ASTVผู้จัดการรายวัน - “ มาร์ค แขวะ “นช.แม้ว” ชวนทุกคนอยู่ที่นี่ แต่คนใกล้ชิดตัวเองไม่ชวนอยู่” ด้าน “สุเทพ” รับลูกเมีย “ทักษิณ”หนีไปนอกส่งสัญญาณอันตรายในไทย เผย“เอม-อุ๊งอิ๊ง” ทิ้ง “แม่-พี่ชาย” บินสวิสแล้ว ส่วน “หญิงอ้อ-โอ๊ค” ยังอยู่ในเมืองไทย แอบทำเรื่องขอ สตม. หนีฮ่องกง แต่อยู่ระหว่างศาลพิจารณา ขณะที่“เหลิม”นกรู้หนีปักหลักสิงคโปร์ อ้าง “บี๊กจิ๋ว”ป่วยไม่ร่วมวอร์รูมพท.
จากกรณีที่มีกระแสข่าวนายพานทองแท้ ชินวัตร (โอ๊ค) น.ส.พินทองทา ชินวัตร (เอม) และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) บุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ได้เตรียมเดินทางไปต่างประเทศโดยสายการบินสวิสแอร์ไลน์ ซึ่งคาดว่าจะไปลงที่เมืองซูริก (Zurich) ก่อนเดินทางต่อไปยังสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี นั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร (ชินวัตร)หรือคุณหญิงอ้อ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงอยู่ในประเทศไทยกับนายพานทองแท้ ชินวัตร โดยคุณหญิงพจมานได้ทำหนังสือมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เพื่อขอเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งขณะนี้ทาง สตม.อยู่ระหว่างประสานกับทางศาลว่าจะอนุญาตให้คุณหญิงพจมานเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ เนื่องจากคุณหญิงพจมานยังมีคดีเลี่ยงภาษีบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ ซึ่งศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 3 ปี คดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ซึ่งระหว่างประกันตัวหากจะเดินทางออกนอกประเทศต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อน
ขณะที่น.ส.พินทองทา และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวทั้ง 2 คนนั้นเตรียมได้เดินทางออกนอกประเทศ ไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 10 มี.ค. เวลา 23.40 น.ด้วยสายการบินสวิสแอร์ เที่ยวบินที่ LX181 จุดหมายปลายทางอยู่ที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ในส่วนของ คุณหญิงพจมาน และนายพานทองแท้ เตรียมจะเดินทางไปประเทศฮ่องกงในวันที่ 11 มี.ค.โดยเบื้องต้นยังไม่ทราบสายการบินและเวลาที่ทั้งสองเตรียมเดินทางออกนอกประเทศ
ก่อนหน้านี้คุณหญิงพจมาน ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศไทยได้ เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดา ซึ่งได้มีคำพิพากษาไปแล้ว คุณหญิงพจมาน จึงได้ยื่นหนังสือขอให้ศาลมีคำสั่งให้ สำนักงานตำรวจคนเข้าเมือง ถอนจากบัญชีรายชื่อบุคคลที่ห้ามออกนอกประเทศ ซึ่งทางศาลฎีกา ได้มีหนังสือ ศย.100/1093 ลงวันที่ 10 มี.ค.2553 ถึง ผบช.สตม. เรื่อง ขอให้ถอนรายชื่อบุคคลต้องห้ามออกนอกประเทศ โดยระบุว่า คดีที่คุณหญิงพจมาน ตกเป็นจำเลยในคดีของศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น บัดนี้ ศาลได้มีคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขอให้ถอนรายชื่อคุณหญิงพจมาน ออกจากรายชื่อบุคคลต้องห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
รายงานแจ้งว่า สำหรับกรณีของ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้วเมื่อคืนวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ ทีจี 910 เมื่อเวลา 00.15 น. จุดหมายปลายทางประเทศอังกฤษ โดยมีผู้ร่วมเดินทางอีก 2 คน คือ นายวิชัย รักศรีอักษร เจ้าของ บริษัท คิงพาวเวอร์ และ นายธีรพล นพรัมภา อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี
มาร์คแขวะไม่ชวนลูกเมียอยู่ไทย
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ยังไม่ทราบว่าออกหรือไม่ แต่ตนเรียนได้ว่า เมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ก็ไม่อยู่กัน ส่วนจะเกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่ก็ต้องถามคุณทักษิณเหมือนกันว่า “ชวนทุกคนอยู่ที่นี่ แต่ว่าคนใกล้ชิดตัวเองไม่ชวนอยู่ละครับ"
นายอภิสิทธิ์ ยังเชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพราะปัญหาหลักไม่ได้อยู่ที่อำนาจเปลี่ยนมือหรือไม่เปลี่ยนมือ ปัญหาหลักอยู่ที่ว่า รักษากติกาและความสงบเรียบร้อยได้ นั่นคือภารกิจที่สำคัญ ตนมั่นใจว่า แนวทางที่เรากำหนดเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ถ้าประชาชนให้ความร่วมมือทุกอย่างก็จะผ่านไปอย่างเรียบร้อย
**ระทึกรถโฟล์กแทรกขบวนมาร์ค 2 หน
ช่วงเย็นวันเดียวกันเกิดเหตุระทึกระหว่างที่ขบวนรถนายอภิสิทธิ์ จะเดินทางกลับบ้านพักซอยสวัสดี ได้มีรถตู้ยี้ห้อโฟล์ก สีน้ำเงิน พยายามแทรกเข้าขบวน บริเวณทางด่วนยมราช แต่ไม่สำเร็จ ขณะที่รถคันเดิมยังพยายามที่จะเบียดแทรกขบวนบนทางด่วน ทั้งนี้สังเกตได้ชัดเจนว่า รถคันดังกล่าวยังใช้วิทยุติดตามตัวแบบเดียวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามนายกฯได้เดินทางถึงบ้านพักอย่างปลอดภัย
** “เหลิม”นกรู้หนีปักหลักสิงคโปร์
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมจากพรรคเพื่อไทยว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางออกจากสนามบินสุวรรภูมิประเทศไทย เมื่อเวลา 21.20 น.วันที่10 มี.ค. โดยมีจุดหมายยังประเทศสิงคโปร์ ด้วยสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ทั้งนี้ไม่มีการยืนยันกำหนดกลับ แต่คาดว่าจะอยู่ดูสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง ทั้งนี้เป็นเพราะไม่เห็นด้วยกับเสื้อแดงและที่รัฐบาลส่งทหารมากดดันตน
**อ้าง “บี๊กจิ๋ว”ป่วยไม่ร่วมวอร์รูมพท.
ขณะที่ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ว่า ตนทราบมาว่า วันที่ 11 มี.ค. นี้ เวลา 05.30 น.จะมีทหาร 3 กองร้อยจากค่ายธนรัชต์ อ.ปราณบุรี เดินทางมาปักหลักที่วัดบางบอนใกล้บ้านตนเพื่อติดตามสถานาการ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง ดังนั้นในวันดังกล่าวตนจะไม่อยู่บ้าน ซึ่งจะเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ ในเวลา 21.25 น. และจะกลับเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า ก่อนไปประเทศสิงคโปร์ ตนได้ไปพบพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคฯ ที่รักษาตัวอยู่รพ.พระมงกุฏฯ โดยได้รับแจ้งว่า พล.อ.ชวลิตก็จะไม่อยู่ร่วมวอร์รูมติดตามสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกับตน โดยตนจะไปพบเพื่อนที่มีบ้านที่สิงคโปร์ และคาดว่า พล.อ.ชวลิต ต้องใช้เวลารักษาตัวจึงไม่เข้าร่วมวอร์รูมกับพรรคพื่อไทย
**ทวิตแก้ต่างลูกสาวเผ่นไปนอก
ช่วงสายวันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เขียนข้อความลงบนเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ดอทคอม โต้ตอบกับแฟนคลับคนเสื้อแดงรายหนึ่งที่บอกให้เปลี่ยนลายเซ็นแล้วจะได้กลับประเทศไทยว่า “มีคนบอกหลายคนเหมือนกันครับกำลังหัดอยู่ครับ ขอบคุณครับ”
อีกคนถามว่า "เหตุใดครอบครัวไม่อยู่ประเทศไทยเวลามีชุมนุม ยืมมือประชาชนหรือไม่" พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบกลับไปว่า “ลูกสาวสองคนเขาไปดูนิทรรศการเรื่องโรงแรมที่เยอรมัน เขาจองกันไว้ล่วงหน้านานมากแล้ว เสร็จงานเขาจะมาเยี่ยมผม เพราะไม่ได้พบกันนานแล้วครับ”
ทั้งนี้เมื่อมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งปลุกระดมให้คนออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงให้มากๆ และใช้ความรุนแรงในการชุมนุม ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องปรามว่า “ใจเย็นๆ น้อง อย่าเป็นคนขี้รำคาญ ฟังเรื่องราวให้ชัดว่ามันมีวันนี้ก็เพราะวาดภาพว่าผมไม่จงรักภักดี ทั้งที่ไม่จริงแล้วก็สั่งการให้ทำลายผม” อีกรายหนึ่งระบุว่า "เห็น พล.ต.ขัตติยะ ไปเยี่ยมบ่อยๆ รู้สึกไม่สบายใจ และไม่ไว้ใจ" พ.ต.ท.ทักษิณ จึงชี้แจงว่า “เสธ.แดงเป็น นตท.รุ่นน้องผมหนึ่งรุ่น มาเยี่ยมผม 2-3 ครั้ง มีคนมาเยี่ยมผมเรื่อยๆ เสื้อเหลืองก็มี คนฝั่งรัฐบาลก็มี เป็นคนไทยมาหาผมก็ดีใจ”
**จวกมาร 2 ตัวจ้องป่วนชุมนุมเสื้อแดง
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังทวิตข้อความด้วยว่า “เราย้ำเสมอว่าต้องยึดแนวของมหาตมะคานธีร์คือสู้ด้วยสันติ และตีแผ่ความจริง ถึงแม้เราจะถูกปิดกั้นสื่อแบบสุดๆ แต่ต้องระวังมาร 2 ตัว มารบุรีรัมย์ มารสุราษฎร์ วันนี้กฎหมายถูกใช้เพื่อปราบปรามทางการเมือง โดยไม่ฟังเสียงชาวบ้าน สันนิษฐานเอาเองว่า ผมไม่จงรักภักดี และคิดว่าเสื้อแดงไม่จงรักภักดีด้วย” นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังตอบอีกรายว่า “คนเป็นล้านคิดว่าไม่มีใครแทรกแบบเดียวกับเมษายนที่แล้วหรือครับ ที่ไอ้มาร 2 ตัว ส่งตำรวจทหารใส่สีน้ำเงินมาไล่ขว้าง/ยิงใส่สีแดง รัฐบาลต้องดู”
**ปลุกระดมต่อเนื่องชุมนุม 14 มี.ค.
เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า "Chattt" เขียนข้อความว่า “จริงๆ มองแบบ game th. ทุกฝ่ายจะเสียประโยชน์หากสถาบันกระทบกระเทือน ดังนั้นผมเชื่อว่าทุกฝ่ายปกป้องสถาบันอยู่แล้วโดยพื้นฐาน เพียงแต่การทำให้เชื่อว่าอีกฝ่ายพยายามล้มล้างสถาบัน เป็นข้ออ้างที่หลงเชื่อได้ง่าย และฝ่ายจำเลยแก้ต่างได้ยาก อะไรคือจงรักภักดี” พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทวิตข้อความกลับไปว่า
“ถูกต้องเลยครับ สถาบันถูกอ้างเพื่อการล้มล้างทางการเมืองมาหลายครั้ง ตั้งแต่สมัยคึกฤทธิ์อยู่ปชป. เข้าไปตะโกนในโรงหนังว่า ปรีดีฆ่าในหลวง”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ส่งข้อความสั้น SMS ไปยังโทรศัพท์มือถือของสมาชิกที่สมัครรับข้อมูลข่าวสารทาง TSLive ด้วยว่า “14 นี้ ร่วมทางคืนประชาธิปไตย และความเป็นธรรมที่หายไปเพื่ออนาคตลูกหลานไทย”
**"น้องแม้ว"ทอดผ้าป่าค่าน้ำมันเสื้อแดง
บ่ายวันเดียวกันที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว กลุ่มคนเสื้อแดงได้ทำพิธีทอดผ้าป่าประชาธิปไตยมีนางเยาวเรศ ชินวัตร อดีตประธานสภาสตรีแห่งชาติ และน้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประธาน ร่วมกับนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ร่วมกับองค์กรเสื้อแดงต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนเป็นค่าน้ำมันรถในการชุมนุมใหญ่ ภายใต้ชื่อ “ร่วมใจซื้อน้ำมันไล่รัฐบาล 1 ล้านคัน 1 ล้านคน” ทั้งนี้คาดว่าน่าจะเงินบริจาคไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท รวมกับยอดอีก 1 ล้านบาทเพราะมีประชาชนจำนวนมากติดต่อมาว่าอยากร่วมชุมนุม แต่ไม่มีค่าน้ำมันรถ
**ไอ้ ตู่ กร้าวนปช.จะแหกทุกด่าน
ด้านหนึ่งในสามเกลออย่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามกุข่าวสร้างสถานการณ์ ว่าจะมีการวางระเบิด 3-4 จุดใหญ่และ 40 จุดย่อย รวมทั้งมีการเปิดประเด็นการก่อวินาศกรรมเกิดขึ้น และปลุกระดมให้คนในแฟลตดินแดงต่อต้านคนเสื้อแดง จึงอยากขอเตือนทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่ได้ร่วมคิดสร้างสถานการณ์เมษาเลือดว่าคนเสื้อแดงจะไม่ยินยอมให้สถานการณ์กลับมาซ้ำรอย เพราะช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่คนเสื้อแดงแข็งแกร่งที่สุด และพร้อมที่จะแหวกด่านมาร่วมชุมนุมภายใต้รัฐธรรมนูญ ตนขอบอกว่าตำรวจและทหารที่ตั้งด่านสกัดประชาชน เท่ากับตำรวจทหารได้ทำผิดกฎหมายเสียเอง คนเสื้อแดงจึงมีสิทธิ์แหวกด่านทุกที่ไม่เว้นแม้แต่ด่านวังน้อย จ.อยุธยา ซึ่งเป็นด่านที่ใหญ่ที่สุด
**ขู่ “สุเทพ”หาที่อยู่ใหม่ไว้เลย
นายจตุพร กล่าวว่าอยากให้นายอภิสิทธิ์ ทบทวน เพราะวันที่คนเสื้อแดงประกาศชุมนุมใหญ่ก็ไม่เห็นว่าสำนักพระราชวังจะมีประกาศให้งดการถวายพระพร แต่พอรัฐบาลประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคง สำนักพระราชวังก็ประกาศงดการถวายพระพร 11-23 มีนาคม ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายความมั่นคงที่ได้ประกาศออกมา ทั้งนี้ตนขอเตือนว่าไม่ว่ารัฐบาลจะประกาศกฎหมายอีกกี่ฉบับก็ไม่สามารถห้ามการชุมนุมของคนเสื้อแดงได้และกว่าจะถึงวันที่ 14 มีนาคม นายสุเทพ จะรู้ว่าคน 1 ล้านคนนั้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งรัฐบาลต้องเตรียมหาที่อยู่ใหม่เอาไว้เลย
ทั้งนี้ในวันที่ 11 มีค.เวลา 13.00 น.ตนพร้อมคณะจะไปแสดงตนกับประธานวุฒิสภา เพื่อยื่นถอดถอนองค์คณะตุลาการศาลฎีกาคดียึดทรัพย์ ด้วยเหตุผลเดียวคือ ผู้พิพากษาจำนวน 8 ใน 9 คนกระทำผิดรัฐธรรมนูญ เพราะพิพากษานอกเหนือจากสิ่งที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจ เพราะไม่ฟังฝ่ายนิติบัญญัติ แต่กลับไปยึดถือประกาศคณะปฏิวัติ โดยเปิดเต้นท์ให้ประชาชนร่วมลงชื่อถอดถอน
“จะไม่มีการกระทำในสิ่งที่กลุ่มพันธมิตรเคยทำเป็นอันขาด หากนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ไม่เชื่อก็ขอให้ไปที่วัดพระแก้วพร้อมกันเพื่อสาบานก่อนการชุมนุม สาปแช่งกันว่าใครจะเป็นผู้สร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดขึ้น ก็ขอให้มีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วัน และครั้งนี้คนเสื้อแดงจะชนะด้วยมือเปล่า”
ส่วนที่นายวีระ ได้แจ้งกลับนายโคทม อารียา ที่เข้าพบนั้นขอให้ไปขอกับทางรัฐบาลว่าอย่ามาใช้แดงเทียมเพื่อสร้างความวุ่นวาย ซึ่ตนในฐานะที่เป็นคนเคยรู้จักกับนายโคทม ก็ขอบอกนายโคทมว่าไม่ต้องมา เพราะมาก็จะเสียเวลาเปล่า และตนจะเปลี่ยนชื่อให้เป็น “นายโคระทม”
ด้านหัวขวดอีกคนหนึ่ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ถือเป็นรัฐบาลที่ใช้กฎหมายความมั่นคงบ่อยที่สุดและถี่ที่สุด ซึ่งสะท้อนภาพรัฐบาลที่ไม่มั่นคงที่สุดและไม่ได้รับการยอมรับที่สุด รัฐบาลชุดนี้กลับประกาศใช้ถึง 18 ฉบับ ซึ่ง 4 ฉบับที่เพิ่มขึ้นนั้นใน 3 ฉบับหลังเป็นไปเพื่อควบคุมคนเสื้อแดง
ทั้งนี้ยืนยันว่า จะไม่มีการยึดสถานนีโทรทัศน์ของรัฐเด็ดขาด และเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดพื้นที่สื่อโทรทัศน์ช่เป็นช่องทางให้แกนนำคนเสื้อแดงได้มีโอกาสพูดคุยความจริงกับเพื่อนร่วมชาติ
**”โคทม”เจอแดงถ่ายด่าหลังพบ”วีระ”
ช่วงเย็นนายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมกับ 6 องค์กรเครือข่าย พบ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำนปช. เพื่อเรียกร้องไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมือง ให้ชุมนุมโดยสันติ และปราศจากอาวุธ ว่า ได้เสนอให้กลุ่ม นปช.และรัฐบาลร่วมกับป้องกัน ระงับและบรรเทาความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุม โดยฝ่ายรัฐบาลพยายามจะตั้งนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี มาเป็นตัวแทน ซึ่งฝั่ง นปช.ก็จะตั้งนพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. มาเป็นตัวแทนในการร่วมมือและหารืออย่างสันติวิธี และตนได้ประสานกับนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อไปพูดคุยกับฝ่ายรัฐบาลในวันที่ 11 มีนาคม
ทั้งนี้ นปช.รับที่ไม่ต้องการชุมนุม 6 จุดในกรุงเทพฯ แต่เป็นเพียงการเคลื่อนพล และนปช.ก็กำลังคิดเรื่องการนิมนต์พระมาทำเขตอภัยทาน เพื่อลดไม่เกิดความรุนแรงจากทั้งสองฝ่าย
ด้านนายชัยวัฒน์ สถาอานันท์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า กลุ่ม นปช.ก็มีความตั้งใจในเรื่องเดียวกัน อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายวันที่ 11 มี.ค.นักวิชาการจำนวนหนึ่งจะมีการหารือเรื่องยุทธศาสตร์สันติวิธี ที่ห้องอาหารโดมพระจันทร์ ม.ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ซึ่งยืนยันในหลักการที่ว่าอยากเห็นทั้งฝ่ายนปช.และฝ่ายรัฐบาลได้ยึดสันติวิธี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังนายโคทมให้สัมภาษณ์เสร็จและจะเดินทางกลับ ได้มีคนเสื้อแดงหลายคน พยายามเข้ามาต่อว่านายโคทม โดยอ้างว่าได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเข้าข้างฝ่ายรัฐบาลในคดียึดทรัพย์ ซึ่งบางคนตะโกนชี้หน้าด่าทอเสียงดังด้วยถ้อยคำหยาบคาย โดยนายโคทมได้แต่ยิ้มรับ
**หวย-กีฬา-การศึกษาประกาศงดหนีเสื้อแดง
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแจ้งว่า เพื่อให้เกิดความไม่สะดวกในการบริการให้กับผู้ที่มาติดต่อประสานงาน ตลอดจนตัวแทนจำหน่ายที่เดินทางมารับสลากงวดวันที่ 1 เมษายนไปจำหน่าย รวมทั้งประชาชนที่มาขึ้นเงินรางวัล ในวันที่ 12 มีนาคมนี้ สำนักงานสลากฯ จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.30-12.00 น.
สำหรับเกมไทยพรีเมียร์ลีกนัดประเดิมสนามในวันที่ 13-14 มี.ค.นี้ ล่าสุดประกาศเลื่อนโปรแกรมการแข่งออกไปทุกคู่ รวมถึงระดับดิวิชั่น 1 และไปเริ่มในวันเสาร์ที่ 20 มี.ค.นี้แทน โดยหากสถานการณ์ยังคงไม่สงบ อาจจะยังต้องเลื่อนต่อไปอีก
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ประกาศหยุดการเรียนการสอนภาคฤดูร้อน ตั้งแต่วันที่ 12-14 มี.ค.นี้ และจะเปิดเรียนตามปกติอีกครั้ง ในวันจันทร์ที่15 มี.ค.นี้
ในส่วนของ มธ. ท่าพระจันทร์ จะงดการเรียนการสอนในวันที่ 13-14 มี.ค.และสำหรับคณะที่จะมีการสอบในช่วงเวลาดังกล่าวก็ให้เลื่อนการสอบออกไปก่อน
สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม โดยเฉพาะวิทยาลัยนาฏศิลป์กรุงเทพ ประกาศเลื่อนการสอบปลายภาคเรียนที่ 2 เป็นวันที่ 21-23 เม.ย. 2553 แทน
ศูนย์ประเมินและรับรองความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม (ศ.ร.ว.) ได้ออกประกาศวันการสอบใหมในขั้นตอนที่ 1 ประเมินความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐาน(Basic Medicine Sciences) เป็น วันเสาร์ที่ 20 มี.ค.53 และการสอบขั้นตอนที่ 2 ประเมินความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก(Clinical Sciences) เป็น วันอาทิตย์ที่ 21มี.ค.53
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ได้ออกหนังสือเวียนแจ้งไปยังสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ให้เตรียมการป้องกันและรักษาความสงบเรียบร้อย
จากกรณีที่มีกระแสข่าวนายพานทองแท้ ชินวัตร (โอ๊ค) น.ส.พินทองทา ชินวัตร (เอม) และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) บุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ได้เตรียมเดินทางไปต่างประเทศโดยสายการบินสวิสแอร์ไลน์ ซึ่งคาดว่าจะไปลงที่เมืองซูริก (Zurich) ก่อนเดินทางต่อไปยังสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี นั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร (ชินวัตร)หรือคุณหญิงอ้อ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงอยู่ในประเทศไทยกับนายพานทองแท้ ชินวัตร โดยคุณหญิงพจมานได้ทำหนังสือมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เพื่อขอเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งขณะนี้ทาง สตม.อยู่ระหว่างประสานกับทางศาลว่าจะอนุญาตให้คุณหญิงพจมานเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ เนื่องจากคุณหญิงพจมานยังมีคดีเลี่ยงภาษีบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ ซึ่งศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 3 ปี คดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ซึ่งระหว่างประกันตัวหากจะเดินทางออกนอกประเทศต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อน
ขณะที่น.ส.พินทองทา และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวทั้ง 2 คนนั้นเตรียมได้เดินทางออกนอกประเทศ ไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 10 มี.ค. เวลา 23.40 น.ด้วยสายการบินสวิสแอร์ เที่ยวบินที่ LX181 จุดหมายปลายทางอยู่ที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ในส่วนของ คุณหญิงพจมาน และนายพานทองแท้ เตรียมจะเดินทางไปประเทศฮ่องกงในวันที่ 11 มี.ค.โดยเบื้องต้นยังไม่ทราบสายการบินและเวลาที่ทั้งสองเตรียมเดินทางออกนอกประเทศ
ก่อนหน้านี้คุณหญิงพจมาน ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศไทยได้ เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดา ซึ่งได้มีคำพิพากษาไปแล้ว คุณหญิงพจมาน จึงได้ยื่นหนังสือขอให้ศาลมีคำสั่งให้ สำนักงานตำรวจคนเข้าเมือง ถอนจากบัญชีรายชื่อบุคคลที่ห้ามออกนอกประเทศ ซึ่งทางศาลฎีกา ได้มีหนังสือ ศย.100/1093 ลงวันที่ 10 มี.ค.2553 ถึง ผบช.สตม. เรื่อง ขอให้ถอนรายชื่อบุคคลต้องห้ามออกนอกประเทศ โดยระบุว่า คดีที่คุณหญิงพจมาน ตกเป็นจำเลยในคดีของศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น บัดนี้ ศาลได้มีคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขอให้ถอนรายชื่อคุณหญิงพจมาน ออกจากรายชื่อบุคคลต้องห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
รายงานแจ้งว่า สำหรับกรณีของ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้วเมื่อคืนวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ ทีจี 910 เมื่อเวลา 00.15 น. จุดหมายปลายทางประเทศอังกฤษ โดยมีผู้ร่วมเดินทางอีก 2 คน คือ นายวิชัย รักศรีอักษร เจ้าของ บริษัท คิงพาวเวอร์ และ นายธีรพล นพรัมภา อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี
มาร์คแขวะไม่ชวนลูกเมียอยู่ไทย
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ยังไม่ทราบว่าออกหรือไม่ แต่ตนเรียนได้ว่า เมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ก็ไม่อยู่กัน ส่วนจะเกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่ก็ต้องถามคุณทักษิณเหมือนกันว่า “ชวนทุกคนอยู่ที่นี่ แต่ว่าคนใกล้ชิดตัวเองไม่ชวนอยู่ละครับ"
นายอภิสิทธิ์ ยังเชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพราะปัญหาหลักไม่ได้อยู่ที่อำนาจเปลี่ยนมือหรือไม่เปลี่ยนมือ ปัญหาหลักอยู่ที่ว่า รักษากติกาและความสงบเรียบร้อยได้ นั่นคือภารกิจที่สำคัญ ตนมั่นใจว่า แนวทางที่เรากำหนดเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ถ้าประชาชนให้ความร่วมมือทุกอย่างก็จะผ่านไปอย่างเรียบร้อย
**ระทึกรถโฟล์กแทรกขบวนมาร์ค 2 หน
ช่วงเย็นวันเดียวกันเกิดเหตุระทึกระหว่างที่ขบวนรถนายอภิสิทธิ์ จะเดินทางกลับบ้านพักซอยสวัสดี ได้มีรถตู้ยี้ห้อโฟล์ก สีน้ำเงิน พยายามแทรกเข้าขบวน บริเวณทางด่วนยมราช แต่ไม่สำเร็จ ขณะที่รถคันเดิมยังพยายามที่จะเบียดแทรกขบวนบนทางด่วน ทั้งนี้สังเกตได้ชัดเจนว่า รถคันดังกล่าวยังใช้วิทยุติดตามตัวแบบเดียวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามนายกฯได้เดินทางถึงบ้านพักอย่างปลอดภัย
** “เหลิม”นกรู้หนีปักหลักสิงคโปร์
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมจากพรรคเพื่อไทยว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางออกจากสนามบินสุวรรภูมิประเทศไทย เมื่อเวลา 21.20 น.วันที่10 มี.ค. โดยมีจุดหมายยังประเทศสิงคโปร์ ด้วยสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ทั้งนี้ไม่มีการยืนยันกำหนดกลับ แต่คาดว่าจะอยู่ดูสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง ทั้งนี้เป็นเพราะไม่เห็นด้วยกับเสื้อแดงและที่รัฐบาลส่งทหารมากดดันตน
**อ้าง “บี๊กจิ๋ว”ป่วยไม่ร่วมวอร์รูมพท.
ขณะที่ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ว่า ตนทราบมาว่า วันที่ 11 มี.ค. นี้ เวลา 05.30 น.จะมีทหาร 3 กองร้อยจากค่ายธนรัชต์ อ.ปราณบุรี เดินทางมาปักหลักที่วัดบางบอนใกล้บ้านตนเพื่อติดตามสถานาการ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง ดังนั้นในวันดังกล่าวตนจะไม่อยู่บ้าน ซึ่งจะเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ ในเวลา 21.25 น. และจะกลับเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า ก่อนไปประเทศสิงคโปร์ ตนได้ไปพบพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคฯ ที่รักษาตัวอยู่รพ.พระมงกุฏฯ โดยได้รับแจ้งว่า พล.อ.ชวลิตก็จะไม่อยู่ร่วมวอร์รูมติดตามสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกับตน โดยตนจะไปพบเพื่อนที่มีบ้านที่สิงคโปร์ และคาดว่า พล.อ.ชวลิต ต้องใช้เวลารักษาตัวจึงไม่เข้าร่วมวอร์รูมกับพรรคพื่อไทย
**ทวิตแก้ต่างลูกสาวเผ่นไปนอก
ช่วงสายวันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เขียนข้อความลงบนเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ดอทคอม โต้ตอบกับแฟนคลับคนเสื้อแดงรายหนึ่งที่บอกให้เปลี่ยนลายเซ็นแล้วจะได้กลับประเทศไทยว่า “มีคนบอกหลายคนเหมือนกันครับกำลังหัดอยู่ครับ ขอบคุณครับ”
อีกคนถามว่า "เหตุใดครอบครัวไม่อยู่ประเทศไทยเวลามีชุมนุม ยืมมือประชาชนหรือไม่" พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบกลับไปว่า “ลูกสาวสองคนเขาไปดูนิทรรศการเรื่องโรงแรมที่เยอรมัน เขาจองกันไว้ล่วงหน้านานมากแล้ว เสร็จงานเขาจะมาเยี่ยมผม เพราะไม่ได้พบกันนานแล้วครับ”
ทั้งนี้เมื่อมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งปลุกระดมให้คนออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงให้มากๆ และใช้ความรุนแรงในการชุมนุม ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องปรามว่า “ใจเย็นๆ น้อง อย่าเป็นคนขี้รำคาญ ฟังเรื่องราวให้ชัดว่ามันมีวันนี้ก็เพราะวาดภาพว่าผมไม่จงรักภักดี ทั้งที่ไม่จริงแล้วก็สั่งการให้ทำลายผม” อีกรายหนึ่งระบุว่า "เห็น พล.ต.ขัตติยะ ไปเยี่ยมบ่อยๆ รู้สึกไม่สบายใจ และไม่ไว้ใจ" พ.ต.ท.ทักษิณ จึงชี้แจงว่า “เสธ.แดงเป็น นตท.รุ่นน้องผมหนึ่งรุ่น มาเยี่ยมผม 2-3 ครั้ง มีคนมาเยี่ยมผมเรื่อยๆ เสื้อเหลืองก็มี คนฝั่งรัฐบาลก็มี เป็นคนไทยมาหาผมก็ดีใจ”
**จวกมาร 2 ตัวจ้องป่วนชุมนุมเสื้อแดง
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังทวิตข้อความด้วยว่า “เราย้ำเสมอว่าต้องยึดแนวของมหาตมะคานธีร์คือสู้ด้วยสันติ และตีแผ่ความจริง ถึงแม้เราจะถูกปิดกั้นสื่อแบบสุดๆ แต่ต้องระวังมาร 2 ตัว มารบุรีรัมย์ มารสุราษฎร์ วันนี้กฎหมายถูกใช้เพื่อปราบปรามทางการเมือง โดยไม่ฟังเสียงชาวบ้าน สันนิษฐานเอาเองว่า ผมไม่จงรักภักดี และคิดว่าเสื้อแดงไม่จงรักภักดีด้วย” นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังตอบอีกรายว่า “คนเป็นล้านคิดว่าไม่มีใครแทรกแบบเดียวกับเมษายนที่แล้วหรือครับ ที่ไอ้มาร 2 ตัว ส่งตำรวจทหารใส่สีน้ำเงินมาไล่ขว้าง/ยิงใส่สีแดง รัฐบาลต้องดู”
**ปลุกระดมต่อเนื่องชุมนุม 14 มี.ค.
เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า "Chattt" เขียนข้อความว่า “จริงๆ มองแบบ game th. ทุกฝ่ายจะเสียประโยชน์หากสถาบันกระทบกระเทือน ดังนั้นผมเชื่อว่าทุกฝ่ายปกป้องสถาบันอยู่แล้วโดยพื้นฐาน เพียงแต่การทำให้เชื่อว่าอีกฝ่ายพยายามล้มล้างสถาบัน เป็นข้ออ้างที่หลงเชื่อได้ง่าย และฝ่ายจำเลยแก้ต่างได้ยาก อะไรคือจงรักภักดี” พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทวิตข้อความกลับไปว่า
“ถูกต้องเลยครับ สถาบันถูกอ้างเพื่อการล้มล้างทางการเมืองมาหลายครั้ง ตั้งแต่สมัยคึกฤทธิ์อยู่ปชป. เข้าไปตะโกนในโรงหนังว่า ปรีดีฆ่าในหลวง”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ส่งข้อความสั้น SMS ไปยังโทรศัพท์มือถือของสมาชิกที่สมัครรับข้อมูลข่าวสารทาง TSLive ด้วยว่า “14 นี้ ร่วมทางคืนประชาธิปไตย และความเป็นธรรมที่หายไปเพื่ออนาคตลูกหลานไทย”
**"น้องแม้ว"ทอดผ้าป่าค่าน้ำมันเสื้อแดง
บ่ายวันเดียวกันที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว กลุ่มคนเสื้อแดงได้ทำพิธีทอดผ้าป่าประชาธิปไตยมีนางเยาวเรศ ชินวัตร อดีตประธานสภาสตรีแห่งชาติ และน้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประธาน ร่วมกับนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ร่วมกับองค์กรเสื้อแดงต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนเป็นค่าน้ำมันรถในการชุมนุมใหญ่ ภายใต้ชื่อ “ร่วมใจซื้อน้ำมันไล่รัฐบาล 1 ล้านคัน 1 ล้านคน” ทั้งนี้คาดว่าน่าจะเงินบริจาคไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท รวมกับยอดอีก 1 ล้านบาทเพราะมีประชาชนจำนวนมากติดต่อมาว่าอยากร่วมชุมนุม แต่ไม่มีค่าน้ำมันรถ
**ไอ้ ตู่ กร้าวนปช.จะแหกทุกด่าน
ด้านหนึ่งในสามเกลออย่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามกุข่าวสร้างสถานการณ์ ว่าจะมีการวางระเบิด 3-4 จุดใหญ่และ 40 จุดย่อย รวมทั้งมีการเปิดประเด็นการก่อวินาศกรรมเกิดขึ้น และปลุกระดมให้คนในแฟลตดินแดงต่อต้านคนเสื้อแดง จึงอยากขอเตือนทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่ได้ร่วมคิดสร้างสถานการณ์เมษาเลือดว่าคนเสื้อแดงจะไม่ยินยอมให้สถานการณ์กลับมาซ้ำรอย เพราะช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่คนเสื้อแดงแข็งแกร่งที่สุด และพร้อมที่จะแหวกด่านมาร่วมชุมนุมภายใต้รัฐธรรมนูญ ตนขอบอกว่าตำรวจและทหารที่ตั้งด่านสกัดประชาชน เท่ากับตำรวจทหารได้ทำผิดกฎหมายเสียเอง คนเสื้อแดงจึงมีสิทธิ์แหวกด่านทุกที่ไม่เว้นแม้แต่ด่านวังน้อย จ.อยุธยา ซึ่งเป็นด่านที่ใหญ่ที่สุด
**ขู่ “สุเทพ”หาที่อยู่ใหม่ไว้เลย
นายจตุพร กล่าวว่าอยากให้นายอภิสิทธิ์ ทบทวน เพราะวันที่คนเสื้อแดงประกาศชุมนุมใหญ่ก็ไม่เห็นว่าสำนักพระราชวังจะมีประกาศให้งดการถวายพระพร แต่พอรัฐบาลประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคง สำนักพระราชวังก็ประกาศงดการถวายพระพร 11-23 มีนาคม ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายความมั่นคงที่ได้ประกาศออกมา ทั้งนี้ตนขอเตือนว่าไม่ว่ารัฐบาลจะประกาศกฎหมายอีกกี่ฉบับก็ไม่สามารถห้ามการชุมนุมของคนเสื้อแดงได้และกว่าจะถึงวันที่ 14 มีนาคม นายสุเทพ จะรู้ว่าคน 1 ล้านคนนั้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งรัฐบาลต้องเตรียมหาที่อยู่ใหม่เอาไว้เลย
ทั้งนี้ในวันที่ 11 มีค.เวลา 13.00 น.ตนพร้อมคณะจะไปแสดงตนกับประธานวุฒิสภา เพื่อยื่นถอดถอนองค์คณะตุลาการศาลฎีกาคดียึดทรัพย์ ด้วยเหตุผลเดียวคือ ผู้พิพากษาจำนวน 8 ใน 9 คนกระทำผิดรัฐธรรมนูญ เพราะพิพากษานอกเหนือจากสิ่งที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจ เพราะไม่ฟังฝ่ายนิติบัญญัติ แต่กลับไปยึดถือประกาศคณะปฏิวัติ โดยเปิดเต้นท์ให้ประชาชนร่วมลงชื่อถอดถอน
“จะไม่มีการกระทำในสิ่งที่กลุ่มพันธมิตรเคยทำเป็นอันขาด หากนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ไม่เชื่อก็ขอให้ไปที่วัดพระแก้วพร้อมกันเพื่อสาบานก่อนการชุมนุม สาปแช่งกันว่าใครจะเป็นผู้สร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดขึ้น ก็ขอให้มีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วัน และครั้งนี้คนเสื้อแดงจะชนะด้วยมือเปล่า”
ส่วนที่นายวีระ ได้แจ้งกลับนายโคทม อารียา ที่เข้าพบนั้นขอให้ไปขอกับทางรัฐบาลว่าอย่ามาใช้แดงเทียมเพื่อสร้างความวุ่นวาย ซึ่ตนในฐานะที่เป็นคนเคยรู้จักกับนายโคทม ก็ขอบอกนายโคทมว่าไม่ต้องมา เพราะมาก็จะเสียเวลาเปล่า และตนจะเปลี่ยนชื่อให้เป็น “นายโคระทม”
ด้านหัวขวดอีกคนหนึ่ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ถือเป็นรัฐบาลที่ใช้กฎหมายความมั่นคงบ่อยที่สุดและถี่ที่สุด ซึ่งสะท้อนภาพรัฐบาลที่ไม่มั่นคงที่สุดและไม่ได้รับการยอมรับที่สุด รัฐบาลชุดนี้กลับประกาศใช้ถึง 18 ฉบับ ซึ่ง 4 ฉบับที่เพิ่มขึ้นนั้นใน 3 ฉบับหลังเป็นไปเพื่อควบคุมคนเสื้อแดง
ทั้งนี้ยืนยันว่า จะไม่มีการยึดสถานนีโทรทัศน์ของรัฐเด็ดขาด และเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดพื้นที่สื่อโทรทัศน์ช่เป็นช่องทางให้แกนนำคนเสื้อแดงได้มีโอกาสพูดคุยความจริงกับเพื่อนร่วมชาติ
**”โคทม”เจอแดงถ่ายด่าหลังพบ”วีระ”
ช่วงเย็นนายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมกับ 6 องค์กรเครือข่าย พบ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำนปช. เพื่อเรียกร้องไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมือง ให้ชุมนุมโดยสันติ และปราศจากอาวุธ ว่า ได้เสนอให้กลุ่ม นปช.และรัฐบาลร่วมกับป้องกัน ระงับและบรรเทาความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุม โดยฝ่ายรัฐบาลพยายามจะตั้งนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี มาเป็นตัวแทน ซึ่งฝั่ง นปช.ก็จะตั้งนพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. มาเป็นตัวแทนในการร่วมมือและหารืออย่างสันติวิธี และตนได้ประสานกับนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อไปพูดคุยกับฝ่ายรัฐบาลในวันที่ 11 มีนาคม
ทั้งนี้ นปช.รับที่ไม่ต้องการชุมนุม 6 จุดในกรุงเทพฯ แต่เป็นเพียงการเคลื่อนพล และนปช.ก็กำลังคิดเรื่องการนิมนต์พระมาทำเขตอภัยทาน เพื่อลดไม่เกิดความรุนแรงจากทั้งสองฝ่าย
ด้านนายชัยวัฒน์ สถาอานันท์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า กลุ่ม นปช.ก็มีความตั้งใจในเรื่องเดียวกัน อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายวันที่ 11 มี.ค.นักวิชาการจำนวนหนึ่งจะมีการหารือเรื่องยุทธศาสตร์สันติวิธี ที่ห้องอาหารโดมพระจันทร์ ม.ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ซึ่งยืนยันในหลักการที่ว่าอยากเห็นทั้งฝ่ายนปช.และฝ่ายรัฐบาลได้ยึดสันติวิธี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังนายโคทมให้สัมภาษณ์เสร็จและจะเดินทางกลับ ได้มีคนเสื้อแดงหลายคน พยายามเข้ามาต่อว่านายโคทม โดยอ้างว่าได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเข้าข้างฝ่ายรัฐบาลในคดียึดทรัพย์ ซึ่งบางคนตะโกนชี้หน้าด่าทอเสียงดังด้วยถ้อยคำหยาบคาย โดยนายโคทมได้แต่ยิ้มรับ
**หวย-กีฬา-การศึกษาประกาศงดหนีเสื้อแดง
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแจ้งว่า เพื่อให้เกิดความไม่สะดวกในการบริการให้กับผู้ที่มาติดต่อประสานงาน ตลอดจนตัวแทนจำหน่ายที่เดินทางมารับสลากงวดวันที่ 1 เมษายนไปจำหน่าย รวมทั้งประชาชนที่มาขึ้นเงินรางวัล ในวันที่ 12 มีนาคมนี้ สำนักงานสลากฯ จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.30-12.00 น.
สำหรับเกมไทยพรีเมียร์ลีกนัดประเดิมสนามในวันที่ 13-14 มี.ค.นี้ ล่าสุดประกาศเลื่อนโปรแกรมการแข่งออกไปทุกคู่ รวมถึงระดับดิวิชั่น 1 และไปเริ่มในวันเสาร์ที่ 20 มี.ค.นี้แทน โดยหากสถานการณ์ยังคงไม่สงบ อาจจะยังต้องเลื่อนต่อไปอีก
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ประกาศหยุดการเรียนการสอนภาคฤดูร้อน ตั้งแต่วันที่ 12-14 มี.ค.นี้ และจะเปิดเรียนตามปกติอีกครั้ง ในวันจันทร์ที่15 มี.ค.นี้
ในส่วนของ มธ. ท่าพระจันทร์ จะงดการเรียนการสอนในวันที่ 13-14 มี.ค.และสำหรับคณะที่จะมีการสอบในช่วงเวลาดังกล่าวก็ให้เลื่อนการสอบออกไปก่อน
สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม โดยเฉพาะวิทยาลัยนาฏศิลป์กรุงเทพ ประกาศเลื่อนการสอบปลายภาคเรียนที่ 2 เป็นวันที่ 21-23 เม.ย. 2553 แทน
ศูนย์ประเมินและรับรองความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม (ศ.ร.ว.) ได้ออกประกาศวันการสอบใหมในขั้นตอนที่ 1 ประเมินความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐาน(Basic Medicine Sciences) เป็น วันเสาร์ที่ 20 มี.ค.53 และการสอบขั้นตอนที่ 2 ประเมินความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก(Clinical Sciences) เป็น วันอาทิตย์ที่ 21มี.ค.53
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ได้ออกหนังสือเวียนแจ้งไปยังสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ให้เตรียมการป้องกันและรักษาความสงบเรียบร้อย