xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณสติแตกแล้วจริงๆ

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

ขณะที่ผมกำลังเขียนต้นฉบับอยู่นี้เป็นเวลาใกล้ถึงเส้นตาย ที่กลุ่มเสื้อแดงที่ยึดบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศมาตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม กำหนดให้รัฐบาลยุบสภา

ไม่รู้เหมือนกันว่ารัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะอกสั่นขวัญแขวนไปกับคำขู่ที่น่าสะพรึงกลัวนั่นหรือไม่ เพราะการชุมนุมของคนเสื้อแดงครั้งนี้น่ากลัวมาก เขาบอกว่า การชุมนุมครั้งนี้ม้วนเดียวจบ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน แดงจะทั่วแผ่นดิน แดงจะมาทุกทิศทุกทางทั้งเหนือ อีสาน กลาง ตะวันออก ใต้ จะมีรถปิกอัพ 1 แสนคัน จะมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน

เอาเข้าจริง วันที่ 12 มีนาคมที่เป็นวันเริ่มต้นของการชุมนุม 5-6 จุดในกรุงเทพฯ มีผู้เข้าร่วมจุดที่มากที่สุดที่หลักสี่ประมาณ 5 พันคน จุดอื่นๆ มากสุด 3 พันคน ต้องสลายการชุมนุมในเวลา 5 โมงเย็นที่วงเวียนใหญ่สลายตัวไปตั้งแต่บ่าย 2 โมง

วันที่ 13–14 มีนาคม เขาบอกว่าให้คอยดูตอนเที่ยงวันที่ 14 มีนาคม

ปรากฏว่ามีผู้คนจำนวนมากมายที่ผ่านฟ้าลีลาศ ราชดำเนินกลาง ราชดำเนินนอก คลาคล่ำไปด้วยผู้คนเสื้อแดง

ขาดล้านอยู่นิดหน่อยประมาณ 9 แสนคนเท่านั้นเอง

ผมนึกไม่ออกว่า แกนนำจะหาทางลงอย่างไร เพราะได้ประกาศไว้คำโตนักว่า 3 วันจบ พอครบ 3 วันยังไม่จบจะขอร้องให้ชาวบ้านเขาอยู่ต่อไป จะบอกเขาว่าอย่างไร จะชนะหรือไม่ชนะ หรือว่าจะต่างคนต่างกลับ ต่างแยกย้ายกันไป

วันข้างหน้าไม่คิดจะหากินทางนี้อีกหรืออย่างไร ตอนนั้นจะไปชักชวนพี่น้องทั้งหลายทั้งปวงทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก อย่างไรเขาจึงจะมาร่วมอีก

ทักษิณ ชินวัตร นั่นช่างเถอะ ผมบอกมานานแล้วว่า อีตาคนนี้สติแตกมาเป็นเวลานานแล้ว การออกมาพูดกับประชาชนคนเสื้อแดงเมื่อคืนวันที่ 14 มีนาคมยิ่งเห็นชัดเลยว่า แกบ้าไปใหญ่แล้ว กล่าวคือ

แกคิดว่าแกจะมาแก้ปัญหาน้ำท่วมให้กับคนกรุงเทพฯ ด้วยการสร้างเขื่อนรอบกรุงเทพฯ ดูซิครับ แกจะต้องติดคุก 2 ปี แกถูกยึดทรัพย์ตามรัฐธรรมนูญแกไม่มีสิทธิที่จะกลับมาเล่นการเมืองได้ แกยังเพ้อเจ้อว่าจะมาแก้ปัญหาน้ำท่วมให้กับคนกรุงเทพฯ แกยังคิดว่าจะมาแก้ปัญหาความยากจนให้ประชาชนคนไทยได้ ทั้งๆ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาว่า ระหว่างที่แกเป็นนายกรัฐมนตรีแกแสวงหาประโยชน์ให้แก่ธุรกิจมือถือ ธุรกิจดาวเทียมของแกและครอบครัวอย่างไรบ้าง

เป็นคนทั้งหลายที่เขาอายเป็นแทบจะต้องเอาปี๊บคลุมหัวทั้งตระกูล แต่แกก็ยังหน้าด้านออกมาจีบปากจีบคอเรียกร้องให้ประชาชนมาต่อสู้เพื่อแกจะได้กลับมาเป็นใหญ่อีก

อย่างนี้ไม่บ้า ก็อาการหนักเกินกว่าที่จะรักษาแล้ว

ทำไมการต่อสู้ครั้งนี้ของคนเสื้อแดงจึงมีผู้คนขาดหายไปเกินกว่าที่แกนนำพวกเขาประมาณการไว้ถึง 9 แสนกว่าคน?

ข้อเรียกร้องโค่นอำมาตย์ หรือยุบสภา เป็นข้อเรียกร้องที่ฟังไม่ขึ้น ดังที่ทราบกันอยู่แล้ว รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สืบต่อจากรัฐบาลสมชาย นายอภิสิทธิ์ แข่งกับพลตำรวจเอกประชา พรหมนอก ที่พรรคเพื่อไทยนอมินีของทักษิณ ถ้าพลตำรวจเอกประชาชนะถึงจะเป็นประชาธิปไตยอย่างนั้นหรือ?

รัฐบาลนี้ (อภิสิทธิ์) จะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่เป็นขนาดไหนไม่รู้ละครับ แต่การที่ประชาชนชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองได้ ด่านายกรัฐมนตรี ด่ารัฐมนตรี มีวิทยุชุมชนวิพากษ์วิจารณ์ เรียกร้องให้ผู้คนมาโค่นล้มรัฐบาล โค่นล้มอำมาตย์ได้สบายๆ อย่างที่ทำกันอยู่เวลานี้เป็นประชาธิปไตยหรือไม่เป็น

รัฐบาลสมัคร สมชาย บริหารมาแล้ว 1 ปี รัฐบาลอภิสิทธิ์บริหารมาแล้ว 1 ปี เวลาที่เหลืออยู่จึงไม่เกิน 2 ปี ก็ต้องเลือกตั้ง

รัฐบาลนี้บริหารผิดพลาดร้ายแรงตรงไหน ถ้าหากปล่อยให้บริหารประเทศต่อไปแล้วจะเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงยากต่อการที่จะแก้ไข ตรงนี้ถ้าหากสามารถอธิบายให้ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงเข้าใจและยอมรับได้ อย่าว่าแต่ขาดอยู่ 9 แสนคนเลย

ขาดมากกว่านี้ประชาชนก็จะมาเข้าร่วมอย่างแน่นอน

การเรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องโค่นอำมาตย์ เรียกร้องยุบสภา เป็นข้อเรียกร้องที่ขาดน้ำหนัก ขาดความชอบธรรม

ยิ่งการออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย โค่นอำมาตย์ ยุบสภา เกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาคดียึดทรัพย์ทักษิณ 4.6 หมื่นล้านบาท คืนให้ทักษิณและครอบครัวไป 3 หมื่นกว่าล้านบาทนั้น ประชาชนทั่วทั้งประเทศ ผู้คนทั้งโลกก็เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่า การเรียกร้องครั้งนี้มีเบื้องหลัง เป็นการเรียกร้องเพื่อที่จะช่วยทักษิณ โดยคาดหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะชนะเหมือนอย่างที่ทักษิณกำลังเพ้ออยู่ขณะนี้ จะช่วยทักษิณหลุดพ้นคดีได้ที่ศาลตัดสินจำคุกไปแล้วก็จะได้รับนิรโทษกรรม ทรัพย์สินที่ถูกยึดจะได้คืน

เผลอๆ กลับมามีอำนาจจะได้มาแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ แก้ปัญหาคนยากจน หรือช่วยให้ พลเอกประยุทธได้เป็น ผบ.ทบ (อย่าลืมให้คนเดิมมาบอก)

ยิ่งทำให้ประชาชนปฏิเสธที่จะเข้าร่วม

การได้ผู้คนมามากมาย (ขาดอยู่ประมาณ 9 แสนคน) นั้นถือว่าเยี่ยมยอดแล้ว เพราะนี่จะเป็นงานสุดท้ายของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย มันได้พิสูจน์ชัดแล้วว่า นายใหญ่สติแตกไปแล้ว โอกาสกลับมาเป็นใหญ่อีกนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะให้ลงทุนลงแรงระดมผู้คนมาให้ 3 เกลอหัวขาดได้หน้าได้ตานั้น ไม่เอาอีกแล้ว

ปัญหาเฉพาะหน้าที่จะหาทางลงสำหรับการชุมนุมครั้งนี้ยังเป็นเรื่องที่น่าห่วง น่ากังวลอยู่

จะหาฉากรุนแรง หรือค่อยๆ เลือนหายไปนี่เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม

กำลังโหลดความคิดเห็น