ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
สัปดาห์นี้ถ้าใครเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงสาวกของนักโทษชายทักษิณ คงต้องเสียความรู้สึกไม่น้อยว่า สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ครอบครัวชินวัตรต้องเดินทางออกนอกประเทศเอาตัวรอดเสมอ
อย่างที่รู้กันว่า หลังคำตัดสินการให้ทรัพย์ของครอบครัวชินวัตรกว่า 46,000 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดินนั้นกำลังเป็นวิบากกรรมของนักโทษชายทักษิณที่ไม่สามารถกลับมาได้ด้วยวิธีปกติอีกต่อไปแล้ว เพราะไหนจะต้องโดนเรื่องการอายัดทรัพย์สินเพราะหลบเลี่ยงหนีภาษี แล้วยังต้องทำให้ตัวเองและคนในครอบครัวตลอดจนบริวารทั้งหลายจะต้องถูกดำเนินคดีแพ่งและอาญาอีกเพียบ
ดังนั้นในเวลานี้นักโทษชายทักษิณจึงย่อมคาดหวังว่าจะมี “สถานการณ์พิเศษ” ที่กดดันให้มี “คนกลาง” ออกมายุติปัญหาทั้งหมดเหมือนกับโมเดลเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 !!!
และการที่มีโมเดลเหตุการณ์พฤษภาทมิฬได้ ก็ต้องอาจะมีคนที่คิดรูปแบบการเคลื่อนไหวในการกดดันสูงสุด สร้างความวุ่นวาย ใช้ความรุนแรง ทำให้กรุงเทพมหานครเป็นอัมพาต เพื่อสร้างระดับอำนาจต่อรองสูงสุดให้แลกกับการนิรโทษกรรมให้กับนักโทษชายทักษิณ
การยั่วยุของกลุ่มคนเสื้อแดงรวมถึงการสร้างสถานการณ์เพื่อ “ทำให้เชื่อ” ว่าฝ่ายอำนาจรัฐใช้อาวุธและความรุนแรงจนมีกลุ่มคนเสื้อแดงเสียชีวิต ก็จะเป็นเป้าหมายที่ต้องพึงระวังอย่างยิ่งประการหนึ่ง
การยั่วยุของกลุ่มคนเสื้อแดงรวมถึงการสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้เกิดภาพ ประชาชนในกรุงเทพออกมาปะทะกับกลุ่มคนเสื้อแดง เกิดความโกลาหล ก็เป็นเป้าหมายที่ต้องพึงระวังอย่างยิ่งอีกประการหนึ่ง
ข้อพึงระวังอย่างยิ่งสองประการข้างต้นนี้หากสมใจคนเสื้อแดงเมื่อไร ก็จะทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายจนถึงขั้นที่ไม่สามารถเกิดการควบคุมได้ และจะเป็นการสร้างอำนาจต่อรองสมประโยชน์นักโทษชายทักษิณและครอบครัวสูงสุด
แต่การระวังสองประการนั้นไม่เพียงพอ เพราะจะปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงมาสร้างความวุ่นวาย ก่อการจลาจล ก่อการวินาศกรรมป่วนเมืองและหยุดกรุงเทพมหานครก็ไม่ได้ หรือจะปล่อยให้มือที่ 3, 4, 5 ฉวยโอกาสสวมรอยสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติก็ไม่ได้อีกเช่นกัน รัฐบาล ทหาร และตำรวจ ในฐานะเป็นผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมายในการใช้ทรัพย์สิน อาวุธ และกำลังพล ต้องเป็นผู้รับผิดชอบบนความพอดีกับความปั่นป่วนนั้น
โดยเฉพาะการเผาบ้านเมือง การใช้อาวุธหรือการก่อวินาศกรรมเพื่อข่มขู่ทำร้ายประชาชน หรือการล่องเรือที่แม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น รัฐบาลมีหน้าที่และมีความชอบธรรมในการหยุดยั้งการปั่นป่วนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
งานนี้ความน่าเป็นห่วงแทนกลุ่มคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ อาจตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงที่เกิดมาจากกลุ่มคนเสื้อแดงอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นพวกฮาร์ดคอร์ ซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างอำนาจต่อรองสูงสุดเพื่อการนิรโทษกรรมและนำเอาทักษิณกลับบ้าน หรือแม้แต่อาจตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในการสร้างสถานการณ์เพื่อหวังล้มกระดาน หรือเพื่อปราบแกนนำคนเสื้อแดงครั้งใหญ่ ก็ล้วนแล้วแต่มีมวลชนคนเสื้อแดงและประชาชนทั่วไปเป็นเหยื่อทั้งสิ้น
สัญญาณระดับความรุนแรงในการปั่นป่วนเมืองที่ดูเหมือนจะรู้กันล่วงหน้าเพราะคนในครอบครัวชินวัตร และแกนนำคนเสื้อแดงต่างหลบหนีไปต่างประเทศกันอย่างพร้อมเพรียง และปล่อยให้การเคลื่อนไหวของมวลชนเสื้อแดงไปเสี่ยงชีวิตแทนตัวเองอย่างน่าอนาถ
เพราะฉะนั้นอย่างน้อยก็ขอเตือนให้ประชาชนทั่วไปต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์นี้โดยเด็ดขาด ขอให้อดทน อดกลั้น และตั้งสติให้ดี !!
เช้ามืดวันที่ 12 มีนาคม 2553 กลุ่มคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดจะออกจากหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดหลัก จากพื้นที่ชั้นนอกการเดินทางครั้งนี้เดินทางมาด้วย รถอีแต๋น รถบรรทุก 6 ล้อ รถตู้ รถกระบะ พร้อมด้วยรถปราศรัย มาถึงจังหวัดหลักในแต่ละภูมิภาคตอนเที่ยง และเคลื่อนมารวมตัวกันในจุดรวมพลประมาณตอนเย็น เพื่อเคลื่อนตัวเข้ากรุงเทพมหานคร
ส่วนที่กรุงเทพมหานคร จะมีการชุมนุมและบวงสรวงอนุสาวรีย์เชิงสัญลักษณ์ที่ วงเวียนใหญ่ หลักสี่ อนุสาวรีย์สมรภูมิ
13 มีนาคม 2553 เป็นต้นไป มวลชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาถึงกรุงเทพจะมีการกระจายกำลังมวลชนออกไปหลายจุดในกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างแรงกดดันทางการจราจรหรืออาจถึงขั้นจลาจล เพื่อยั่วยุอำนาจรัฐและประชาชนทั่วไป
โดยเฉพาะจุดที่สุ่มเสี่ยงและล่อแหลมที่สุดคือ แผนเคลื่อนขบวนเรือแดงนับร้อยลำที่ล่องมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาโดยอาจมีเป้าหมายลอยคลออยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช !!!
ซึ่งรัฐบาลได้อาศัย พรบ. ความมั่นคงฯ ครั้งนี้ได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี จึงได้ใช้กฎหมายเพิ่มเติมอย่างที่ไม่เคยใช้มาก่อน พร้อมสั่งการและควบคุมสถานการณ์หลายอย่าง เช่น กฎหมายเพื่อใช้การแพทย์ฉุกเฉิน การควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง การควบคุมวิทยุและโทรคมนาคม และการควบคุมการเดินเรือ เพราะฉะนั้นการยั่วยุทั้งหลายครั้งนี้ ประชาชนอย่าได้ตกเป็นเหยื่อเข้าไปร่วมแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเองโดยไม่มีกฎหมายรองรับโดยเด็ดขาด ปล่อยให้เป็นเรื่องของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐที่จะจัดการปัญหานี้ได้ถนัดมือ
และขอให้เชื่อมั่นเถิดว่าถ้าสถานการณ์เจ้าหน้าที่รัฐเอาไม่อยู่ หรือแกล้งเอาไม่อยู่ ให้รอสัญญาณจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย !!!
วันที่ 13 มีนาคม 2553 เป็นต้นไป การสัญจรไปมาในกรุงเทพมหานคร และการเดินทางเข้ามาจากต่างจังหวัดอาจจะไม่สะดวก การจราจรติดขัดทั้งมาจากการกีดขวางการจราจร และการตรวจตราของเจ้าหน้าที่รัฐ ขอให้วางแผนทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าด้วย
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป้าหมายคือ จบเกมให้สั้นไม่เกิน 3 - 7 วัน ถ้านานเกินกว่านั้น กลุ่มคนเสื้อแดงจะเข้าสู่ความเพลี่ยงพล้ำ เพราะจะควบคุมมวลชนเอาไว้ไม่ได้
เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ และทิศทางอย่างชัดเจน จึงขอมีข้อเสนอชาวกรุงเทพมหานคร ให้มีการเตรียมตัวรับสถานการณ์ของม็อบแดง ดังต่อไปนี้
1.พยายามอยู่กับบ้าน ไม่ต้องออกไปไหน ดังนั้นให้เตรียมอาหาร น้ำดื่ม เครื่องอุปโภค บริโภค ยารักษาโรค ให้มีความพร้อม และอย่าได้ออกไปปะทะกับมวลชนเสื้อแดงด้วยตัวเองโดยเด็ดขาด
2.หากจำเป็นต้องเดินทางออกนอกบ้าน ทางที่ดีที่สุดก็คือการใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน และรถไฟฟ้าบีทีเอส หลีกเลี่ยงการขับรถด้วยตัวเองเพราะอาจติดการจราจรนาน ดังนั้นให้ใช้รถเมล์ วินมอเตอร์ไซด์ หรือรถแท็กซี่ หากจำเป็นต้องขับรถด้วยตัวเองให้เตรียมอาหาร น้ำดื่ม ยาที่จำเป็น รวมถึงภาชนะสำหรับการปัสสาวะให้พร้อมอยู่ในรถ
3.ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ผ่านเว็บไซต์ผู้จัดการ สื่อทีวี วิทยุ และเอเอสทีวี หากเกิดเหตุใดขอให้แจ้งประชาชนให้ทราบด้วยการส่งข้อความผ่าน SMS ของเอเอสทีวี หรือโพสต์ข้อความผ่านอินเตอร์เน็ทในเว็บไซต์ www.manager.co.th
4.ตรวจสภาพอุปกรณ์พร้อมใช้ในบ้านทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์สำหรับในสถานการณ์ไม่ปกติ ทั้งไฟฉายพร้อมถ่าน ถังดับเพลิง อุปกรณ์ป้องกันครอบครัวและตัวเอง เบอร์โทรศัพท์ที่สำคัญใกล้บ้าน ได้แก่ สถานีตำรวจ โรงพยาบาล สถานีดับเพลิง ถ้าคิดอะไรไม่ออกให้ใช้เบอร์ 1555 หรือ 191
5. กล้องวีดีโอ และโทรศัพท์มือถือที่วีดีโอได้ จะมีความสำคัญมาก ถ้ามีเหตุ
ให้ถ่ายเอาไว้โดยทันที เพราะจะทำให้ใช้เป็นหลักฐานในการทำลายความชอบธรรมในการก่อความรุนแรงได้ หลังจากนั้นให้ช่วยไปโพสต์เอาไว้ในยูทูปเพื่อประจายให้ชาวโลกได้รับทราบ
6. เพื่อนบ้านใกล้เคียงกัน หรือคนในหมู่บ้านต้องมีการประชุม จัดเวรยามการ
เฝ้าระวังสถานการณ์ หรือกดดันไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงเข้ามาปั่นป่วนในบริเวณพื้นที่ ถ้าพบสิ่งผิดปกติขอให้เจ้าหน้าที่ให้เข้ามาจัดการกับ บุคลลหรือวัตถุต้องสงสัยอย่างทันท่วงที
และถ้าอยู่บ้านแล้วไม่มีอะไรทำ จะส่งข้อความทวิตเตอร์ไปหาทักษิณเพื่อให้หยุดทำร้ายประเทศไทย หรือถ้าเห็นว่าคนเสื้อแดงไม่รับฟังหรือรับชมทีวีช่องอื่น จะยอมลงทุนส่ง SMS ไปยังทีวีเสื้อแดงเพื่อให้หยุดป่วนบ้านเมือง ก็คงจะไม่ผิดกติกา!!!
หน้า 1
โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
สัปดาห์นี้ถ้าใครเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงสาวกของนักโทษชายทักษิณ คงต้องเสียความรู้สึกไม่น้อยว่า สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ครอบครัวชินวัตรต้องเดินทางออกนอกประเทศเอาตัวรอดเสมอ
อย่างที่รู้กันว่า หลังคำตัดสินการให้ทรัพย์ของครอบครัวชินวัตรกว่า 46,000 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดินนั้นกำลังเป็นวิบากกรรมของนักโทษชายทักษิณที่ไม่สามารถกลับมาได้ด้วยวิธีปกติอีกต่อไปแล้ว เพราะไหนจะต้องโดนเรื่องการอายัดทรัพย์สินเพราะหลบเลี่ยงหนีภาษี แล้วยังต้องทำให้ตัวเองและคนในครอบครัวตลอดจนบริวารทั้งหลายจะต้องถูกดำเนินคดีแพ่งและอาญาอีกเพียบ
ดังนั้นในเวลานี้นักโทษชายทักษิณจึงย่อมคาดหวังว่าจะมี “สถานการณ์พิเศษ” ที่กดดันให้มี “คนกลาง” ออกมายุติปัญหาทั้งหมดเหมือนกับโมเดลเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 !!!
และการที่มีโมเดลเหตุการณ์พฤษภาทมิฬได้ ก็ต้องอาจะมีคนที่คิดรูปแบบการเคลื่อนไหวในการกดดันสูงสุด สร้างความวุ่นวาย ใช้ความรุนแรง ทำให้กรุงเทพมหานครเป็นอัมพาต เพื่อสร้างระดับอำนาจต่อรองสูงสุดให้แลกกับการนิรโทษกรรมให้กับนักโทษชายทักษิณ
การยั่วยุของกลุ่มคนเสื้อแดงรวมถึงการสร้างสถานการณ์เพื่อ “ทำให้เชื่อ” ว่าฝ่ายอำนาจรัฐใช้อาวุธและความรุนแรงจนมีกลุ่มคนเสื้อแดงเสียชีวิต ก็จะเป็นเป้าหมายที่ต้องพึงระวังอย่างยิ่งประการหนึ่ง
การยั่วยุของกลุ่มคนเสื้อแดงรวมถึงการสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้เกิดภาพ ประชาชนในกรุงเทพออกมาปะทะกับกลุ่มคนเสื้อแดง เกิดความโกลาหล ก็เป็นเป้าหมายที่ต้องพึงระวังอย่างยิ่งอีกประการหนึ่ง
ข้อพึงระวังอย่างยิ่งสองประการข้างต้นนี้หากสมใจคนเสื้อแดงเมื่อไร ก็จะทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายจนถึงขั้นที่ไม่สามารถเกิดการควบคุมได้ และจะเป็นการสร้างอำนาจต่อรองสมประโยชน์นักโทษชายทักษิณและครอบครัวสูงสุด
แต่การระวังสองประการนั้นไม่เพียงพอ เพราะจะปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงมาสร้างความวุ่นวาย ก่อการจลาจล ก่อการวินาศกรรมป่วนเมืองและหยุดกรุงเทพมหานครก็ไม่ได้ หรือจะปล่อยให้มือที่ 3, 4, 5 ฉวยโอกาสสวมรอยสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติก็ไม่ได้อีกเช่นกัน รัฐบาล ทหาร และตำรวจ ในฐานะเป็นผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมายในการใช้ทรัพย์สิน อาวุธ และกำลังพล ต้องเป็นผู้รับผิดชอบบนความพอดีกับความปั่นป่วนนั้น
โดยเฉพาะการเผาบ้านเมือง การใช้อาวุธหรือการก่อวินาศกรรมเพื่อข่มขู่ทำร้ายประชาชน หรือการล่องเรือที่แม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น รัฐบาลมีหน้าที่และมีความชอบธรรมในการหยุดยั้งการปั่นป่วนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
งานนี้ความน่าเป็นห่วงแทนกลุ่มคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ อาจตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงที่เกิดมาจากกลุ่มคนเสื้อแดงอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นพวกฮาร์ดคอร์ ซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างอำนาจต่อรองสูงสุดเพื่อการนิรโทษกรรมและนำเอาทักษิณกลับบ้าน หรือแม้แต่อาจตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในการสร้างสถานการณ์เพื่อหวังล้มกระดาน หรือเพื่อปราบแกนนำคนเสื้อแดงครั้งใหญ่ ก็ล้วนแล้วแต่มีมวลชนคนเสื้อแดงและประชาชนทั่วไปเป็นเหยื่อทั้งสิ้น
สัญญาณระดับความรุนแรงในการปั่นป่วนเมืองที่ดูเหมือนจะรู้กันล่วงหน้าเพราะคนในครอบครัวชินวัตร และแกนนำคนเสื้อแดงต่างหลบหนีไปต่างประเทศกันอย่างพร้อมเพรียง และปล่อยให้การเคลื่อนไหวของมวลชนเสื้อแดงไปเสี่ยงชีวิตแทนตัวเองอย่างน่าอนาถ
เพราะฉะนั้นอย่างน้อยก็ขอเตือนให้ประชาชนทั่วไปต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์นี้โดยเด็ดขาด ขอให้อดทน อดกลั้น และตั้งสติให้ดี !!
เช้ามืดวันที่ 12 มีนาคม 2553 กลุ่มคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดจะออกจากหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดหลัก จากพื้นที่ชั้นนอกการเดินทางครั้งนี้เดินทางมาด้วย รถอีแต๋น รถบรรทุก 6 ล้อ รถตู้ รถกระบะ พร้อมด้วยรถปราศรัย มาถึงจังหวัดหลักในแต่ละภูมิภาคตอนเที่ยง และเคลื่อนมารวมตัวกันในจุดรวมพลประมาณตอนเย็น เพื่อเคลื่อนตัวเข้ากรุงเทพมหานคร
ส่วนที่กรุงเทพมหานคร จะมีการชุมนุมและบวงสรวงอนุสาวรีย์เชิงสัญลักษณ์ที่ วงเวียนใหญ่ หลักสี่ อนุสาวรีย์สมรภูมิ
13 มีนาคม 2553 เป็นต้นไป มวลชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาถึงกรุงเทพจะมีการกระจายกำลังมวลชนออกไปหลายจุดในกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างแรงกดดันทางการจราจรหรืออาจถึงขั้นจลาจล เพื่อยั่วยุอำนาจรัฐและประชาชนทั่วไป
โดยเฉพาะจุดที่สุ่มเสี่ยงและล่อแหลมที่สุดคือ แผนเคลื่อนขบวนเรือแดงนับร้อยลำที่ล่องมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาโดยอาจมีเป้าหมายลอยคลออยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช !!!
ซึ่งรัฐบาลได้อาศัย พรบ. ความมั่นคงฯ ครั้งนี้ได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี จึงได้ใช้กฎหมายเพิ่มเติมอย่างที่ไม่เคยใช้มาก่อน พร้อมสั่งการและควบคุมสถานการณ์หลายอย่าง เช่น กฎหมายเพื่อใช้การแพทย์ฉุกเฉิน การควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง การควบคุมวิทยุและโทรคมนาคม และการควบคุมการเดินเรือ เพราะฉะนั้นการยั่วยุทั้งหลายครั้งนี้ ประชาชนอย่าได้ตกเป็นเหยื่อเข้าไปร่วมแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเองโดยไม่มีกฎหมายรองรับโดยเด็ดขาด ปล่อยให้เป็นเรื่องของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐที่จะจัดการปัญหานี้ได้ถนัดมือ
และขอให้เชื่อมั่นเถิดว่าถ้าสถานการณ์เจ้าหน้าที่รัฐเอาไม่อยู่ หรือแกล้งเอาไม่อยู่ ให้รอสัญญาณจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย !!!
วันที่ 13 มีนาคม 2553 เป็นต้นไป การสัญจรไปมาในกรุงเทพมหานคร และการเดินทางเข้ามาจากต่างจังหวัดอาจจะไม่สะดวก การจราจรติดขัดทั้งมาจากการกีดขวางการจราจร และการตรวจตราของเจ้าหน้าที่รัฐ ขอให้วางแผนทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าด้วย
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป้าหมายคือ จบเกมให้สั้นไม่เกิน 3 - 7 วัน ถ้านานเกินกว่านั้น กลุ่มคนเสื้อแดงจะเข้าสู่ความเพลี่ยงพล้ำ เพราะจะควบคุมมวลชนเอาไว้ไม่ได้
เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ และทิศทางอย่างชัดเจน จึงขอมีข้อเสนอชาวกรุงเทพมหานคร ให้มีการเตรียมตัวรับสถานการณ์ของม็อบแดง ดังต่อไปนี้
1.พยายามอยู่กับบ้าน ไม่ต้องออกไปไหน ดังนั้นให้เตรียมอาหาร น้ำดื่ม เครื่องอุปโภค บริโภค ยารักษาโรค ให้มีความพร้อม และอย่าได้ออกไปปะทะกับมวลชนเสื้อแดงด้วยตัวเองโดยเด็ดขาด
2.หากจำเป็นต้องเดินทางออกนอกบ้าน ทางที่ดีที่สุดก็คือการใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน และรถไฟฟ้าบีทีเอส หลีกเลี่ยงการขับรถด้วยตัวเองเพราะอาจติดการจราจรนาน ดังนั้นให้ใช้รถเมล์ วินมอเตอร์ไซด์ หรือรถแท็กซี่ หากจำเป็นต้องขับรถด้วยตัวเองให้เตรียมอาหาร น้ำดื่ม ยาที่จำเป็น รวมถึงภาชนะสำหรับการปัสสาวะให้พร้อมอยู่ในรถ
3.ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ผ่านเว็บไซต์ผู้จัดการ สื่อทีวี วิทยุ และเอเอสทีวี หากเกิดเหตุใดขอให้แจ้งประชาชนให้ทราบด้วยการส่งข้อความผ่าน SMS ของเอเอสทีวี หรือโพสต์ข้อความผ่านอินเตอร์เน็ทในเว็บไซต์ www.manager.co.th
4.ตรวจสภาพอุปกรณ์พร้อมใช้ในบ้านทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์สำหรับในสถานการณ์ไม่ปกติ ทั้งไฟฉายพร้อมถ่าน ถังดับเพลิง อุปกรณ์ป้องกันครอบครัวและตัวเอง เบอร์โทรศัพท์ที่สำคัญใกล้บ้าน ได้แก่ สถานีตำรวจ โรงพยาบาล สถานีดับเพลิง ถ้าคิดอะไรไม่ออกให้ใช้เบอร์ 1555 หรือ 191
5. กล้องวีดีโอ และโทรศัพท์มือถือที่วีดีโอได้ จะมีความสำคัญมาก ถ้ามีเหตุ
ให้ถ่ายเอาไว้โดยทันที เพราะจะทำให้ใช้เป็นหลักฐานในการทำลายความชอบธรรมในการก่อความรุนแรงได้ หลังจากนั้นให้ช่วยไปโพสต์เอาไว้ในยูทูปเพื่อประจายให้ชาวโลกได้รับทราบ
6. เพื่อนบ้านใกล้เคียงกัน หรือคนในหมู่บ้านต้องมีการประชุม จัดเวรยามการ
เฝ้าระวังสถานการณ์ หรือกดดันไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงเข้ามาปั่นป่วนในบริเวณพื้นที่ ถ้าพบสิ่งผิดปกติขอให้เจ้าหน้าที่ให้เข้ามาจัดการกับ บุคลลหรือวัตถุต้องสงสัยอย่างทันท่วงที
และถ้าอยู่บ้านแล้วไม่มีอะไรทำ จะส่งข้อความทวิตเตอร์ไปหาทักษิณเพื่อให้หยุดทำร้ายประเทศไทย หรือถ้าเห็นว่าคนเสื้อแดงไม่รับฟังหรือรับชมทีวีช่องอื่น จะยอมลงทุนส่ง SMS ไปยังทีวีเสื้อแดงเพื่อให้หยุดป่วนบ้านเมือง ก็คงจะไม่ผิดกติกา!!!
หน้า 1