ASTVผู้จัดการรายวัน – กระทรวงการท่องเที่ยวเด้งรับคำสั่งนายกรัฐมนตรี จับมือภาคเอกชน ตำรวจท่องเที่ยว ตั้ง “ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวแห่งชาติ” รับสถานการณ์แดงป่วนเมือง เริ่มปฎิบัติการ 12-23 มี.ค.นี้ตามการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง เปิดสายด่วน 1672 และ 1155 รับเรื่อง 24 ช.ม. ดาวกระจายตำรวจท่องเที่ยว 3 จุดหลัก ขณะที่สมาคมประกันวินาศภัย จัดเจ้าหน้าที่ประจำทุกโรงพยาบาล ขณะที่งานไทยเที่ยวไทยครั้งที่ 18 ยังจัดตามเติม แต่ขอปรับลดเป้าหมายรายได้ลง 20%
วานนี้(10 มี.ค.53) ภายหลังการประชุมการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวระหว่างเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง นางธนิฎฐา มณีโชติ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รักษาการปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ในฐานะประธานการประชุม เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งนี้ มีภาคเอกชนท่องเที่ยว ได้แก่ ตัวแทนจากสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) สมาคมโรมแรมไทย(ทีเอชเอ) ตำรวจท่องเที่ยว และ สมาคมประกันวินาศภัย เข้าร่วม โดยที่ประชุมมีมติ ตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวแห่งชาติ ซึ่งเป็นศูนย์เฉพาะกิจระดับชาติ ทำงานตั้งแต่ 11.00 น. ของวันที่ 12 มี.ค. – 24.00 น. ของคืนวันที่ 23 มี.ค. เพื่อให้สอดคล้องกับการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง
จัดรถโมบายให้ข้อมูล 3 จุดนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้รูปแบบการทำงานของศูนย์ดังกล่าวซึ่งตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจนี้ จะยกระดับศูนย์ ปฎิบัติการวางแผนท่องเที่ยวและศูนย์ปฎิบัติการในภาวะวิกฤติ(ศวก.) ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่มีอยู่แล้ว ขึ้นมาดำเนินการ โดยมีที่ตั้งอยู่ที่อาคารสำนักงานใหญ่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ โดยในช่วงเวลาดังกล่าว
ททท.จะอำนวยความสะดวกด้านสถานที่และการสื่อสาร โดยให้แต่ละหน่วยงานดังกล่าวข้างต้นส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาประจำตลอด 24 ชั่วโมง ดูแลรับส่งข้อมูลข่าวสารและประสานงานไปยังหน่วยงานของตัวเอง เพื่อส่งเจ้าหน้าที่ไปดูและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เน้นที่ต่างชาติเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ของศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวแห่งชาตินี้ ไปประจำเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ใน 3 จุดสำคัญที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก ได้แก่ 1.ย่านชอปปิ้ง สีลม ราชดำริ สยามพารากอน 2.สนามหลวงและบริเวณพระบรมมหาราชวัง และ 3.ถนนข้าวสาร ส่วนคอลเซ็นเตอร์ รับเรื่องร้องทุกข์เดือดร้อน ให้ใช้เบอร์โทรศัพท์ 1672 ของ ททท.และ 1155 ของ ตำรวจท่องเที่ยว
พิมพ์โบว์ชัวร2แสนฉบับแนะเส้นทาง-แหล่งท่องเที่ยวทางเลือก
นายสรรเสริญ เงารังสี รองผู้ว่า ต่างประเทศ ตลาด เอเชีย โอเชียเนีย และแปซิฟิกใต้ ในฐานะรักษาการผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวแห่งชาติ จัดตั้งขึ้นตามคำเสนอแนะของภาคเอกชนท่องเที่ยว ที่ได้นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี โดยให้ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เป็นผู้ดูแลโดยจะประสานการทำงานร่วมกับศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล และ ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร แต่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวแห่งชาตินี้จะดูและและให้ข้อมูลเฉพาะนักท่องเที่ยว
เท่านั้น โดยทำงาน 24 ชั่วโมง วันละ 3 กะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องกะละ 13-14 คน จากทุกหน่วยงาน เบื้องต้น เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แนะนำว่า ควรประสานไปยังกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมทำงานด้วย เพื่อให้เป็นซิงเกิลเซ็นเตอร์ และ ซิงเกิล แมสเสท ในการให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว
นอกจากนั้น ยังเตรียมจัดพิมพ์แผ่นพับจำนวน 2 แสนฉบับ ระบุคำแนะนำเส้นทางการเดินทางและสถานที่ท่องเที่ยวทางเลือก เพื่อให้สมาคมโรงแรม และ แอตต้านำไปแจกให้แก่นักท่องเที่ยว ต่างชาติ และหากเป็นไปได้ จะให้แจกแก่นักท่องเที่ยวตั้งแต่ขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ยวันละ 4.5 หมื่นคน
ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานไปยังสำนักงานตำรวตตรวจคนเข้าเมือง ส่วนงบการจัดพิมพ์แผ่นพับอยู่ระหว่างหารือว่าจะใช้งบของกระทรวงการท่องเที่ยวฯหรืองบของ ททท.และเป็นวงเงินเท่าใด
ส.ประกันฯจัดจนท.ประจำร.พ.
อย่างไรก็ตาม กรณีนักท่องเที่ยวเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ สมาคมประกันวินาศภัยจะส่งเจ้าหน้าที่ประจำยังโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วกรุงเทพฯเพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะขณะนี้ ยังอยู่ในเงื่อนไขการให้ประกันภัยแห่นักท่องเที่ยวต่างชาติตามมาตรการของรัฐบาลวงเงินคุ้มครอง 3.5 แสนบาทต่อคน โดยรัฐบาลได้ต่ออายุมาตรการไปถึง 31 มี.ค.54
“การปฎิบัติงานของศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวแห่งชาตินี้จะทำงานเฉพาะกิจ 12-23 มี.ค.นี้ หากไม่มีสถานการณ์รุนแรงหรือยืดเยื้อศูนย์นี้ก็จะสลายไป โดยตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. จะมีรถตำรวจท่องเที่ยว 4 คันตระเวนตามจุดที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่ และจอดให้บริการข้อมูลและให้ความช่วยเหลือตามจุดต่างๆ เช่น 9.00-18.00 น. ตั้งที่ป้อมวิเศษชัยศรี หลังจากนั้นจะประจำที่ ส.น.ชนะสงคราม
ส่วนเวลา 18.00-24.00 จะจอดรถให้บริการที่บริเวณพระบรมรูปรัชการที่ 6 สวนลุมพินี คาดว่าแผนงานทั้งหมดที่วางไว้จะดูแลนักท่องเที่ยวได้ครอบคลุมทั้งหมด ในเขตกรุงเทพฯ แต่ทั้งนี้ยังมั่นใจว่า สถานการณ์การชุมนุมคงไม่รุนแรงและยืดเยื้อ“ นายสรรเสริญกล่าว
รายงานข่าวระบุว่า ล่าสุดจำนวนประเทศที่ออกคำแนะนำในการเดินทางท่องเที่ยว(Travel Advisory) ยังเท่าเดิมคือ 32 ประเทศไม่เปลี่ยนแปลง แบ่งเป็นเอเชีย 8 ประเทศและยุโรป 24 ประเทศ และยังไม่มีประเทศใดเพิ่มระดับในการเตือน ซึ่ง ททท.ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ยันจัดงานไทยเที่ยวไทยเหมือนเดิมแต่ลดเป้า
รายงานข่าวแจ้งนายกฤต พัตรปาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เค.เอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นต์ จำกัด ผู้จัดงาน ไทยเที่ยวไทยครั้งที่ 18 ที่ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 11-14 มี.ค.นี้ กล่าว ยืนยันจัดงานตามกำหนดเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ได้หารือทางศูนย์ฯให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยตรวจความเรียบร้อย ซึ่งเบื้องต้นยอมรับว่าสถานการณืเช่นนี้อาจมีผลกับการตัดสินใจจับจ่ายของผู้เข้าชมงาน ทำให้ต้องปรับลดเป้าหมายลง 10-20% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะมีรายได้สะพัด 500 ล้านบาท มีผู้เข้าชม 5 แสนคน
วานนี้(10 มี.ค.53) ภายหลังการประชุมการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวระหว่างเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง นางธนิฎฐา มณีโชติ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รักษาการปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ในฐานะประธานการประชุม เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งนี้ มีภาคเอกชนท่องเที่ยว ได้แก่ ตัวแทนจากสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) สมาคมโรมแรมไทย(ทีเอชเอ) ตำรวจท่องเที่ยว และ สมาคมประกันวินาศภัย เข้าร่วม โดยที่ประชุมมีมติ ตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวแห่งชาติ ซึ่งเป็นศูนย์เฉพาะกิจระดับชาติ ทำงานตั้งแต่ 11.00 น. ของวันที่ 12 มี.ค. – 24.00 น. ของคืนวันที่ 23 มี.ค. เพื่อให้สอดคล้องกับการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง
จัดรถโมบายให้ข้อมูล 3 จุดนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้รูปแบบการทำงานของศูนย์ดังกล่าวซึ่งตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจนี้ จะยกระดับศูนย์ ปฎิบัติการวางแผนท่องเที่ยวและศูนย์ปฎิบัติการในภาวะวิกฤติ(ศวก.) ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่มีอยู่แล้ว ขึ้นมาดำเนินการ โดยมีที่ตั้งอยู่ที่อาคารสำนักงานใหญ่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ โดยในช่วงเวลาดังกล่าว
ททท.จะอำนวยความสะดวกด้านสถานที่และการสื่อสาร โดยให้แต่ละหน่วยงานดังกล่าวข้างต้นส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาประจำตลอด 24 ชั่วโมง ดูแลรับส่งข้อมูลข่าวสารและประสานงานไปยังหน่วยงานของตัวเอง เพื่อส่งเจ้าหน้าที่ไปดูและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เน้นที่ต่างชาติเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ของศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวแห่งชาตินี้ ไปประจำเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ใน 3 จุดสำคัญที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก ได้แก่ 1.ย่านชอปปิ้ง สีลม ราชดำริ สยามพารากอน 2.สนามหลวงและบริเวณพระบรมมหาราชวัง และ 3.ถนนข้าวสาร ส่วนคอลเซ็นเตอร์ รับเรื่องร้องทุกข์เดือดร้อน ให้ใช้เบอร์โทรศัพท์ 1672 ของ ททท.และ 1155 ของ ตำรวจท่องเที่ยว
พิมพ์โบว์ชัวร2แสนฉบับแนะเส้นทาง-แหล่งท่องเที่ยวทางเลือก
นายสรรเสริญ เงารังสี รองผู้ว่า ต่างประเทศ ตลาด เอเชีย โอเชียเนีย และแปซิฟิกใต้ ในฐานะรักษาการผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวแห่งชาติ จัดตั้งขึ้นตามคำเสนอแนะของภาคเอกชนท่องเที่ยว ที่ได้นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี โดยให้ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เป็นผู้ดูแลโดยจะประสานการทำงานร่วมกับศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล และ ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร แต่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวแห่งชาตินี้จะดูและและให้ข้อมูลเฉพาะนักท่องเที่ยว
เท่านั้น โดยทำงาน 24 ชั่วโมง วันละ 3 กะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องกะละ 13-14 คน จากทุกหน่วยงาน เบื้องต้น เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แนะนำว่า ควรประสานไปยังกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมทำงานด้วย เพื่อให้เป็นซิงเกิลเซ็นเตอร์ และ ซิงเกิล แมสเสท ในการให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว
นอกจากนั้น ยังเตรียมจัดพิมพ์แผ่นพับจำนวน 2 แสนฉบับ ระบุคำแนะนำเส้นทางการเดินทางและสถานที่ท่องเที่ยวทางเลือก เพื่อให้สมาคมโรงแรม และ แอตต้านำไปแจกให้แก่นักท่องเที่ยว ต่างชาติ และหากเป็นไปได้ จะให้แจกแก่นักท่องเที่ยวตั้งแต่ขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ยวันละ 4.5 หมื่นคน
ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานไปยังสำนักงานตำรวตตรวจคนเข้าเมือง ส่วนงบการจัดพิมพ์แผ่นพับอยู่ระหว่างหารือว่าจะใช้งบของกระทรวงการท่องเที่ยวฯหรืองบของ ททท.และเป็นวงเงินเท่าใด
ส.ประกันฯจัดจนท.ประจำร.พ.
อย่างไรก็ตาม กรณีนักท่องเที่ยวเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ สมาคมประกันวินาศภัยจะส่งเจ้าหน้าที่ประจำยังโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วกรุงเทพฯเพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะขณะนี้ ยังอยู่ในเงื่อนไขการให้ประกันภัยแห่นักท่องเที่ยวต่างชาติตามมาตรการของรัฐบาลวงเงินคุ้มครอง 3.5 แสนบาทต่อคน โดยรัฐบาลได้ต่ออายุมาตรการไปถึง 31 มี.ค.54
“การปฎิบัติงานของศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวแห่งชาตินี้จะทำงานเฉพาะกิจ 12-23 มี.ค.นี้ หากไม่มีสถานการณ์รุนแรงหรือยืดเยื้อศูนย์นี้ก็จะสลายไป โดยตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. จะมีรถตำรวจท่องเที่ยว 4 คันตระเวนตามจุดที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่ และจอดให้บริการข้อมูลและให้ความช่วยเหลือตามจุดต่างๆ เช่น 9.00-18.00 น. ตั้งที่ป้อมวิเศษชัยศรี หลังจากนั้นจะประจำที่ ส.น.ชนะสงคราม
ส่วนเวลา 18.00-24.00 จะจอดรถให้บริการที่บริเวณพระบรมรูปรัชการที่ 6 สวนลุมพินี คาดว่าแผนงานทั้งหมดที่วางไว้จะดูแลนักท่องเที่ยวได้ครอบคลุมทั้งหมด ในเขตกรุงเทพฯ แต่ทั้งนี้ยังมั่นใจว่า สถานการณ์การชุมนุมคงไม่รุนแรงและยืดเยื้อ“ นายสรรเสริญกล่าว
รายงานข่าวระบุว่า ล่าสุดจำนวนประเทศที่ออกคำแนะนำในการเดินทางท่องเที่ยว(Travel Advisory) ยังเท่าเดิมคือ 32 ประเทศไม่เปลี่ยนแปลง แบ่งเป็นเอเชีย 8 ประเทศและยุโรป 24 ประเทศ และยังไม่มีประเทศใดเพิ่มระดับในการเตือน ซึ่ง ททท.ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ยันจัดงานไทยเที่ยวไทยเหมือนเดิมแต่ลดเป้า
รายงานข่าวแจ้งนายกฤต พัตรปาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เค.เอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นต์ จำกัด ผู้จัดงาน ไทยเที่ยวไทยครั้งที่ 18 ที่ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 11-14 มี.ค.นี้ กล่าว ยืนยันจัดงานตามกำหนดเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ได้หารือทางศูนย์ฯให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยตรวจความเรียบร้อย ซึ่งเบื้องต้นยอมรับว่าสถานการณืเช่นนี้อาจมีผลกับการตัดสินใจจับจ่ายของผู้เข้าชมงาน ทำให้ต้องปรับลดเป้าหมายลง 10-20% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะมีรายได้สะพัด 500 ล้านบาท มีผู้เข้าชม 5 แสนคน
