อีกครั้งที่ประเทศชาติและประชาชนต้องเสียนายตำรวจน้ำดีที่ยิ่งใหญ่ เป็นตำรวจแท้ ตำรวจหัวใจ เพชรของชาติ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและญาติต่อการสูญเสีย พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา และครอบครัวของ ด.ต. โสภณ อินทรบวร ผู้ซึ่งได้อุทิศตนเพื่อประเทศชาติให้พี่น้องคนไทยได้มีความสุข ช่วยกันสร้างเป็นภาพยนตร์เพื่อเป็นตัวอย่างการเสียสละอุทิศตนต่อไป
เป็นความจริงอย่างหนึ่งว่า คนไทยทุกคนที่ได้ไปต่างประเทศ ไม่ว่าประเทศไหนๆ ก็ตาม ย่อมทำให้เขาผู้นั้นคิดเหมือนๆ กันว่า “เกิดเป็นคนไทยโชคดีที่สุด” ทำให้รู้สึกรักชาติมากขึ้น ทำให้รู้สึกรักเทิดทูนในคุณค่าของศาสนาพุทธมากขึ้น รู้จงรักภักดีพระมหากษัตริย์มากขึ้น เรามีอาหารอุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก...
เราเสียอย่างเดียวคือ การเมืองการปกครองของเราไม่เอาไหน ทั้งนี้เพราะเราคิดวิเคราะห์ไม่เป็น เราเชื่อการเมืองแบบผิดๆ เราไปเอามาเพียงรูปแบบจากยุโรปมาใช้โดยลืมความเป็นแก่นแท้ของไทย “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นเผด็จการรัฐธรรมนูญชั่วว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย” ระบอบชั่วหมายถึงระบอบที่ไม่มีระบอบ หรือไม่มีหลักการปกครอง หรือไม่มีจุดมุ่งหมายของการปกครอง หรือไม่มีศูนย์กลางของการปกครองโดยธรรมของปวงชนในชาติ มีเพียงรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นวิธีการปกครองเพียงด้านเดียว
หรือมรรควิธีการปกครอง หรือหนทางของการปกครอง ได้แก่หมวดและมาตราต่างๆ เมื่อไม่มีหลักการปกครองอันเป็นศูนย์กลางทางการเมืองของปวงชนในชาติ การเมืองไทยมันจึงเป็นการเมืองหลอกลวงของกลุ่มการเมืองต่างๆ เช่น กลุ่มทหารก็เป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญอย่างหนึ่ง กลุ่มทักษิณก็เป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญอย่างหนึ่ง กลุ่มแกนนำรัฐบาลก็เผด็จการรัฐธรรมนูญฝ่ายหนึ่ง ต่างพรรค ต่างฝ่ายก็มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองที่ต่างกัน จึงทำให้สังคมไทยมีความแตกแยกมากขึ้นๆ ทุกที
หลายคนอ่านคงไม่เข้าใจ แต่ยังมีคนอ่านเพียงเท่านี้ก็เข้าใจแล้ว ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นสภาพของปัญหาที่แท้จริง เพื่อจะร่วมมือกันแก้ไขการเมืองไทยให้มีระบอบการเมืองที่ถูกต้อง เป็นธรรม เป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่การเมืองการปกครองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือคณะใดคณะหนึ่งแล้วก็ขัดแย้งโจมตีทำลายล้างกัน
นักการเมืองรุ่นแล้วรุ่นเล่า นักวิชาการตัวเป้งๆ บ้านเรา เข้าใจรูปการปกครอง (Form of Government) ได้แก่ระบบรัฐสภา (Parliamentary System) ซึ่งเป็นเพียงรูปแบบการปกครองหนึ่งเท่านั้น ก็ไปหลงว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย นักการเมือง นักวิชาการส่วนใหญ่นับแต่ 2475 เป็นต้นมา เป็นนักการเมือง และเป็น นักวิชาการตัวเป้งๆ ล้วนแล้วล้มเหลวรุ่นแล้วรุ่นเล่า
ทักษิณเป็นตัวอย่างของจอมเผด็จการพลเรือนตัวร้ายที่สุด ทักษิณคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้ด้วยความโลภอย่างแรงกล้าที่สุด ใช้ความฉลาดแกมโกงผูกขาดการสัมปทานดาวเทียมด้วยเงินใต้โต๊ะ ซื้อตัว ตัวเก็งว่าที่ ส.ส. ซื้อพรรค เช่น ซื้อพรรคความหวังใหม่จาก พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และพรรคอื่นๆ เป็นต้น ศาลตัดสินว่ากระทำผิดในการใช้นโยบายเพื่อเป็นประโยชน์แก่ตน ซุกหุ้นหลายชั้นอย่างแยบยล ร่ำรวยผิดปกติและถูกยึดทรัพย์ 40,000 กว่าล้าน ล่าสุดได้ว่าจ้างชาวบ้านที่นิยมตนให้เข้ามาชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพฯ เป็นการเหยียบย่ำซ้ำเติมประชาชนผู้อ่อนด้อยน้อยโอกาสให้ตกต่ำลงมากยิ่งขึ้นด้วยการว่าจ้าง
นักวิชาการบ้าง พิธีกรบ้าง ทั้งทางวิทยุและทีวี มักจะพูดว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างเสื้อแดงกับเสื้อเหลือง แต่แท้จริงแล้วเป็นคณะประชาชนฝ่ายหนึ่งร่วมต่อต้านคนโกงชาติและพวกพ้อง ในนามพันธมิตรฯ ต่อต้านทักษิณ คนโกงชาติในทุกรูปแบบ ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดเมื่อศาลได้พิพากษาและยึดทรัพย์ หากไม่มีพันธมิตรฯ ออกมาประท้วง ออกมาคัดค้าน เราจะจับโจรปล้นแผ่นดินได้ไหม นี่เป็นคุณูปการอันสำคัญยิ่งใหญ่ในการปกป้องชาติ
แนวคิดฝ่ายแดง แดงเดิมส่วนใหญ่แนวคิดลัทธิมาร์กซ์-เหมา หลังจากพ่ายแพ้สงครามกลางเมืองยุติลงอย่างราบคาบเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ด้วย นโยบาย 66/23 โดยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น นี่คือความยิ่งใหญ่ของพลเอกเปรม แต่ต้องตกเป็นที่เกลียดชังของฝ่ายซ้าย หลังจากสงครามกลางเมืองยุติโดยเด็ดขาดในปี 2525 พวกเขาได้เข้ามาทำงานเป็นสื่อบ้าง เป็นนักวิชาการบ้าง เป็นนักการเมืองบ้างแทรกอยู่ในทุกพรรค นักเคลื่อนไหวบ้าง โดยเฉพาะเข้าไปอยู่ใต้ชายคาทักษิณมากที่สุด โดยพวกเขาเชื่อว่าพวกเขากับทักษิณเท่านั้นที่จะโค่นล่มเจ้าได้
ท่านทั้งหลายจะเห็นชัดว่า มวลชนเสื้อแดงไม่โบกธง ธงไตรรงค์ มีแต่ธงแดงเต็มไปหมด นี่ก็เป็นข้อสังเกตอีกอันหนึ่ง และการที่พวกเขาตั้งชื่อกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พวกเขาเข้าใจว่า ฝ่ายทหาร กองทัพเป็นเผด็จการ หากยึดอำนาจทำรัฐประหารก็ใช่เรียกได้ว่าเป็นเผด็จการหรือใช้วิธีการเผด็จการ แต่พวก นปช. แท้จริงพวกเขาเป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญ ดูได้จากพวกเขายึดมั่นในรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญแบบระบบกึ่งประธานาธิบดี (Semi-Presidential System) ใช้ระบบแยกอำนาจ ทำให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจมากและทำให้พระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์ลดลงและถูกทำลายลงในที่สุด
กลุ่มการเมืองแดงนำโดยทักษิณซึ่งมีที่ปรึกษาผู้มีแนวคิดลัทธิคอมมิวนิสต์มากที่สุด จึงได้เรียกฝ่ายนี้อย่างถูกต้องตามความเป็นจริงว่า “เผด็จการรัฐธรรมนูญฝ่ายซ้าย” นอกจากนี้ยังดูได้จากการแถลงการณ์ของ นปช. มีดังนี้
1. เผด็จการได้เข้าครอบงำ ประเทศ 19 ก.ย. 49 และยังคงครอบงำต่อมา ด้วยเครื่องมือรัฐธรรมนูญ 2550 องค์กรอิสระต่างๆ และกฎหมายที่มาจากเผด็จการคณะนั้น
ข้อนี้แสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่เข้าใจสภาพการณ์ที่แท้จริงของการเมืองไทย แท้จริงการเมืองเป็นเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ 2475 แล้ว โดยขัดแย้งกันระหว่างฝ่ายพรรคการเมืองหรือพลเรือนกับฝ่ายกองทัพ ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดตอนรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 เราต้องรู้อย่างถูกต้องว่า รัฐประหารเป็นผลของการปกครองระบอบเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญ ประเทศที่เขาเป็นประชาธิปไตยการเมืองเป็นของปวงชน รัฐประหารโดยกองทัพจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย เช่น อเมริกา อังกฤษ อินเดีย มาเลเซีย เป็นต้น
2. รัฐบาลชุดนี้เป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่งของการครอบงำ เรียกว่า เผด็จการซ่อนรูป ประจักษ์ชัดโดยไม่สงสัยว่ารัฐบาลบริหาร โดยขาดความรู้ ประสบการณ์ และทุจริตคอร์รัปชัน ก่อความเสียหายต่อประเทศและประชาชน
ประเด็นมันก็เป็นทุกรัฐบาล เพราะทุกรัฐบาลมีแนวคิดแบบลัทธิรัฐธรรมนูญโดยยึดมั่นหลงผิดว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยไป อดีตนายกฯ นายสมัคร นายสมชาย หรือ นายอภิสิทธิ์ เค้าก็จะตอบว่าเป็นประชาธิปไตย ทุกฝ่ายต่างก็บอกว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ความจริง ผลและปรากฏการณ์มันฟ้องอยู่ตลอดเวลาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย
3. รัฐบาลนี้ขาดความชอบธรรมในการบริหาร เพราะรวบรวมชื่อ ส.ส.สนับสนุนได้ แต่สภาผู้แทนฯ ขาดความรับผิดชอบ หลายบทหลายมาตรา อาทิ ม.301, 302, 291 สภานี้จึงไม่อาจเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริงของประชาชน ประเด็นนี้เป็นธรรมดาของรัฐบาลและ ส.ส. ส.ว. ของลัทธิรัฐธรรมนูญมีศักยภาพต่ำ ไร้คุณภาพ
เพื่อปลดปล่อยประเทศจากเผด็จการและสถาปนาประชาธิปไตยภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กลุ่ม นปช. เรียกร้องให้รัฐบาลสละอำนาจการบริหารด้วยการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนโดยพลัน นปช. แดงทั้งแผ่นดินจะตั้งมั่นชุมนุมกันรอคำตอบโดยหวังว่าจะไดรับคำตอบภายใน 24 ชม.
การที่ นปช. เรียกร้อง “เพื่อปลดปล่อยประเทศจากเผด็จการและสถาปนาประชาธิปไตยภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นี่เป็นข้อหลอกลวงและแสดงให้เห็นชัดว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องการสถาปนาระบอบประชาธิปไตย หากพวกเขามีความรู้และมีความตั้งใจจริง นายวีระ มุสิกพงศ์ กับพวกจะต้องเสนอหลักการปกครอง มี 1, 2, 3, 4, 5 เป็นต้น แต่นี้ไม่มีเลย เป็นธรรมดาของลัทธิเผด็จการทุกชนิด จะไม่สามารถเสนอหลักการปกครอง ได้เลย ด้วยความไม่รู้ หรือเพราะด้วยปิดบังซ่อนเร้นความมุ่งหมายที่แท้จริง น่าสงสารก็ชาวบ้านเสื้อแดงที่ไม่รู้เท่าทันการเมืองให้เขาหลอกใช้ และรับค่าจ้างอย่างไม่มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
แนวคิดฝ่ายรัฐบาล ก็ตกอยู่ใต้ลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญฝ่ายขวา รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลที่มาจาก วิธีการประชาธิปไตยเสียงข้างมากในระบบรัฐสภา เราได้แนะนำอดีตนายกฯ มาหลายคน และรวมทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปมากต่อมากนับครั้งไม่ถ้วน ให้รู้ถึงความเป็นจริงของเหตุวิกฤตชาติ รัฐบาลมีอำนาจเต็ม ทำได้อย่างสันติ แต่ท่านนายกฯ ไม่รู้ว่าเหตุวิกฤตชาติคืออะไร แต่ท่านนายกฯ คิดว่าประเทศเป็นประชาธิปไตยแล้วตามที่ท่านพูด
แต่วันนี้ เหตุการณ์มันบังคับให้ ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และผู้นำกองทัพต้องร่วมมือกันตัดสินใจแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ อย่างชนิดบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น เราคนไทยด้วยกันทั้งนั้นแต่มาหลงผิด ยึดมั่นถือมั่นและผลประโยชน์ของพวกตนและขัดแย้งมากขึ้นๆ ทั้งนี้เพราะไม่มีระบอบโดยธรรม หรือไม่มีหลักการปกครองโดยธรรมเป็นศูนย์กลาง นั่นเอง ที่บ่งบอกให้ชัดว่าถูกต้อง เป็นธรรมอย่างไร
มีทางเดียวในขั้นต้น ท่านนายกฯ จะต้องร่วมมือกับทุกพรรคทั้งพรรคร่วมและพรรคที่ไม่มี ส.ส. ในสภา และร่วมมือกับแม่ทัพนายกอง ปลัด กรม ต่างๆ รวมทั้งแกนนำการเมืองภาคประชาชนทุกฝ่าย ตั้งเป็นสภาสามัคคีธรรมแก้ไขเหตุวิกฤตแห่งชาติ เสนอการสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรมโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การยุบสภา การลาออกไม่ใช่ทางแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ
พึงระลึกไว้เสมอว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่าแก้ไขด้วยกฎหมายเพียงอย่างเดียว จะไม่สามารถแก้ไขได้เลย มีแต่จะรุนแรงมากขึ้น ต้องแก้ด้วยการเมืองที่สูงกว่า ถูกต้องกว่า บริสุทธิ์กว่า และเป็นการเมืองของปวงชนไทยโดยแท้จริง หากทำได้ เงื่อนไขต่างๆ ทางการเมืองจะหมดไป และสามารถจะแก้ไขเงื่อนไขก่อการร้าย 3 จังหวัดภาคใต้ลงได้
Email: p_ariya_@hotmail.com
เป็นความจริงอย่างหนึ่งว่า คนไทยทุกคนที่ได้ไปต่างประเทศ ไม่ว่าประเทศไหนๆ ก็ตาม ย่อมทำให้เขาผู้นั้นคิดเหมือนๆ กันว่า “เกิดเป็นคนไทยโชคดีที่สุด” ทำให้รู้สึกรักชาติมากขึ้น ทำให้รู้สึกรักเทิดทูนในคุณค่าของศาสนาพุทธมากขึ้น รู้จงรักภักดีพระมหากษัตริย์มากขึ้น เรามีอาหารอุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก...
เราเสียอย่างเดียวคือ การเมืองการปกครองของเราไม่เอาไหน ทั้งนี้เพราะเราคิดวิเคราะห์ไม่เป็น เราเชื่อการเมืองแบบผิดๆ เราไปเอามาเพียงรูปแบบจากยุโรปมาใช้โดยลืมความเป็นแก่นแท้ของไทย “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นเผด็จการรัฐธรรมนูญชั่วว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย” ระบอบชั่วหมายถึงระบอบที่ไม่มีระบอบ หรือไม่มีหลักการปกครอง หรือไม่มีจุดมุ่งหมายของการปกครอง หรือไม่มีศูนย์กลางของการปกครองโดยธรรมของปวงชนในชาติ มีเพียงรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นวิธีการปกครองเพียงด้านเดียว
หรือมรรควิธีการปกครอง หรือหนทางของการปกครอง ได้แก่หมวดและมาตราต่างๆ เมื่อไม่มีหลักการปกครองอันเป็นศูนย์กลางทางการเมืองของปวงชนในชาติ การเมืองไทยมันจึงเป็นการเมืองหลอกลวงของกลุ่มการเมืองต่างๆ เช่น กลุ่มทหารก็เป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญอย่างหนึ่ง กลุ่มทักษิณก็เป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญอย่างหนึ่ง กลุ่มแกนนำรัฐบาลก็เผด็จการรัฐธรรมนูญฝ่ายหนึ่ง ต่างพรรค ต่างฝ่ายก็มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองที่ต่างกัน จึงทำให้สังคมไทยมีความแตกแยกมากขึ้นๆ ทุกที
หลายคนอ่านคงไม่เข้าใจ แต่ยังมีคนอ่านเพียงเท่านี้ก็เข้าใจแล้ว ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นสภาพของปัญหาที่แท้จริง เพื่อจะร่วมมือกันแก้ไขการเมืองไทยให้มีระบอบการเมืองที่ถูกต้อง เป็นธรรม เป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่การเมืองการปกครองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือคณะใดคณะหนึ่งแล้วก็ขัดแย้งโจมตีทำลายล้างกัน
นักการเมืองรุ่นแล้วรุ่นเล่า นักวิชาการตัวเป้งๆ บ้านเรา เข้าใจรูปการปกครอง (Form of Government) ได้แก่ระบบรัฐสภา (Parliamentary System) ซึ่งเป็นเพียงรูปแบบการปกครองหนึ่งเท่านั้น ก็ไปหลงว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย นักการเมือง นักวิชาการส่วนใหญ่นับแต่ 2475 เป็นต้นมา เป็นนักการเมือง และเป็น นักวิชาการตัวเป้งๆ ล้วนแล้วล้มเหลวรุ่นแล้วรุ่นเล่า
ทักษิณเป็นตัวอย่างของจอมเผด็จการพลเรือนตัวร้ายที่สุด ทักษิณคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้ด้วยความโลภอย่างแรงกล้าที่สุด ใช้ความฉลาดแกมโกงผูกขาดการสัมปทานดาวเทียมด้วยเงินใต้โต๊ะ ซื้อตัว ตัวเก็งว่าที่ ส.ส. ซื้อพรรค เช่น ซื้อพรรคความหวังใหม่จาก พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และพรรคอื่นๆ เป็นต้น ศาลตัดสินว่ากระทำผิดในการใช้นโยบายเพื่อเป็นประโยชน์แก่ตน ซุกหุ้นหลายชั้นอย่างแยบยล ร่ำรวยผิดปกติและถูกยึดทรัพย์ 40,000 กว่าล้าน ล่าสุดได้ว่าจ้างชาวบ้านที่นิยมตนให้เข้ามาชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพฯ เป็นการเหยียบย่ำซ้ำเติมประชาชนผู้อ่อนด้อยน้อยโอกาสให้ตกต่ำลงมากยิ่งขึ้นด้วยการว่าจ้าง
นักวิชาการบ้าง พิธีกรบ้าง ทั้งทางวิทยุและทีวี มักจะพูดว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างเสื้อแดงกับเสื้อเหลือง แต่แท้จริงแล้วเป็นคณะประชาชนฝ่ายหนึ่งร่วมต่อต้านคนโกงชาติและพวกพ้อง ในนามพันธมิตรฯ ต่อต้านทักษิณ คนโกงชาติในทุกรูปแบบ ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดเมื่อศาลได้พิพากษาและยึดทรัพย์ หากไม่มีพันธมิตรฯ ออกมาประท้วง ออกมาคัดค้าน เราจะจับโจรปล้นแผ่นดินได้ไหม นี่เป็นคุณูปการอันสำคัญยิ่งใหญ่ในการปกป้องชาติ
แนวคิดฝ่ายแดง แดงเดิมส่วนใหญ่แนวคิดลัทธิมาร์กซ์-เหมา หลังจากพ่ายแพ้สงครามกลางเมืองยุติลงอย่างราบคาบเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ด้วย นโยบาย 66/23 โดยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น นี่คือความยิ่งใหญ่ของพลเอกเปรม แต่ต้องตกเป็นที่เกลียดชังของฝ่ายซ้าย หลังจากสงครามกลางเมืองยุติโดยเด็ดขาดในปี 2525 พวกเขาได้เข้ามาทำงานเป็นสื่อบ้าง เป็นนักวิชาการบ้าง เป็นนักการเมืองบ้างแทรกอยู่ในทุกพรรค นักเคลื่อนไหวบ้าง โดยเฉพาะเข้าไปอยู่ใต้ชายคาทักษิณมากที่สุด โดยพวกเขาเชื่อว่าพวกเขากับทักษิณเท่านั้นที่จะโค่นล่มเจ้าได้
ท่านทั้งหลายจะเห็นชัดว่า มวลชนเสื้อแดงไม่โบกธง ธงไตรรงค์ มีแต่ธงแดงเต็มไปหมด นี่ก็เป็นข้อสังเกตอีกอันหนึ่ง และการที่พวกเขาตั้งชื่อกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พวกเขาเข้าใจว่า ฝ่ายทหาร กองทัพเป็นเผด็จการ หากยึดอำนาจทำรัฐประหารก็ใช่เรียกได้ว่าเป็นเผด็จการหรือใช้วิธีการเผด็จการ แต่พวก นปช. แท้จริงพวกเขาเป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญ ดูได้จากพวกเขายึดมั่นในรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญแบบระบบกึ่งประธานาธิบดี (Semi-Presidential System) ใช้ระบบแยกอำนาจ ทำให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจมากและทำให้พระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์ลดลงและถูกทำลายลงในที่สุด
กลุ่มการเมืองแดงนำโดยทักษิณซึ่งมีที่ปรึกษาผู้มีแนวคิดลัทธิคอมมิวนิสต์มากที่สุด จึงได้เรียกฝ่ายนี้อย่างถูกต้องตามความเป็นจริงว่า “เผด็จการรัฐธรรมนูญฝ่ายซ้าย” นอกจากนี้ยังดูได้จากการแถลงการณ์ของ นปช. มีดังนี้
1. เผด็จการได้เข้าครอบงำ ประเทศ 19 ก.ย. 49 และยังคงครอบงำต่อมา ด้วยเครื่องมือรัฐธรรมนูญ 2550 องค์กรอิสระต่างๆ และกฎหมายที่มาจากเผด็จการคณะนั้น
ข้อนี้แสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่เข้าใจสภาพการณ์ที่แท้จริงของการเมืองไทย แท้จริงการเมืองเป็นเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ 2475 แล้ว โดยขัดแย้งกันระหว่างฝ่ายพรรคการเมืองหรือพลเรือนกับฝ่ายกองทัพ ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดตอนรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 เราต้องรู้อย่างถูกต้องว่า รัฐประหารเป็นผลของการปกครองระบอบเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญ ประเทศที่เขาเป็นประชาธิปไตยการเมืองเป็นของปวงชน รัฐประหารโดยกองทัพจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย เช่น อเมริกา อังกฤษ อินเดีย มาเลเซีย เป็นต้น
2. รัฐบาลชุดนี้เป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่งของการครอบงำ เรียกว่า เผด็จการซ่อนรูป ประจักษ์ชัดโดยไม่สงสัยว่ารัฐบาลบริหาร โดยขาดความรู้ ประสบการณ์ และทุจริตคอร์รัปชัน ก่อความเสียหายต่อประเทศและประชาชน
ประเด็นมันก็เป็นทุกรัฐบาล เพราะทุกรัฐบาลมีแนวคิดแบบลัทธิรัฐธรรมนูญโดยยึดมั่นหลงผิดว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยไป อดีตนายกฯ นายสมัคร นายสมชาย หรือ นายอภิสิทธิ์ เค้าก็จะตอบว่าเป็นประชาธิปไตย ทุกฝ่ายต่างก็บอกว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ความจริง ผลและปรากฏการณ์มันฟ้องอยู่ตลอดเวลาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย
3. รัฐบาลนี้ขาดความชอบธรรมในการบริหาร เพราะรวบรวมชื่อ ส.ส.สนับสนุนได้ แต่สภาผู้แทนฯ ขาดความรับผิดชอบ หลายบทหลายมาตรา อาทิ ม.301, 302, 291 สภานี้จึงไม่อาจเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริงของประชาชน ประเด็นนี้เป็นธรรมดาของรัฐบาลและ ส.ส. ส.ว. ของลัทธิรัฐธรรมนูญมีศักยภาพต่ำ ไร้คุณภาพ
เพื่อปลดปล่อยประเทศจากเผด็จการและสถาปนาประชาธิปไตยภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กลุ่ม นปช. เรียกร้องให้รัฐบาลสละอำนาจการบริหารด้วยการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนโดยพลัน นปช. แดงทั้งแผ่นดินจะตั้งมั่นชุมนุมกันรอคำตอบโดยหวังว่าจะไดรับคำตอบภายใน 24 ชม.
การที่ นปช. เรียกร้อง “เพื่อปลดปล่อยประเทศจากเผด็จการและสถาปนาประชาธิปไตยภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นี่เป็นข้อหลอกลวงและแสดงให้เห็นชัดว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องการสถาปนาระบอบประชาธิปไตย หากพวกเขามีความรู้และมีความตั้งใจจริง นายวีระ มุสิกพงศ์ กับพวกจะต้องเสนอหลักการปกครอง มี 1, 2, 3, 4, 5 เป็นต้น แต่นี้ไม่มีเลย เป็นธรรมดาของลัทธิเผด็จการทุกชนิด จะไม่สามารถเสนอหลักการปกครอง ได้เลย ด้วยความไม่รู้ หรือเพราะด้วยปิดบังซ่อนเร้นความมุ่งหมายที่แท้จริง น่าสงสารก็ชาวบ้านเสื้อแดงที่ไม่รู้เท่าทันการเมืองให้เขาหลอกใช้ และรับค่าจ้างอย่างไม่มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
แนวคิดฝ่ายรัฐบาล ก็ตกอยู่ใต้ลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญฝ่ายขวา รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลที่มาจาก วิธีการประชาธิปไตยเสียงข้างมากในระบบรัฐสภา เราได้แนะนำอดีตนายกฯ มาหลายคน และรวมทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปมากต่อมากนับครั้งไม่ถ้วน ให้รู้ถึงความเป็นจริงของเหตุวิกฤตชาติ รัฐบาลมีอำนาจเต็ม ทำได้อย่างสันติ แต่ท่านนายกฯ ไม่รู้ว่าเหตุวิกฤตชาติคืออะไร แต่ท่านนายกฯ คิดว่าประเทศเป็นประชาธิปไตยแล้วตามที่ท่านพูด
แต่วันนี้ เหตุการณ์มันบังคับให้ ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และผู้นำกองทัพต้องร่วมมือกันตัดสินใจแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ อย่างชนิดบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น เราคนไทยด้วยกันทั้งนั้นแต่มาหลงผิด ยึดมั่นถือมั่นและผลประโยชน์ของพวกตนและขัดแย้งมากขึ้นๆ ทั้งนี้เพราะไม่มีระบอบโดยธรรม หรือไม่มีหลักการปกครองโดยธรรมเป็นศูนย์กลาง นั่นเอง ที่บ่งบอกให้ชัดว่าถูกต้อง เป็นธรรมอย่างไร
มีทางเดียวในขั้นต้น ท่านนายกฯ จะต้องร่วมมือกับทุกพรรคทั้งพรรคร่วมและพรรคที่ไม่มี ส.ส. ในสภา และร่วมมือกับแม่ทัพนายกอง ปลัด กรม ต่างๆ รวมทั้งแกนนำการเมืองภาคประชาชนทุกฝ่าย ตั้งเป็นสภาสามัคคีธรรมแก้ไขเหตุวิกฤตแห่งชาติ เสนอการสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรมโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การยุบสภา การลาออกไม่ใช่ทางแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ
พึงระลึกไว้เสมอว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่าแก้ไขด้วยกฎหมายเพียงอย่างเดียว จะไม่สามารถแก้ไขได้เลย มีแต่จะรุนแรงมากขึ้น ต้องแก้ด้วยการเมืองที่สูงกว่า ถูกต้องกว่า บริสุทธิ์กว่า และเป็นการเมืองของปวงชนไทยโดยแท้จริง หากทำได้ เงื่อนไขต่างๆ ทางการเมืองจะหมดไป และสามารถจะแก้ไขเงื่อนไขก่อการร้าย 3 จังหวัดภาคใต้ลงได้
Email: p_ariya_@hotmail.com