ศูนย์ข่าวภาคเหนือ – จีนสั่งปิดประตูเขื่อนกั้นน้ำโขงอีกรอบ เชื่อวิกฤตอีกถึงเดือนพฤษภาคม หลังเปิดประตูปล่อยน้ำเมื่อกลางสัปดาห์ก่อน เพื่อให้เรือในเครือข่ายวิ่งกลับจิ่งหงจนเกือบเกลี้ยงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้คนลุ่มน้ำดีใจได้ชั่วคราวเมื่อระดับน้ำเพิ่มขึ้นบ้าง ขณะที่ ขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีรับเต็มปาก การระเบิดแก่งกลางโขงเปิดทางเรือทำให้น้ำโขงตื้นเขิน
หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำโขง กระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในระยะปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะแถบสามเหลี่ยมทองคำ จากเดิมที่มีความลึกไม่ถึง 1 เมตร ขึ้นเป็น 1.48 เมตร เมื่อ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา ทำให้บรรดาเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติจีน ที่ต้องจอดเทียบท่าริมฝั่งเชียงแสนมานานกว่า 1 เดือน ทยอยแล่นออกจากฝั่ง มุ่งหน้าขึ้นไปเขตปกครองตอนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน สาธารณรัฐประชาชนจีน กันกว่า 10 ลำ ที่ส่วนใหญ่บรรทุกรถยนต์มือสองจากญี่ปุ่น เหลือเพียงกลุ่มเรือเถื่อน และเรือที่ไม่มีใบอนุญาตของจีนเท่านั้น
มีรายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม ที่ระดับน้ำในแม่น้ำโขงกระเตื้องขึ้น มีเรือของเจ้าท่าสิบสองปันนา ที่ตีเรือเปล่าลงมาแจ้งให้เรือจีนทั้งหมดถอนสมอออกจากท่า พร้อมกับคอยชักลากเรือที่อาจจะติดดอนทรายในลำน้ำโขงให้กลับขึ้นไปให้ถึงสิบสองปันนาให้ได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการท่าเรือริมแม่น้ำโขงบริเวณสามเหลี่ยมทองคำรายหนึ่ง ระบุว่า เขาได้ยินคนเรือจีนวิทยุแจ้งกันตั้งแต่เช้าวันที่ 12 มีนาคม ว่า ให้เรือจีนทั้งหมดรีบออกจากฝั่งไทย เพื่อกลับจีนก่อนที่จะไม่สามารถวิ่งเรือได้ เพราะทางจีนจะปิดประตูน้ำเขื่อนกั้นน้ำโขงอีกรอบหนึ่ง ซึ่งน่าจะปิดกันตั้งแต่เย็นวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมาแล้ว และนั่นหมายถึงระดับน้ำในแม่น้ำโขงแถบสามเหลี่ยมทองคำ จะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นไปอีกเพียง 3-4 วันเท่านั้น ก่อนที่จะกลับไปแห้งขอดเหมือนเดิม หรือมากกว่าเดิม ยาวไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ที่ย่างเข้าสู่ฤดูฝน หรือจนกว่าจะมีฝนตกลงมาเพิ่มเติมเท่านั้น
นายอภิสิทธิ์ คำภิโล หัวหน้าสำนักงานขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี จ.เชียงราย (ขน.)เปิดเผยว่า การที่แม่น้ำโขงที่เพิ่มขึ้นน่าจะเกิดจากการปล่อยน้ำจากเขื่อนในประเทศจีน เพื่อช่วยในการเดินเรือสินค้า หรืออาจจะมีฝนตกทางตอนเหนือของแม่น้ำโขง แต่ระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นก็ยังไม่มากพอที่จะทำการเดินเรือสินค้าได้ตามปกติ ยังต้องมีการเดินเรือเป็นกลุ่มๆ เพื่อคอยช่วยเหลือกันอย่างระมัดระวัง
“ยังมีจุดสำคัญๆ ที่น่าห่วง โดยเฉพาะปัจจุบันมีจุดหาดทรายตื้นเขิน ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับการเดินเรือสินค้าในฤดูแล้งอีก 3 จุด”
เขาบอกว่า ดอนทรายที่เกิดขึ้นใหม่ทั้ง 3 จุดคือ เกาะดอนซาวตรงกันข้าม ต.เวียง อ.เชียงแสน จุดเมืองมอม แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว และจุดหาดป่าแลว ชายแดนพม่า-สปป.ลาว ก่อนถึงจีนตอนใต้ โดยใต้น้ำจะมีหาดทรายที่เปลี่ยนแปลงไปมาอยู่ตลอด ทำให้เรือบรรทุกสินค้าที่ตัดสินใจออกจากท่าต้องบรรทุกสินค้าได้เพียง 50% ของน้ำหนักที่เคยบรรทุก เช่น เรือ 300 ตันก็ลดลงเหลือ 150 ตัน เป็นต้น
นายอภิสิทธิ์ บอกว่า จากการติดตามสถานการณ์การแห้งของแม่น้ำโขงในระยะเวลาประมาณ 10 ปี ซึ่งมีการสร้างเขื่อนในประเทศจีน พบว่าระดับความแห้งโดยเฉพาะช่วงฤดูแล้งของแม่น้ำโขงยังอยู่ในภาวะที่ปกติ โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคมจะอยู่ระหว่าง 1 -2 เมตร โดยปี 2541 มีระดับแห้งสุด 0.75 เมตร ในปี 2547 มีระดับแห้งสุด 0.88 เมตร และในปี 2553 นี้ในช่วงเดือนมีนาคมอยู่ที่ 0.95 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นภาวะน้ำโขงที่แห้งแต่ก็ไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านๆ มามากนัก
สิ่งที่ผิดปกติก็คือในฤดูแล้งปี 2553 เรือสินค้าไม่สามารถเดินเรือได้เหมือนทุกปี ซึ่งตนคิดว่าสาเหตุเกิดจากตะกอนทรายใต้น้ำที่เพิ่มขึ้น หรือเป็นการแห้งจากใต้ท้องน้ำ ไม่ได้อยู่ในระดับวัดน้ำที่ผิวน้ำเป็นหลัก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อคราวที่มีการสร้างเขื่อนมานวานแล้วเสร็จปี 2537 และกักน้ำในปี 2541 ระดับน้ำในแม่น้ำโขงวิกฤตกว่าปีนี้เสียอีก แต่ก็ยังเดินเรือได้บ้าง ตนจึงมองว่าปัญหาน่าจะเกิดจากการระเบิดเกาะแก่งเพื่อการเดินเรือในช่วงหลายปีก่อนกว่า 10 จุด ทำให้เกาะแก่งซึ่งเหมือนเขื่อนธรรมชาติถูกทำลายลงไป ทำให้น้ำไหลเร็ว และเกิดการเปลี่ยนแปลงของตะกอนทราย
ส่วนกรณีที่มีการคำนวณกันว่าประเทศไทยรับน้ำจากแม่น้ำโขงเพียง 16% ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะแม่น้ำโขงมีความยาวกว่า 4,000 กิโลเมตร โดย 1 ใน 3 ของความยาวจะอยู่ในเขตแดนจีน ซึ่งในลุ่มน้ำโขงด้าน จ.เชียงราย ไปจนถึงทางภาคอีสานของไทย ก็เป็นน้ำโขงที่ไหลมาจากประเทศจีนเกือบทั้งหมด มีเพียงแม่น้ำสาขาใน สปป.ลาว และพม่าไม่กี่แห่ง จึงเชื่อว่าน้ำส่วนใหญ่มาจากจีนและเขื่อนก็มีส่วนสำคัญต่อระดับน้ำ