ASTVผู้จัดการรายวัน-“มาร์ค”ไฟเขียวเพิ่มราคาค่าฝากเก็บข้าวให้โรงสีเป็นตันละ 75 บาทตามที่เสนอ หวังดึงเข้าร่วมโครงการตั้งโต๊ะรับซื้อ แก้ปัญหาราคาตกต่ำ โรงสีอ้างต้องขึ้นราคา เหตุไม่มีค่าสีแปรสภาพ ชาวนายุติก่อม็อบ หวั่นตกเป็นเครื่องมือการเมือง
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบกับข้อเสนอผลการหารือของกระทรวงพาณิชย์กับโรงสีที่ขอให้เพิ่มค่าฝากเก็บข้าวเป็นเดือนละ 75 บาทต่อตัน และการชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ให้กับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวแล้ว โดยข้าวที่รับซื้อมาจะฝากไว้ไว้ไม่เกิน 3 เดือน และจะระบายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟต) ซึ่งจากนี้จะมีการเปิดจุดตั้งโต๊ะรับซื้อให้เพิ่มมากขึ้นต่อไป
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้มีการหารือในประเด็นการลดภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายให้กับโรงสีเพื่อจูงใจให้เข้าร่วมโครงการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวจากเกษตรกร โดยจะคิดค่าตอบแทนการรับฝากข้าวให้อย่างเหมาะสม เพื่อดูแลสภาพคล่องให้กับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ ขณะเดียวกัน จะเพิ่มข้อเสนอเป็นพิเศษให้กับโรงสี เช่น
หากรัฐบาลจะระบายข้าวที่ตั้งโต๊ะรับซื้อมา ก็จะพิจารณาให้โรงสีที่รับฝากข้าวเป็นผู้ได้สิทธิ์เป็นรายแรก หากให้ราคาดี
ส่วนความคืบหน้าการรวบรวมข้อเท็จจริงการหาตัวผู้ปล่อยข่าวรัฐระบายสต๊อกข้าว 2 ล้านตัน นายยรรยงกล่าวว่า ได้มีการตั้งคณะกรรมการเพิ่มจากเดิม 4 คน ประกอบด้วย ตนเป็นประธาน นายมนัส สร้อยพลอย ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และเจ้าหน้าที่กระทรวงฯ ทำหน้าที่เป็นเลขานุการอีก 2 คน เพิ่มอีก 3 คน ได้แก่ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ สำหรับหลักการทำงานจะเน้นการรวบรวมข้อเท็จจริง และพิจารณาว่าสิ่งที่ปรากฏเป็นข่าว อยู่ในช่วงใด ต้นตอปล่อยข่าวคือใคร และใครเป็นผู้ได้ประโยชน์
นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ เลขาธิการสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ได้เสนอให้เพิ่มอัตรารับฝากข้าวจากเดิมตันละ 55 บาทต่อเดือนเป็นตันละ 75 บาทต่อเดือน ซึ่งอัตราฝากเก็บเดิมที่โรงสียอมรับได้จะมีรายได้จากการสีแปรหลังฝากเก็บมาเสริม แต่ตามโครงการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวภายใต้โครงการประกันรายได้ชาวนาครั้งนี้ ไม่มีแผนให้แปรสภาพข้าว และให้จัดเก็บเป็นข้าวเปลือกแทน ประกอบกับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการมีภาระอัตราดอกเบี้ยค่าประกันข้าว และค่าใช้จ่ายอื่นๆ จึงรับราคาค่าฝากเก็บเดิมไม่ไหว
ขณะเดียวกัน โรงสีได้ขอความชัดเจนในเรื่องแผนการจัดการข้าวที่ได้รับฝากเก็บว่าต้องการจะฝากเก็บไว้นานเท่าใด โดยในเบื้องต้นเสนอว่าต้องฝากเก็บอย่างน้อย 90 วัน เพื่อโรงสีรู้ว่าจะต้องดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างไร และเชื่อว่าหากรัฐยอมทำตามข้อเสนอ จะเป็นแรงจูงใจให้โรงสีเข้าร่วมโครงการมากขึ้น ซึ่งในส่วนสมาคมฯ จะเร่งทำการประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกรับทราบโดยทั่วกันต่อไป
แหล่งข่าวจากสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีความชัดเจนในเรื่องการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวว่าเมื่อจบโครงการ หรือรับซื้อจนราคาปรับตัวดีขึ้นแล้ว รัฐจะดำเนินการอย่างไรกับข้าวที่จัดเก็บ เพราะโรงสีต้องบริหารจัดการพื้นที่ที่มีอยู่ ทำให้จำนวนโรงสีที่เข้าร่วมโครงการขณะนี้มีเพียง 42 รายใน 13 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าน้อยมากทั้งที่มีโรงสีสังกัดสมาคมฯ มากถึง 300 โรงสี
นายวิเชียร พันธ์โตดี กรรมการชมรมชาวนาภาคกลาง กล่าวว่า ที่ประชุมชมรมชาวนาภาคกลาง 20 จังหวัด เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา มีมติให้ยุติการชุมนุมกดดันรัฐบาลในแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำเป็นการชั่วคราว รวมถึงจะไม่เดินทางไปร่วมชุมนุมที่กระทรวงพาณิชย์วันที่ 11 มี.ค.นี้ด้วย เนื่องจากชมรมมีจุดยืนต้องการแก้ปัญหาชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริงไม่ได้มีเจตนายุ่งการเมืองหรือเข้าไปมีส่วนร่วมกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง รวมทั้งเพื่อให้เป็นไปตามที่รัฐออกประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง มาใช้
รายงานข่าวแจ้งว่า ราคาอ้างอิงสำหรับวันที่ 8-14 มี.ค.นี้ ซึ่งเป็นการประกาศราคาทุก 7 วันจากเดิม 15 วัน ทำให้ขณะนี้ข้าวขาว 5% ความชื้น 15% มีสัดส่วนการชดเชยเพิ่มขึ้น โดยราคาอ้างอิงอยู่ที่ตันละ 8,718 บาท ชาวนาได้รับค่าชดเชยเพิ่มขึ้นเป็นตันละ 1,282 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ได้รับชดเชยตันละ 926 บาท สอดคล้องกับราคารับซื้อของโรงสีที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 8,700-9,100 บาทซึ่งขณะนี้มีข้าวเข้าโครงการแล้ว ณ วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา 2,600 ตัน ไม่รวมข้าวเดิมที่รับซื้อไว้ก่อนหน้านี้ 700 ตัน มีจุดรับซื้อแล้ว 42 จุด
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบกับข้อเสนอผลการหารือของกระทรวงพาณิชย์กับโรงสีที่ขอให้เพิ่มค่าฝากเก็บข้าวเป็นเดือนละ 75 บาทต่อตัน และการชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ให้กับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวแล้ว โดยข้าวที่รับซื้อมาจะฝากไว้ไว้ไม่เกิน 3 เดือน และจะระบายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟต) ซึ่งจากนี้จะมีการเปิดจุดตั้งโต๊ะรับซื้อให้เพิ่มมากขึ้นต่อไป
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้มีการหารือในประเด็นการลดภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายให้กับโรงสีเพื่อจูงใจให้เข้าร่วมโครงการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวจากเกษตรกร โดยจะคิดค่าตอบแทนการรับฝากข้าวให้อย่างเหมาะสม เพื่อดูแลสภาพคล่องให้กับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ ขณะเดียวกัน จะเพิ่มข้อเสนอเป็นพิเศษให้กับโรงสี เช่น
หากรัฐบาลจะระบายข้าวที่ตั้งโต๊ะรับซื้อมา ก็จะพิจารณาให้โรงสีที่รับฝากข้าวเป็นผู้ได้สิทธิ์เป็นรายแรก หากให้ราคาดี
ส่วนความคืบหน้าการรวบรวมข้อเท็จจริงการหาตัวผู้ปล่อยข่าวรัฐระบายสต๊อกข้าว 2 ล้านตัน นายยรรยงกล่าวว่า ได้มีการตั้งคณะกรรมการเพิ่มจากเดิม 4 คน ประกอบด้วย ตนเป็นประธาน นายมนัส สร้อยพลอย ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และเจ้าหน้าที่กระทรวงฯ ทำหน้าที่เป็นเลขานุการอีก 2 คน เพิ่มอีก 3 คน ได้แก่ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ สำหรับหลักการทำงานจะเน้นการรวบรวมข้อเท็จจริง และพิจารณาว่าสิ่งที่ปรากฏเป็นข่าว อยู่ในช่วงใด ต้นตอปล่อยข่าวคือใคร และใครเป็นผู้ได้ประโยชน์
นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ เลขาธิการสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ได้เสนอให้เพิ่มอัตรารับฝากข้าวจากเดิมตันละ 55 บาทต่อเดือนเป็นตันละ 75 บาทต่อเดือน ซึ่งอัตราฝากเก็บเดิมที่โรงสียอมรับได้จะมีรายได้จากการสีแปรหลังฝากเก็บมาเสริม แต่ตามโครงการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวภายใต้โครงการประกันรายได้ชาวนาครั้งนี้ ไม่มีแผนให้แปรสภาพข้าว และให้จัดเก็บเป็นข้าวเปลือกแทน ประกอบกับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการมีภาระอัตราดอกเบี้ยค่าประกันข้าว และค่าใช้จ่ายอื่นๆ จึงรับราคาค่าฝากเก็บเดิมไม่ไหว
ขณะเดียวกัน โรงสีได้ขอความชัดเจนในเรื่องแผนการจัดการข้าวที่ได้รับฝากเก็บว่าต้องการจะฝากเก็บไว้นานเท่าใด โดยในเบื้องต้นเสนอว่าต้องฝากเก็บอย่างน้อย 90 วัน เพื่อโรงสีรู้ว่าจะต้องดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างไร และเชื่อว่าหากรัฐยอมทำตามข้อเสนอ จะเป็นแรงจูงใจให้โรงสีเข้าร่วมโครงการมากขึ้น ซึ่งในส่วนสมาคมฯ จะเร่งทำการประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกรับทราบโดยทั่วกันต่อไป
แหล่งข่าวจากสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีความชัดเจนในเรื่องการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวว่าเมื่อจบโครงการ หรือรับซื้อจนราคาปรับตัวดีขึ้นแล้ว รัฐจะดำเนินการอย่างไรกับข้าวที่จัดเก็บ เพราะโรงสีต้องบริหารจัดการพื้นที่ที่มีอยู่ ทำให้จำนวนโรงสีที่เข้าร่วมโครงการขณะนี้มีเพียง 42 รายใน 13 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าน้อยมากทั้งที่มีโรงสีสังกัดสมาคมฯ มากถึง 300 โรงสี
นายวิเชียร พันธ์โตดี กรรมการชมรมชาวนาภาคกลาง กล่าวว่า ที่ประชุมชมรมชาวนาภาคกลาง 20 จังหวัด เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา มีมติให้ยุติการชุมนุมกดดันรัฐบาลในแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำเป็นการชั่วคราว รวมถึงจะไม่เดินทางไปร่วมชุมนุมที่กระทรวงพาณิชย์วันที่ 11 มี.ค.นี้ด้วย เนื่องจากชมรมมีจุดยืนต้องการแก้ปัญหาชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริงไม่ได้มีเจตนายุ่งการเมืองหรือเข้าไปมีส่วนร่วมกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง รวมทั้งเพื่อให้เป็นไปตามที่รัฐออกประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง มาใช้
รายงานข่าวแจ้งว่า ราคาอ้างอิงสำหรับวันที่ 8-14 มี.ค.นี้ ซึ่งเป็นการประกาศราคาทุก 7 วันจากเดิม 15 วัน ทำให้ขณะนี้ข้าวขาว 5% ความชื้น 15% มีสัดส่วนการชดเชยเพิ่มขึ้น โดยราคาอ้างอิงอยู่ที่ตันละ 8,718 บาท ชาวนาได้รับค่าชดเชยเพิ่มขึ้นเป็นตันละ 1,282 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ได้รับชดเชยตันละ 926 บาท สอดคล้องกับราคารับซื้อของโรงสีที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 8,700-9,100 บาทซึ่งขณะนี้มีข้าวเข้าโครงการแล้ว ณ วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา 2,600 ตัน ไม่รวมข้าวเดิมที่รับซื้อไว้ก่อนหน้านี้ 700 ตัน มีจุดรับซื้อแล้ว 42 จุด
