ภาคเอกชน หนุนรัฐใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ คุมหางแดงยึดกรุง 12-14 มี.ค.นี้ แนะผู้ชุมนุมควรแสดงออกโดยสงบ สันติวิธี และไม่ก่อความเดือดร้อน เพื่อรักษาบรรยากาศของบ้านเมือง-ภาพลักษณ์ประเทศ ลั่นต้องกันเอาไว้ดีกว่าไปตามแก้ ชี้ “นักธุรกิจ-นักลงทุน” ยิ่งเกิดความมั่นใจ นักท่องเที่ยวเกิดความปลอดภัย
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง โดยระบุว่า ภาคเอกชนต้องการเห็นการชุมนุมในกรอบของการแสดงออกทางประชาธิปไตย และไม่ต้องการเห็นการใช้ความรุนแรง เพราะจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น
ดังนั้น ทั้งผู้ชุมนุมและรัฐบาล ต้องพยายามหาทางออก เช่น ใช้หลักสันติและการเจรจาพูดคุย เพื่อรักษาบรรยากาศของบ้านเมือง ส่วนที่ผู้ชุมนุมจะนำรถเข้ามา ก็ขอให้อยู่ในกรอบ และไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนและภาคขนส่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบในภาพรวม
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวถึงการที่รัฐบาลเตรียมประกาศใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในวันที่ 11-23 มีนาคม 2553 นี้ เพื่อดูแลความเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยเห็นด้วยกับรัฐบาล เพราะถือว่าเป็นการป้องกันไว้ก่อน เพราะหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงแล้วค่อยมาประกาศ ก็จะวุ่นวายเหมือนกับเหตุการณ์เมษาเลือดในปีที่ผ่านมา
“ผมเชื่อว่า การประกาศ พ.ร.บ.จะเป็นการกำหนดพื้นที่การชุมนุม และไม่ทำลายบรรยากาศการลงทุน ตรงกันข้าม ยิ่งทำให้นักลงทุนและภาคธุรกิจเกิดความมั่นใจเข้ามาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ ซึ่งเห็นว่า หากกลุ่ม นปช.จะประชุมเพื่อเรียกร้องกรณีต่างๆ ก็ควรอยู่ในกรอบ”
นายพรศิลป์ กล่าวว่า ในส่วนของภาคเอกชนเอง มองว่า ถ้าเป็นการประท้วงแบบธรรมดา คือการเรียกร้องประชาธิปไตย ก็ไม่น่ามีปัญหา ยอมรับได้ แต่สิ่งที่ไม่อยากเห็น คือ เกิดความรุนแรง การปะทะ และเกิดความวุ่นวาย ประเทศชาติก็ได้รับความเสียหาย ภาพพจน์ต่างๆ ก็จะออกมาไม่ดี เพราะขณะนี้เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว หากเกิดความรุนแรงก็จะกระทบความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนของกลุ่มนักลงทุนต่างๆ และกระทบการท่องเที่ยว จึงอยากให้ทุกฝ่ายควรอยู่ในกฎกติกา เพื่อให้ประเทศชาติสงบสุข
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เห็นด้วยที่รัฐบาลจะออก พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อควบคุมสถานการณ์ เพราะถือเป็นการป้องกันปัญหาไว้ก่อน ขณะนี้ยอมรับว่าข่าวที่ออกมาเกิดความสับสน ว่า จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่ จะปิดสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ หรือไม่ ทำให้ข่าวดังกล่าวแพร่ไปสู่สายตาชาวโลก จึงเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการท่องเที่ยว เพราะประกาศควบคุมบางพื้นที่และประกาศเท่าที่จำเป็น ซึ่งถือว่ารัฐบาลทำถูกต้องแล้วที่เตรียมตัวก่อน แต่อยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายชุมนุมภายใต้กรอบข้อเท็จจริง อย่าใช้อารมณ์
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อควบคุมการชุมนุมของกลุ่ม นปช.เพราะเป็นเรื่องที่จำเป็น เป็นการสร้างความเชื่อมั่น ถือเป็นการป้องกันดีกว่าแก้ไข เนื่องจากหากไม่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ อาจจะเกิดความรุนแรง ประเทศจะเสียหายได้ ซึ่งก็เชื่อว่านักท่องเที่ยวเข้าใจ แต่อาจมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวบ้างเล็กน้อย
“ผมขอให้การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เป็นไปด้วยความสงบ อย่าให้เกิดความรุนแรงซ้ำรอยอีก เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยเสียหายมามาก โดยเฉพาะเหตุการณ์เดือนเมษายน ซึ่งต้องใช้เวลานานและงบประมาณเป็นจำนวนมากในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ ดังนั้น จึงไม่ควรเกิดความเสียหายอีก”
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจในภาพรวมขณะนี้ดีขึ้น ซึ่งหากนักลงทุนมีความเชื่อมั่น และนักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัย จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น พร้อมยอมรับผู้ประกอบการกังวลต่อปัจจัยที่จะบั่นทอนความเชื่อมั่น พร้อมขอให้คนไทยทุกคนร่วมกันเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นแก่ประเทศ