แดงอีสานโวสาวก 19 จังหวัดเตรียมใช้อีแต๋น-อีต๊อก มอเตอร์ไซค์ แยก 6 กลุ่มเคลื่อน 4 เส้นทางขนเสื้อแดงกว่า 1 แสนบุกกรุง ไม่สนรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ
นายนิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยรักไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มกลุ่มคนเสื้อแดงกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 14 มี.ค.ว่า ในฐานะที่เป็นผู้ประสานงานเครือข่ายคนเสื้อแดงภาคอีสาน ได้ประชุมร่วมกับคนเสื้อแดงภาคอีสาน 19 จังหวัด 120 กลุ่ม ถึงแนวทางการเคลื่อนพลเข้าสู่ กทม.ในวันชุมนุมใหญ่ซึ่งจะมีมวลชนไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน โดยจะเคลื่อนขบวนแยกย่อยเป็น 6 กลุ่มไปตาม 4 เส้นทาง แต่ทุกสายจะต้องผ่านมาที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยยานพาหนะจะมีหลากหลายชนิดซึ่งชาวบ้านหามาเองเท่าที่จะหามาได้ ไม่ว่าจะเป็นรถอีแต๋น อีต๊อก มอเตอร์ไซค์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนว่าทุกคนพร้อมใจกันมา อยากที่จะมาและมาด้วยใจไม่ต้องให้ใครจ้าง บางกลุ่มก็ได้รับบริจาคเสบียงทั้งข้าวสารอาหารแห้งมาอย่างเต็มที่
ส่วนที่รัฐบาลพยายามใช้มาตรการสกัดการเดินทางของคนเสื้อแดงนั้น เป็นเรื่องไม่สมควรทำ น่าจะส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามาชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตยอย่างสันติมากกว่า รัฐบาลคิดหรือว่าจะสกัดได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจแค่หยิบมือเดียวจะรับมือผู้ชุมนุมเป็นหมื่นเป็นแสนได้หรือ นอกจากนั้นรัฐบาลไม่ควรใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเข้ามาควบคุม เพราะเสมือนหนึ่งเป็นรัฐบาลทรราช ใช้อำนาจจัดการคนอื่นตามใจชอบ ยืนยันว่าคนเสื้อแดงมีจุดยืนชัดเจน ผ่านการอบรมหลักสูตรโรงเรียนมาแล้ว ใช้สันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งหากพบว่าบุคคลใดหรือกลุ่มใดมีพฤติกรรมรุนแรงก็จะจับส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที เชื่อว่าไม่ใช่เครือข่ายคนเสื้อแดงแต่เป็นมือที่ 3 แน่นอน สำหรับเป้าหมายของคนเสื้อแดงในการชุมนุมครั้งนี้จะอยู่จนรัฐบาลยุบสภา ขอย้ำว่าคนเสื้อแดงมีความมุ่งมั่นตั้งใจต่อการชุมนุมครั้งนี้อย่างมากว่าจะได้รับชัยชนะ
ด้าน นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ของรัฐบาลไม่ได้ทำให้ผู้ที่จะเดินทางมาร่วมชุมนุมหวาดกลัว ในจังหวัดสมุทรปราการและหลายจังหวัดภาคกลางเตรียมพร้อมหมดแล้ว คาดว่าจะเดินทางมาราว 3 แสนคน โดยรถบัส รถกระบะ และรถส่วนตัวจากทุกทิศทุกทาง ภาคกลางรัฐบาลจะบล็อกอย่างไรก็คงไม่อยู่ เพราะรัฐบาลเป็นคนทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดูรุนแรง ความจริงควรปล่อยให้คนมารวมกันจุดเดียวจะดีกว่า ถ้าให้เขากระจายไปรอบนอกก็เจ๊งแน่นอน
ทั้งนี้ หากเกิดสถานการณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาทหารต้องกล้าตัดสินใจเหมือนเมื่อครั้งที่เคยออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวกดดันให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีลาออก สำหรับการชุมนุมนั้น ในประเทศต่างๆรัฐบาลจะจัดสุขา แพทย์ พยาบาล หรือที่พักให้ แต่เราไม่มีสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นรัฐบาลน่าจะจัดให้ เพราะเราถูกเพ่งเล็งมากในเรื่องสิทธิมนุษยชน
ด้านพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า ที่ประชุมได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองโดยเฉพาะกรณีที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ทั้งๆที่คนเสื้อแดงยังไม่มีการชุมนุม ดังนั้นจึงมองได้ว่ารัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.ดังกล่าวเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง พรรคจึงมีมติให้ตั้งกระทู้ถามสดถึงการบังคับใช้กฎหมายพิเศษกับผู้ชุมนุมในการประชุมสภาสัปดาห์นี้ นอกจากนี้พรรคยังเห็นว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งนี้จะเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะทราบข้อมูลจากส.ส.ในพื้นที่ว่า มีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมด้วยจำนวนมาก พรรคจึงได้กำชับส.ส.ให้เข้าไปแนะนำและทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ทุกเขตให้ยึดแนวทางสันติในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย อยู่ในกรอบของกฎหมาย ทั้งนี้พรรคประเมินด้วยว่า ขณะนี้เชื่อว่ายังไม่มีการปฎิวัติแต่หากมีคนออกมาชุมนุมเป็นจำนวนมากจนเต็มพื้นที่การปฎิวัติก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้แจ้งต่อที่ประชุมส.ส.พรรคถึงกรณีที่มีคนไปตั้งกองบัญชาการที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยพยายามทำลายกลุ่มคนเสื้อแดงและพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย โดยวางแผนใส่ร้ายคนเสื้อแดงใน 3 ส่วนคือ 1.จะมีการก่อเหตุที่ถนนราชวิถี 2.จะมีการให้คนมาสวมเสื้อแดงทำท่าเหมือนว่าจะวิ่งข้ามสะพานปิ่นเกล้าไปที่โรงพยาบาลศิริราช และ3.จะมีการจัดคนเสื้อแดงเทียม 7 ทีมๆละ 20 คนไปยิงตามมัสยิดต่างๆ เพื่อให้สถานการณ์ทวีความรุนแรง โดยเบื้องต้นทราบข่าวว่า มีการเตรียมคนเสื้อแดงเทียมไว้สร้างสถานการณ์ประมาณ 8,000 คนเพื่อให้เกิดความวุ่นวายส่อยื่นซักฟอกหลังเสร็จศึกเสื้อแดง
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วยว่า ขณะนี้พรรคมีความชัดเจนแล้ว ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้ง และเห็นด้วยกับร.ต.อ.เฉลิมที่เสนอให้รอดูสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเสร็จสิ้นก่อน เพราะยังมีเวลา ข้อมูลยังจะไหลเข้ามาอีกมาก พรรคจึงได้มอบให้คณะกรรมการบริหารพรรคไปพิจารณารายชื่อผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีเงาแนบไปกับญัตติเพื่อนำมาแจ้งต่อที่ประชุมพรรคต่อไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลการอภิปรายนั้น อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมข้อมูล ซึ่งจะมีรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายเพิ่มเติมหรือไม่นั้น คงต้องรอให้คณะกรรมการกลั่นกรองฯ เสนอที่ประชุมพรรคอีกครั้งก่อน