ภาคเอกชน หนุนประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในเขต กทม.เพื่อป้องกันแก๊งหางแดงก่อเหตุรุนแรง ประธาน ส.อ.ท.ยอมรับ ภาคธุรกิจมีความเป็นห่วงการชุมนุมของกลุ่ม นปช.อาจกระทบ ศก.ที่กำลังฟื้นตัว พร้อมวอนให้เห็นแก่บ้านเมือง เพราะเดือนหน้าจะเข้าสู่ช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาฯ อาจกระทบกับการจัดงาน และภาพลักษณ์ประเทศ “ม.หอการค้า” ห่วงการประกาศใช้ยาวนานเกินไป อาจส่งผลกระทบการท่องเที่ยว
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (พ.ร.บ.ความมั่นคง) ในพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานครในช่วงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2552 ถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2552 เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยจากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยระบุว่า ภาคเอกชนเห็นด้วยกับรัฐบาล เพราะเป็นการป้องกันเหตุร้ายในบ้านเมือง พร้อมยืนยันว่า พ.ร.บ.ความมั่นคง จะไม่กระทบต่อการทำธุรกิจ เพราะไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว
“นักธุรกิจมองว่า การประกาศ พ.ร.บ.ในครั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการควบคุมการชุมนุม รวมทั้งเป็นการเตือนผู้ชุมนุม เพื่อให้อยู่ในขอบเขต และไม่ใช้ความรุนแรง”
ประธาน ส.อ.ท.กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาคเอกชนมีความกังวลต่อการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่ม นปช.เนื่องจากเห็นว่า เศรษฐกิจไทย ความเชื่อมั่นนักลงทุน การท่องเที่ยวไทยกำลังฟื้นตัว หากมีการชุมนุมยืดเยื้อและพยายามให้เกิดความรุนแรง จะส่งผลลบต่อปัจจัยดังกล่าวที่กำลังฟื้นตัวได้
ทั้งนี้ กลุ่มนักธุรกิจต้องขอวิงวอนผู้ที่จะออกมาชุมนุมให้ทำการชุมนุมในกรอบอย่างสันติและไม่ใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงเดือนหน้าจะเข้าสู่ช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2552 หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นก็อาจกระทบกับการจัดงานต่างๆ และกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศอย่างมาก
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท.มั่นใจว่า รัฐบาลจะสามารถควบคุมการชุมนุมให้อยู่ในความสงบได้ ซึ่งภาคเอกชนไม่อยากเห็นเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น เนื่องจากการชุมนุมโดยใช้ความรุนแรง เป็นปัจจัยหนึ่งที่บั่นทอนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์
ด้าน นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อดูแลการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง 17 วัน ถือเป็นระยะเวลาที่นานกว่าการประกาศใช้ในทุกครั้งที่ผ่านมา และการประกาศใช้ในครั้งนี้ ถึงเป็นช่วงที่มีข่าวทางการเมืองที่สับสน ซึ่งกรณีดังกล่าวจะทำให้ชาวต่างชาติมีความระมัดระวัง และย่อมส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งจะทำให้ช่วยปีใหม่ของไทยคงไม่คึกคักมากนัก และสถานการณ์การชุมนุมมีความรุนแรงเกิดขึ้น การส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้าให้มีการฟื้นตัวช้าลง
ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ ม.หอการค้าไทย กล่าวเสริมว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้น่าจะมีการขยายตัวทีร้อยละ 2.8 ถ้าการส่งออกขยายตัวที่ร้อยละ 8-10 ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว