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียงส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับ 2 รัฐบาลก่อนหน้านี้ หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2550 ในการจัดตั้งรัฐบาล เราได้พูดกันตั้งแต่วันแรกว่าหน้าที่ของเราคือบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และนำบ้านเมืองให้เดินไปข้างหน้า ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 ปี 3 เดือนที่ผ่านมา ก็ได้เดินหน้าทำเช่นนั้น

ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมที่บอกว่าจะให้มีการยุบสภาก่อนที่ยง เพื่อที่จะนำไปสู่การยุติ การชุมนุมเคลื่อนไหวนั้น ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นสิ่งที่คงไม่สามารถจะทำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่า ผมหรือพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่รับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน รวมทั้งผู้ชุมนุมด้วย เป้าหมายของเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับการอยู่ในตำแหน่ง หรืออยู่ในสถานะของการเป็นรัฐบาล เป้าหมายของเราคงเหมือนกับความต้องการของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ที่ต้องการจะเห็นประเทศนั้นเดินหน้าไปได้ และประคับประคองระบบความถูกต้อง และหลักการที่สำคัญ เพื่อที่จะให้บ้านเมืองมีความสงบ ไม่เพียงเฉพาะในวันนี้ แต่ในระยาวด้วย

การยุบสภาเป็นทางออกทางการเมืองทางหนึ่ง ซึ่งโดยปกติ ก็อาจจะเกิดจากปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสภา หรือเกิดวิกฤตที่รุนแรง ที่มองว่า การเลือกตั้งใหม่จะสามารถคลี่คลายวิกฤตนั้นได้ ในปัจจุบันข้อเท็จจริงที่ผมคิดว่าทุกฝ่ายน่าจะมองตรงกัน ก็คือว่า เรื่องการยุบสภา หรือมีการเลือกตั้งใหม่นั้น ดูจะเป็นประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทั้งหมดแต่ถ้าใครที่ติดตามการปราศรัยของกลุ่มผู้ชุมนุม จะทราบว่าประเด็นที่มีการหยิบยกขึ้นมาที่เกี่ยวข้องกับมุมมองที่เกี่ยวข้องกับการเมือง พาดพิงและไปไกลกว่า ตัวผมและรัฐบาลด้วยซ้ำ

การเลือกตั้งถ้าจะสามารถนำไปสู่ความสงบเรียบร้อย และเป็นประโยชน์กับประเทศชาติอย่างแท้จริง จะต้องเป็นการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันเรื่องของกติกา และเป็นการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นภายใต้ความสงบอย่างแท้จริง เงื่อนไขตรงนี้จะเกิดขึ้น คงไม่สามารถมีใครที่จะมีคำตอบได้ก่อนเที่ยงวันนี้ และรัฐบาลก็ต้องฟังเสียงของประชาชนที่ไม่ได้มาชุมนุม สิ่งที่พวกเรายืนยัน คือ แม้ว่าข้อเสนอนั้นจะไม่สามารถทำได้ก่อนเที่ยง แต่เราก็ยินดีที่จะรับฟังความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเหตุผล รวมทั้งต้องการที่จะให้กระบวนการในการตัดสินใจทางการเมืองเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศนั้นอยู่บนพื้นฐานของการรับฟังความคิดเห็นของคนทุกกลุ่มในสังคม นี่คือสิ่งที่เป็นข้อยุติที่เห็นพ้องต้องกัน

ในแง่ของการบริหารสถานการณ์ มีการพูดคุยถึงแนวปฏิบัติในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งทุกคนที่นั่งตรงนี้เห็นด้วยกับแนวทางที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่คือ การเคารพสิทธิของประชาชนที่ชุมนุมเคลื่อนไหวภายใต้รัฐธรรมนูญใช้กฎหมายพิเศษ เพื่อประโยชน์ในการทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ไม่มีความคิดในการที่จะไปริเริ่มใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม หรือพูดถึงการสลายการชุมนุม ไม่มีความพยายามใดๆ ที่จะไปสร้างเงื่อนไข ให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มเติม และแนวทางนี้ก็เป็นแนวทางที่รัฐบาลจะเดินหน้าในการบริหารสถานการณ์ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ขอเรียนว่าการปราศรัยบนเวทีของผู้ชุมนุม โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงเย็นช่วงค่ำ ต่อเนื่องมาจนถึงเช้า มีความน่าเป็นห่วงตรงที่ว่า มีการใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จ เพื่อมุ่งให้เกิดความรู้สึกและอารมณ์ที่รุนแรงของผู้มาร่วมชุมนุม หากเชื่อข้อมูลเหล่านั้น เช่น กรณีคลิปเสียงที่มีการพิสูจน์กันครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเป็นการตัดต่อ และเพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่ามีการมาอ้างว่า เรื่องนี้ก็ดี เรื่องการรับราชการทหาร ของผมไม่มีการดำเนินคดี ไม่จริง ทั้ง 2 คดี มีการดำเนินคดีอยู่ เพราะว่าผมได้ยืนยันในข้อเท็จจริง และพร้อมที่จะให้ศาลเป็นผู้พิสูจน์

มีหลายเรื่องที่มีลักษณะทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ชุมนุมกับทางรัฐบาล ผมขอยืนยันว่า ขอให้ทุกฝ่ายได้พิจารณาจากแนวปฎิบัติของรัฐบาลชุดนี้ ต่อการชุมนุมเคลื่อนไหวในลักษณะที่อาจะเป็นการต่อต้านรัฐบาลตลอดระยะเวลาหนึ่งปีกับ 3 เดือน ที่ผ่านมา ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนอยู่ในใจแล้ว สิ่งที่เรากังวลก็คือว่า กำลังมีแกนนำ หรือบุคคลที่ต้องการที่จะสร้างให้เกิดอารมณ์ และความรู้สึกที่ขัดแย้งสูง เพื่อนำไปสู่การปะทะ หรือการยั่วยุให้เกิดการปะทะ โดยเฉพาะเมื่อการชุมนุมที่เริ่มไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่พวกเราทุกคนบนนี้ มีการซักซ้อมและยืนยันกับผู้ปฏิบัติงานด้านความมั่นคงว่า ขอให้ปฏิบัติหน้าที่บนพื้นฐานความอดทน อดกลั้นจนถึงที่สุด และพยายามทำทุกวิถีทางในการสื่อสาร ทำความเข้าใจกับประชาชนที่มาชุมนุม และในการปฏิบัติงานทุกอย่างอยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ กฎหมายทุกฉบับและหลักการของความโปร่งใสที่เปิดโอกาสให้สื่อได้มองเห็นการดำเนินงานทุกอย่างชัดเจนเปิดเผยไม่มีการกระทำใดๆที่เป็นลักษณะแอบซ่อนเพื่อไปสร้างปัญหาใดๆทั้งสิ้น

รัฐบาลนี้ไม่มีประโยชน์อันใดเลยที่จะทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ความวุ่นวายในบ้านเมืองมีแต่จะทำ ให้การบริหารราชการในแผ่นดินไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมยากขึ้นทั้งสิ้น ไม่มีเหตุอะไรที่ต้องการเช่นนั้น ขอให้ประชาชนได้มีความสบายใจว่า ความรุนแรงจะไม่มีวันเกิดขึ้นจากภาครัฐ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการรักษากฎหมาย และปฎิบัติการตามกฎหมายเท่าที่จำเป็นเพื่อที่จะให้เกิดความสงบเรียบร้อย และการพบปะกันของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลในวันนี้เป็นคำตอบสำหรับข้อเสนอที่เป็นข้อเสนอในทางการเมือง ส่วนการทำงานด้านการดูแลสถานการณ์ก็ยังขอความร่วมมือจากประชาชนและยึดแนวทางเดิมในการบริหาร ตรงนี้จะเป็นส่วนของ ศอ.รส. และฝ่ายความมั่นคงที่จะดูแล

ผมทราบดี ถึงความวิตกกังวล ความเครียดความห่วงใยของประชาชน ผมขอยืนยันว่า ความห่วงใยของพวกเราตรงนี้มีไม่น้อยกว่าความห่วงใยของพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน และจะทำทุกอย่างเพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด โดยไม่ให้เกิดความสูญเสียใดๆทั้งสิ้น

*"มาร์ค" ขึ้นแบล็คฮอคดูการจราจร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการแถลงข่าว นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยนายโสภณ ซารัมย์ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ นายปณิธาน วัฒนายากร และนพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์แบบ แบล็คฮอค ออกจากกรมทหาราบที่ 11 เพื่อไปตรวจเส้นทางการจราจรตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส และ ตามเส้นทางที่กลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่าจะใช้เป็นเส้นทางในการเดินทางมกรมทหาราบที่ 11 และใช้เป็นเส้นทางในการเดินทางไปจุดต่างๆ ระหว่างที่มีการชุมนุม และหลังจากที่นายกฯได้ใช้เวลาในการตรวจการจราจรพื้นที่กรุงเทพฯได้ระยะหนึ่ง ก็นำเครื่องลงจอดที่สนามบินกองทัพอากาศ

*เอ็ม 79 ถล่มร.1 พัน 1 รอ.

เมื่อเวลา 13.30 น.วานนี้(15 มี.ค.)ร.ต.อ.จิรภัทร แต้มทอง พนักงานสอบสวน(สบ 1)สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายยิงระเบิดเข้าใส่พื้นที่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์(ร.1 พัน 1 รอ.) ถนนวิภาวดีรังสิตขาออก แขวงและเขตดินแดง กทม.จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.อำนวยนิ่มมะโน พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ.ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณทางเข้าด้านหน้าตึกกองรักษาการณ์ เจ้าหน้าที่พบกิ่งต้นประดู่ขนาดใหญ่ถูกแรงระเบิดอัดจนตกลงมาสู่พื้นเบื้องล่าง มีรายงานยอดผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นทหารที่กำลังเข้าเวรรักษาการณ์อยู่ที่ตึกดังกล่าว จำนวน 2 นาย ถูกนำตัวส่ง รพ.พระมงกุฎฯ ไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อคือ จ.ส.อ.ปรีชา ปานสมุทร อายุ 49 ปี และ พลทหารหนุ่ม ศรีเฝือง อายุ 23 ปี เบื้องต้นแพทย์ทำการตัวเข้าทำการผ่าตัดภายในห้องฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน

*พลทหารเผยนาทีเกิดเหตุ
จากการสอบถาม พลทหารปกรณ์ แสงศรี ทหารรักษาการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนยืนถือปืนเฝ้ารักษาความปลอดภัยอยู่ด้านหน้าติดกับถนนวิภาวดีรังสิตขาออก จู่ๆ ก็มีเสียงคล้ายระเบิดดังมาจากสนามยิงปืนบีบีกัน ด้านในกองพันจำนวน 3 ลูก ทำให้ พ.ท.ไพบูลย์ จุลภาคี ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นนายทหารเวร ต้องนำกำลังเจ้าหน้าที่รักษาการณ์บางส่วนวิ่งไปดูที่จุดเกิดเหตุ ส่วน จ.ส.อ.ปรีชา และ พลทหารหนุ่ม นั้นถูกสั่งการให้ประจำอยู่ ณ ที่ตั้งกองรักษาการณ์ จนกระทั่งระเบิดลูกที่ 4 ตกลงมาใส่ใต้ต้นประดู่ที่ทหารทั้ง 2 นาย ยืนอยู่พอดีจึงถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ โดยก่อนหน้านี้ตนไม่เห็นว่ามีคนร้ายหรือบุคคลต้องสงสัยมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวด้านหน้ากองพันแต่อย่างใด

*คาดยิงจากรถบนทางด่วน
ด้าน พ.อ.ณัฐวัฒน์ อัคนิบุตร ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเบื้องต้นคาดว่าคนร้ายน่าจะใช้ระเบิดแบบ เอ็ม 79 ยิงมาจากในรถซึ่งแล่นชะลออยู่บนทางด่วนถนนวิภาวดีขาเข้า ในลักษณะหลายลูกติดต่อกันจากนั้นก็หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้ตนได้พยายามประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดบนทางด่วนและสถานที่ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุมาเป็นหลักฐานส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วโดยหลังจากนี้จะพยายามขอกำลังสนับสนุนจากตำรวจท้องที่ให้มาร่วมตรวจการณ์สภาพพื้นที่โดยรอบกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ให้มากยิ่งขึ้น และถ้าเป็นไปได้ก็อาจจะขอกำลังมาร่วมกันตั้งด่านตรวจค้นบนทางด่วนด้วย ส่วนมาตรการการรักษาความปลอดภัยในที่ตั้งก็คงจะไม่ต้องเพิ่มหรือปรับปลี่ยนอะไรมากมายเนื่องจากที่ปฏิบัติอยู่เวลานี้ก็เข้มงวดดีอยู่แล้ว

*ผบ.พล.1 รอ.สั่งเพิ่มกำลัง
พล.ต.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.)กล่าวยืนยันว่า มีการยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปใน ร.1 รอ.จำนวน 4 ลูกจริงจึ่งสั่งให้ผบ.ร.1 พัน 1 รอ. เพิ่มมาตรการคุมเข้ม โดยให้มีการปรับกำลังที่จะปฏิบัติภารกิจในการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งหลังจากที่ทหารออกมาปฏิบัติหน้าที่ภายนอก ทำให้เกิดช่องว่างภายในหน่วยทหาร แม้ว่า จะป้องกันเป็นอย่างดีก็ตาม ทำให้จำเป็นต้องมีการปรับกำลังใหม่ ซึ่งเบื้องต้นรายงานให้ผู้บัญชาการทหารบกทราบแล้ว ซึ่งท่านได้ให้ดำเนินการตรวจสอบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้มีคนจ้องสร้างสถานการณ์ ทำให้การป้องกันเป็นไปอย่างลำบาก ดังนั้นทางที่ดีที่สุดต้องมีการปรับกำลังเพื่อนำไปดูแลที่ตั้ง

*2 ทหาร อาการปลอดภัย
ต่อมา พ.อ.พีระพล ปกป้อง ผอ.กองอุบัติเหตุและฉุกเฉิน รพ.พระมงกุฎฯ แถลงข่าวความคืบหน้าอาการของ ทหารผู้ได้รับบาดเจ็บว่า จากการตรวสอบอาการของทหารผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 นาย พบว่า จ.ส.อ.ปรีชา ปานสมุทร ถูกสะเก็ดระเบิดไม่ทราบชนิด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 เซนติเมตร เข้าที่หัวเข่าด้านซ้ายและช่องท้องซ้าย ซึ่งอาการไม่ถือว่าโคม่าเนื่องจากชีพจรยังปกติ ยังพูดคุยได้ แต่ติดอยู่ตรงที่ว่า จ.ส.อ.ปรีชา เป็นโรคประจำตัวคือความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และไขมันในเลือดสูง จึงต้องทานยาละลายลิ่มเลือดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทีมแพทย์ยังไม่ตัดสินใจให้การผ่าตัดในเวลานี้ จึงต้องรอผลเอ็กซเรย์ให้แน่ชัดเสียก่อนว่าสะเก็ดระเบิดทะลุเข้าไปในช่องท้องมากเพียงใด ถ้าไม่มากนักก็อาจชะลอการผ่าตัดเอาไว้ได้ ส่วน พลทหารหนุ่ม นั้นถูกสะเก็ดระเบิดไม่ทราบชนิด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 เซนติเมตร เข้าที่ต้นแขนซ้าย อาการไม่น่าเป็นห่วงคาดว่าแพทย์จะใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงให้นอนพักเพื่อรอดูอาการต่อไป

*สกัดจับรถต้องสงสัยเค้นสอบ
ต่อมาเวลา 15.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สส.น.5 สามารถสกัดจับกุมรถต้องสงสัยที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุครั้งนี้ได้ที่บริเวณซอยสวนพลู ท้องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ จากการตรวจสอบเป็นรถแวน ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสเปซวากอน สีขาว ทะเบียน ศษ 231 กทม.ซึ่งมีพยานที่เห็นเหตุการณ์ แจ้งผ่านรายการ จส.100 ว่า เห็นรถคันดังกล่าวไปป้วนเปี้ยนอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุก่อนที่จะมีเสียงคล้ายวัตถุระเบิดดังขึ้นมาจากภายในรถ จากนั้นคนขับก็ขับรถคันดังกล่าวหลบหนีออกมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงรายงานให้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. และ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก.ทราบก่อนควบคุมตัวเจ้าของรถคันดังกล่าวไปสอบสวนที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ

เวลา 17.30 น. พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางไปยัง สน.ทุ่งมหาเมฆ พร้อมเครื่องตรวจหาสารรังสีวัตถุระเบิด มาทำการตรวจหาสารวัตถุระเบิดที่ตัวผู้ต้องสงสัย และรถต้องสงสัยคันดังกล่าว

*"สุเทพ"สั่งเค้นสอบ
เวลา 18.00 น.ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ซึ่งเดินทางไปสอบปากคำ ผู้ขับขี่รถต้องสงสัย ว่าตำรวจยังไม่ได้ควบคุมตัวใคร ส่วนรถที่นำมาตรวจสอบ เป็นเพียงรถที่นำมาตรวจสอบเขม่าเท่านั้น เนื่องจากทางตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า หลังจากเกิดเสียงยิงระเบิดแล้ว เห็นรถทะเบียนดังกล่าว วิ่งลงมาจากทางด่วนด้วยความเร็วสูง ดังนั้น จึงต้องมีการนำรถคันดังกล่าวมาตรวจสอบอย่างละเอียด

“นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้สั่งกำชับมาให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับทีมตรวจพิสูจน์หลักฐานของ พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ร่วมตรวจสอบหาเขม่าดินปืน ทั้งจากตัวผู้ขับขี่รถ และรถต้องสงสัย ทั้งนี้ ยังไม่สามารถระบุเจ้าของผู้ครอบครองรถได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ว่า รถคันดังกล่าวใช้กระทำความผิดจริงหรือไม่ ส่วนเรื่องการติดตามจับคนร้าย หรือพยานหลักฐานต่างๆ ในเบื้องต้นนั้น ตำรวจมีเพียงพยานบุคคลเท่านั้น ส่วนพยานหลักฐานอื่นๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ” พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการให้สัมภาษณ์เสร็จ พล.ต.ท.สัณฐาน ได้เดินทางกลับเข้าไปสอบปากคำผู้ต้องสงสัยอีกรอบ

*ไม่พบเขม่าดินปืนปล่อยตัวผู้ต้องสงสัย
ต่อมาเวลา 18.40 น. พญ.คุณหญิงพรททิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า ได้รับการประสานจากรัฐบาล ให้เข้ามาตรวจสอบหาสารระเบิดรถผู้ต้องสงสัยรายนี้ ซึ่งผลจากการใช้เครื่องมือ 2 ชนิด ประกอบด้วย เครื่องไอออนสแกน และเครื่องไพโด้สแกน ไม่พบว่า มีสารระเบิดตามร่างกายและรถยนต์ ส่วนเขม่าดินปืน จะต้องนำเข้าไปตรวจสอบที่ห้องเล็บอีกครั้งในวันนี้(16 มี.ค.)ซึ่งเครื่องตรวจหาสารระเบิดดังกล่าวทั้ง 2 ชนิดนั้น มีผลที่แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์
ด้าน พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวอีกครั้งว่า หลังจากนี้ คงต้องปล่อยตัว ผู้ขับขี่รถยนต์รายนี้ไป คือนายนาวิน ดวงสนิท อายุ 39 ปี ส่วนผู้ครอบครองคือ นายพรหมธวัช หทโยดม อายุ 32 ปี พร้อมทั้งให้นำรถยนต์คันดังกล่าวกลับไปได้

ขณะที่นายนาวิน กล่าวว่า เจ้าของรถซึ่งเป็นเจ้านาย ได้เสียชีวิตตั้งแต่ปี 2550 แล้ว และรถคันนี้ ไว้ใช้รับส่งลูกของเจ้านายที่โรงเรียน ฮาโรอินเตอร์เนชั่นแนล ย่านถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งหลังจากไปส่งลูกเจ้านายแล้ว ก็กลับบ้าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 13.30 น.กำลังจะขับไปรับลูกเจ้านาย เพื่อกลับบ้าน ซึ่งเป็นช่วงจังหวะเวลาระหว่างที่เกิดเหตุยิงระเบิดและตนขับรถผ่านไปยังที่เกิดเหตุพอดี จากนั้นจู่ๆ ตำรวจก็มาควบคุมตัวไปสอบสวน ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการฟ้องกลับหรือไม่ นายนาวิน ไม่ยอมตอบคำถาม

*"บิ๊กบัง"จี้รัฐเร่งหาต้นตอเอ็ม 79
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) จำนวน 4 ลูกว่า เป็นเรื่องที่น่าติดตามมากกว่าเรื่องอื่น ต้องตรวจสอบว่าสอดคล้องกับกรณีที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบเครื่องยิงเอ็ม 79 ที่ จ.พระนครศรีอยุธยาและสมุทรปราการหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่จะต้องเร่งหาข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุดว่า เครื่องยิงดังกล่าวถูกส่งไปขายในต่างประเทศหรือนำมาใช้ในประเทศ เพราะลูกระเบิดเอ็ม 79 และอาวุธสงครามส่วนใหญ่จะจัดซื้อมาจากต่างประเทศโดยทางการ

“ตัวปืนมันผลิตง่าย แต่กระสุนผลิตยาก ถึงจะมีปืน แต่ก็หาลูกยิงไม่ง่าย เพราะลูกระเบิดต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเป็นการผลิตในประเทศจะมีการควบคุม สิ่งที่ผมบอกว่าน่าสนใจคือ เขาผลิตแล้วเอาไปไหน ต้องรีบหาตรงนี้ให้เจอ ถ้าเจอแล้วเอาไปทำอะไร เพราะมันไม่มีที่ให้ขาย เรื่องนี้น่าเป็นห่วง และเป็นเรื่องสำคัญ เพราะอาวุธดังกล่าวมีแหล่งสนับสนุนจากภายในประเทศนั้นน้อยมาก แต่ถ้าสนับสนุนมาจากภายนอก อาจเกิดเรื่องยุ่ง ถือว่าอันตรายแล้ว เราจึงต้องรีบหาต้นตอให้ได้ เพราะโลกเดี๋ยวนี้โดยเฉพาะประเทศรอบบ้านเราไม่มีสงครามแล้ว จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าติดตาม”พล.อ.สนธิ กล่าว

เมื่อถามว่า จะเชื่อมโยงกับเอ็ม 79 ที่หายไปจาคลังที่จังหวัดพัทลุงหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า จะเล็ดรอดมาอย่างไรก็มีไม่มาก อย่างไรก็ตาม ระเบิดเอ็ม 79 ที่มีอยู่ในกองทัพมีจำนวนมาก ซึ่งการนำมาใช้รบในเมืองหรือการก่อการร้ายในเมืองจะได้ผลมาก เพราะเป็นอาวุธเล็ก ยิงไม่ต้องเห็นตัว เสียงเบา ไม่ต้องเล็งตรง แต่เล็งวิถีโค้งได้ ระยะ 400 เมตรถือว่าไกลสุด ถ้าจะยิงให้ไกลสุดต้องตั้งปืน 45 องศา ทั้งนี้ อาวุธดังกล่าวไม่มีความแม่นยำ เป็นการยิงเพื่อรบกวน บ่อนทำลาย

*"ไอ้ตู่"โบ๊ยรัฐสร้างสถานการณ์
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงกรณีที่มีการยิง เอ็ม 79 ยิงใส่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ และ ร.1รอ.จนมีนายทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย โดยยืนยันว่าไม่ใช่ฝีมือของคนเสื้อแดงแน่นอน ต้องไปถามทางรัฐบาลว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใครที่สามารถทำได้ในช่วงที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง มีกำลังทหารตำรวจ 5 หมื่นนายดูแลความปลอดภัย และบริเวณนั้นก็มีแต่หน่วยงานราชการ ซึ่งการยิงเอ็ม 79 นั้นต้องเป็นผู้ทฤษฎี และชำนาญการถึงจะรู้ระยะการยิงว่าควรจะยิงจากจุดไหน หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นการผสมโรงจากคนที่ไม่ชอบรัฐบาลที่วันนี้มีจำนวนมากมายจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

“การยิงระเบิดเอ็ม 79 ครั้งนี้ อาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้นมาของภาครัฐ เป็นข้ออ้างในการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อปราบปรามคนเสื้อแดง หากรัฐบาลประกาศใช้จริงก็ให้ลองดู เพราะคนเสื้อแดงไม่ยอมแน่นอน หลังจากที่มีเหตุการณ์นี้ก็คงปฏิเสธเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่า อาจจะมีการยิงเอ็ม 79 มาตกยังบริเวณที่ชุมนุมบ้างนั้น พวกผมได้ทำใจไว้แล้ว แต่หากมีจริงก็พร้อมที่จะสละชีพอยู่แล้ว ซึ่งเราก็ได้ประกาศไว้แต่ต้น” นายจตุพร กล่าว

นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่าเรื่องนี้ไม่มีผลกระทบ แต่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากความขัดแย้งในกองทัพ เพราะที่ผ่านมาทหารที่เติบโตส่วนใหญในยุคนี้มักเป็นสายของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก หรือที่เรียกว่า สายบูรพาพยัคย์ ถ้าไม่ใช่สายนี้ก็จะไม่สามารถเติบโตได้ เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีผลต่อการชุมนุมคนเสื้อแดงหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีผลกระทบ
กำลังโหลดความคิดเห็น