ที่ประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน. ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ มีมติแต่งตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เป็นผู้อำนวยการผู้บัญชาการในการดูแลสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ภารกิจในการรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงในครั้งนี้ จะเน้นรักษากฎหมายเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง โดยไม่ใช้วิธีการปราบปราม แต่จำเป็นต้องมีหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธ เพื่อระงับเหตุป่วน ที่มีคนบางกลุ่มต้องการจะล้มกระดาน ด้วยการสร้างเหตุป่วนเมือง
ในช่วงบ่ายวันนี้(10 มี.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง จะเรียกประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอรส. ที่กองบัญชาการทหารบก เพื่อจัดเตรียมและวางกำลังรักษาความปลอดภัย และรับมือการชุมนุม
ขณะที่ หน่วยงานราชการต่างๆ เตรียมความพร้อมรับมือการชุมนุมเช่นกัน เริ่มจาก กระทรวงมหาดไทยกำชับให้แต่ละจังหวัดสกัดประชาชนไม่ให้มาร่วมชุมนุมในกรุงเทพมหานคร รวมถึงรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ โดยเฉพาะศาลากลาง เพราะอาจตกเป็นเป้าลอบวางระเบิดได้ ส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เตือนสื่อมวลชน โดยเฉพา ช่อง 5 โมเดิร์นไนน์ทีวี และเอ็นบีที ให้ระมัดระวังอาจถูกบุกยึด รวมถึงเตือนสื่อและเตรียมรายงานสด ให้ระมัดระวังระหว่างการทำข่าวการชุมนุมด้วย เช่นเดียวกับ รัฐสภาอาจเลื่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในสัปดาห์หน้าออกไป หากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
ขณะที่เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชน กลุ่มผู้ใช้แรงงาน องค์กรนักศึกษาหลายสถาบัน นักวิชาการทั้งในและต่างประเทศ ได้ออกจดหมายเปิดผนึก สนับสนุนการชุมนุมอย่างสันติวิธี เพราะถือว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการคุกคามสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม ทั้งเรื่องของการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง และการตั้งด่านสกัด รวมทั้งยุติการปล่อยข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า การชุมนุมจะเกิดความรุนแรงขึ้น
ด้าน นายประชา ประสพดี ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้เก็บข้าวของของตนเองไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลปล่อยข่าวว่าจะมีการระเบิดเกิดขึ้น 30-40 จุด เหมือนเป็นการชี้ช่อง ซึ่งหากเกิดเหตุบานปลายขึ้นจริง เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ และฝ่ายค้านเองได้เตรียมมาตรการตอบโต้ทางการเมืองไว้เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ออกมายืนยันว่า ขณะนี้ได้มีการเตรียมการ์ดอาสา ไว้คอยดูแลความปลอดภัยให้กับสื่อมวลชนที่จะมาทำข่าวเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรงอย่างที่รัฐบาลกล่าวอ้าง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ภารกิจในการรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงในครั้งนี้ จะเน้นรักษากฎหมายเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง โดยไม่ใช้วิธีการปราบปราม แต่จำเป็นต้องมีหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธ เพื่อระงับเหตุป่วน ที่มีคนบางกลุ่มต้องการจะล้มกระดาน ด้วยการสร้างเหตุป่วนเมือง
ในช่วงบ่ายวันนี้(10 มี.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง จะเรียกประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอรส. ที่กองบัญชาการทหารบก เพื่อจัดเตรียมและวางกำลังรักษาความปลอดภัย และรับมือการชุมนุม
ขณะที่ หน่วยงานราชการต่างๆ เตรียมความพร้อมรับมือการชุมนุมเช่นกัน เริ่มจาก กระทรวงมหาดไทยกำชับให้แต่ละจังหวัดสกัดประชาชนไม่ให้มาร่วมชุมนุมในกรุงเทพมหานคร รวมถึงรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ โดยเฉพาะศาลากลาง เพราะอาจตกเป็นเป้าลอบวางระเบิดได้ ส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เตือนสื่อมวลชน โดยเฉพา ช่อง 5 โมเดิร์นไนน์ทีวี และเอ็นบีที ให้ระมัดระวังอาจถูกบุกยึด รวมถึงเตือนสื่อและเตรียมรายงานสด ให้ระมัดระวังระหว่างการทำข่าวการชุมนุมด้วย เช่นเดียวกับ รัฐสภาอาจเลื่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในสัปดาห์หน้าออกไป หากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
ขณะที่เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชน กลุ่มผู้ใช้แรงงาน องค์กรนักศึกษาหลายสถาบัน นักวิชาการทั้งในและต่างประเทศ ได้ออกจดหมายเปิดผนึก สนับสนุนการชุมนุมอย่างสันติวิธี เพราะถือว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการคุกคามสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม ทั้งเรื่องของการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง และการตั้งด่านสกัด รวมทั้งยุติการปล่อยข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า การชุมนุมจะเกิดความรุนแรงขึ้น
ด้าน นายประชา ประสพดี ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้เก็บข้าวของของตนเองไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลปล่อยข่าวว่าจะมีการระเบิดเกิดขึ้น 30-40 จุด เหมือนเป็นการชี้ช่อง ซึ่งหากเกิดเหตุบานปลายขึ้นจริง เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ และฝ่ายค้านเองได้เตรียมมาตรการตอบโต้ทางการเมืองไว้เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ออกมายืนยันว่า ขณะนี้ได้มีการเตรียมการ์ดอาสา ไว้คอยดูแลความปลอดภัยให้กับสื่อมวลชนที่จะมาทำข่าวเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรงอย่างที่รัฐบาลกล่าวอ้าง